
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญ เมื่อต้องยอมรับว่าเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในปี 2568 อาจไม่เป็นไปตามที่ตั้งไว้เดิม ที่ 37.46 ล้านคน และรายได้รวม 3.4 ล้านล้านบาท โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอาจปรับลดลงเหลือใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ที่ 35.54 ล้านคน และที่น่ากังวลคือ ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นตลาดหลัก มีแนวโน้มหดตัวอย่างหนักถึง 30% ในช่วง 4 เดือนแรกของปี ทำให้คาดการณ์ว่าตลอดทั้งปีนักท่องเที่ยวจีนจะอยู่ที่เพียง 4 ล้านคนเท่านั้น จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้สูงกว่านี้
แม้ตลาดจีนจะชะลอตัว แต่ ททท.ไม่ได้นิ่งนอนใจ ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. ได้เปิดเผยถึงสัญญาณเชิงบวกที่กำลังเกิดขึ้นในหลายตลาดศักยภาพ โดยเฉพาะ ยุโรป ตะวันออกกลาง อเมริกา และโอเชียเนีย ที่มีการเติบโตในระดับสองหลักอย่างโดดเด่นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ซึ่งเป็นสิ่งที่ ททท.มุ่งมั่นที่จะผลักดันให้ตลาดเหล่านี้ก้าวสู่การเป็น “Million Market” หรือตลาดที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาถึงหลักล้านคน เพื่อปรับโครงสร้างตลาดสู่ “Value over Volume” หรือเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณอย่างยั่งยืน
จากข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-9 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วกว่า 15.54 ล้านคน โดยพบว่าตลาดมาเลเซียได้แซงหน้าจีนขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ด้วยอัตราการเติบโต 13.22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ททท.ชี้ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตลาดยุโรปที่มีกำลังซื้อสูง โดยรวมเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 13% โดยเฉพาะเยอรมนีที่พุ่งสูงถึง 71% อิตาลี 28% และสวิตเซอร์แลนด์ 24% นอกจากนี้ ตะวันออกกลาง ซึ่งกำลังเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว ก็มีแนวโน้มเติบโตสูงถึง 55% นำโดยซาอุดีอาระเบีย +61% โอมาน +54% และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ +51% รวมถึงอิสราเอล +32.49% ขณะที่ตลาดดาวรุ่งอย่างฟิลิปปินส์ก็แสดงสัญญาณการเติบโตที่ดีที่ 24%
ตลาดขนาดใหญ่ที่มีการเติบโตต่อเนื่องยังคงเป็นอินเดีย +15.4%, รัสเซีย +12.96%, สหราชอาณาจักร +19.3%, สหรัฐอเมริกา +10.2%, เยอรมนี +11.82%, ญี่ปุ่น +9.94%, ฝรั่งเศส +19.27% และออสเตรเลีย +14.67% ขณะที่ตลาดศักยภาพขนาดกลางก็เติบโตโดดเด่นเช่นกัน อาทิ อิสราเอล +74.65%, อิตาลี +28.45%, แคนาดา +7.12%, โปแลนด์ +31.07%, เนเธอร์แลนด์ +12.69% และสวีเดน +10.47%
เพื่อกระตุ้นตลาดในช่วงฤดูฝน ททท.เตรียมอัดฉีดงบประมาณ 2 พันล้านบาทเพื่อคิกออฟโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ในเดือนมิถุนายนนี้ พร้อมกับเร่งฟื้นฟูภาพลักษณ์ของประเทศที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ต่างๆ โดยมั่นใจว่าแม้จำนวนนักท่องเที่ยวอาจไม่เป็นไปตามเป้า แต่ตัวเลขรายได้จากการท่องเที่ยวรวมยังคงสูงกว่าปีก่อนที่ 2.97 ล้านล้านบาทอย่างแน่นอน
ททท.ยังมองเห็นสัญญาณที่ดีจาก Forward Booking ของสายการบินในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2568 (Summer Slot) ที่มีแนวโน้มเติบโตในเกือบทุกตลาด ไม่ว่าจะเป็นยุโรป +21%ตะวันออกกลาง +25%และเอเชีย +7% และยังคงดีต่อเนื่องในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2568 (Winter Slot) อาทิ ยุโรป +17% อเมริกา +12% และเอเชีย +22%
ขณะเดียวกันจะเน้นกลยุทธ์ “Relocation” เพื่อสร้างสมดุลในตลาดและมุ่งส่งเสริมตลาดศักยภาพ ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตร ทั้งสายการบินและทัวร์โอเปอเรเตอร์รายใหญ่ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและแคมเปญต่างๆ เช่น การเปิดเส้นทางบินใหม่และเพิ่มความถี่เที่ยวบินจากลอนดอนและแมนเชสเตอร์ สู่กรุงเทพฯ ของสายการบิน Norse Atlantic Airways และ TUI UK รวมถึงการจัด Joint Promotion กับ British Airways และ Condor เพื่อเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยว First Visit และ Re-visit
นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมร่วมกับ Tour Operator ในตลาดรัสเซีย, ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา เพื่อกระตุ้นยอดขายและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ทั้งกลุ่ม DINKs, Gen Z และ LGBTQ ตลอดจนการเข้าร่วมงานส่งเสริมการขายระดับโลกอย่าง Cannes Yachts Show และ Wedding & Honeymoon Fair
ท้ายที่สุด ททท.จะปรับกลยุทธ์ให้ตอบสนองต่อโครงสร้างตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป โดยให้น้ำหนักกับการสร้างสมดุลของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก นำเสนอจุดขายใหม่ๆ โดยเฉพาะในเมืองรอง หรือเมืองน่าเที่ยว เพื่อสร้างสมดุลในเชิงพื้นที่ และใช้กิจกรรมสร้างสรรค์และ Event Marketing กระตุ้นตลาดในช่วง Green Season เพื่อมุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีกำลังซื้อสูง และสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนตามแนวคิด Value over Volume.
++++++++++++++++++
กัลยา ยืนยง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เมื่อสุขภาพคือความลักชัวรีแบบใหม่
ในยุคที่ผู้คนต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ ทำให้เทรนด์นี้ยังคงมาแรงต่อเนื่อง ซึ่งก็มีข้อมูลที่น่าสนใจจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กับข้อมูลสุดอินไซต์ “ภูมิทัศน์การดูแลสุขภาพของคนไทย” รับเทรนด์เศรษฐกิจอายุยืน
องค์กรต้องกล้าเปลี่ยนผ่าน
ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและแรงกดดันด้านความยั่งยืนที่เข้มข้นขึ้น ทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวรองรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่ง สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA)
แรงงานคืนถิ่น:ทางเลือกที่เป็นโอกาส
‘การเคลื่อนย้ายแรงงาน’ จากภูมิลำเนาเข้าสู่จังหวัดเศรษฐกิจเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานตอนต้น ซึ่งเป็นกำลังแรงงานสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนา อย่างไรก็ตาม
ดันไทย-ญี่ปุ่นปักธงอุตสาหกรรม
ในภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วยการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว และเป้าหมายด้านความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ความสามารถของประเทศในการปรับตัวและสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ประเทศไทยในฐานะฐานการผลิตหลักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยกระดับโครงสร้างอุตสาหกรรมไปสู่ยุคใหม่ที่เน้นมูลค่าสูงและมาตรฐานที่เข้มงวด
ถอดบทเรียนน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้
จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่จังหวัดสงขลา สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างทั้งพื้นที่เมืองและชนบท ส่งผลให้หลายหน่วยงานภาครัฐต้องเร่งวางมาตรการป้องกันอย่างเร่งด่วน ทั้งการฟื้นฟูถนน–สะพานที่ถูกตัดขาด การขุดลอกคูคลอง
เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร
ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย

