
อีกหนึ่งจุดตายของรัฐบาล...
ยังไม่ลืมนะครับ สัปดาห์ก่อน ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง สส.พรรคประชาชน ที่ยื่นสอบ "พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน" รองประธานสภาผู้แทนฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๔๔ กรณีงบปี ๒๕๖๙ ของสำนักงานเลขาธิการสภา
แต่...พรรคส้มไม่เรียกนิติสงคราม
ทั้งๆ ที่สามารถนำไปสู่การล้างบางนักการเมืองได้
รายละเอียดของเรื่องตามนี้ครับ..
สส.พรรคส้ม ๑๒๑ คน ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๔๔ วรรคสาม กรณี “พิเชษฐ์” เป็นผู้ให้ความเห็นชอบการจัดทำโครงการ และให้มีการเสนองบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน ๓ โครงการ ที่นายพิเชษฐ์มีส่วนโดยทางตรงและทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๘
และในกรณีที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีคำขอเสนอโครงการทั้ง ๓ โครงการดังกล่าวอีกครั้งในงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๙ เป็นการเสนอของบประมาณด้วยโครงการที่มีรูปแบบเดียวกันและต่อเนื่องกัน
รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๔๔ วรรคสองบัญญัติไว้ว่า…
"...ในการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือคณะกรรมาธิการ การเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำด้วยประการใดๆ ที่มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือกรรมาธิการ มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย จะกระทำมิได้..."
การไต่สวนพยานบุคคลจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ ๒๔ กรกฎาคมนี้
คำร้องนี้ ศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ศาลมีมติรับคำร้องไว้วินิจฉัย
นั่นคือวันที่ ๑ สิงหาคม
ครับ...นี่คือคร่าวๆ ที่มาของคดีนี้
หากผิดจริงจะนำไปสู่อะไรได้บ้าง
“คำนูณ สิทธิสมาน” อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ไว้ละเอียดยิบครับ
ไปดูบางช่วงบางตอนกัน....
“...การเสนอเรื่องการกระทำผิดตามมาตรา ๑๔๔ สู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมี ๒ ทางจากบุคคล ๒ ประเภท ทางที่ ๑ มาตรา ๑๔๔ วรรคสาม-จาก สส.หรือ สว.
ในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภามีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา เห็นว่ามีการกระทำที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติตามวรรคสอง ให้เสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณา…ฯลฯ…"
เน้นตรงคำว่า “…บทบัญญัติตามวรรคสอง”!
จะเห็นได้ว่า สส.หรือ สว.ยื่นร้องได้เฉพาะความผิดตามมาตรา ๑๔๔ วรรคสอง (มีส่วนใช้งบประมาณรายจ่าย) เท่านั้น วรรคหนึ่ง (แปรญัตติตัดงบใช้หนี้) ยื่นร้องไม่ได้
เป็นบทบัญญัติที่แปลก ทำไมไปจำกัดเช่นนั้น?
ทางที่ ๒ มาตรา ๑๔๔ วรรคสี่และวรรคหก-จากเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดทำงบประมาณรายจ่าย (และรวมถึงประชาชนทั่วไป?)
“เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดจัดทำโครงการหรืออนุมัติหรือจัดสรรเงินงบประมาณโดยรู้ว่ามีการดำเนินการอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ถ้าได้บันทึกข้อโต้แย้งไว้เป็นหนังสือ หรือมีหนังสือแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตทราบ ให้พ้นจากความรับผิด”-วรรคสี่
“ในกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติได้รับแจ้งตามวรรคสี่ ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหงชาติดำเนินการสอบสวนเป็นทางลับโดยพลัน หากเห็นว่ากรณีมีมูล ให้เสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อดำเนินการต่อไปตามวรรคสาม…”-วรรคหก
จากบทบัญญัติในทั้ง ๒ วรรค จะเห็นได้ว่ามีประเด็นต้องพิจารณาอยู่อย่างน้อย ๒ เรื่อง
เรื่องหนึ่ง การแจ้งต่อ ป.ป.ช.ของเจ้าหน้าที่ฯ ทำได้ทั้ง ๒ ฐานความผิดตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง เรื่องนี้ไม่มีข้อสงสัย เพราะตัวบทบัญญัติไว้ชัดเจน
อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากไม่แพ้ประเด็นอื่น ก็คือประชาชนทั่วไปที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐฯ จะใช้สิทธิยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.ได้หรือไม่?
เพราะหากอ่านเฉพาะรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๔๔ วรรคสี่และวรรคหก จะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐฯ เท่านั้น ไม่มีบุคคลประเภทอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง
คำตอบของประเด็นนี้ไม่ได้อยู่ในแค่มาตรา ๑๔๔ แต่ต้องมีมาตรา ๘๘ ด้วย
ไม่ใช่รัฐธรรมนูญ มาตรา ๘๘
หากแต่เป็นมาตรา ๘๘ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑
เรามาดูตัวบทกัน…
“เมื่อความปรากฏต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือเมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ของรัฐตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๔๔ วรรคสี่ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการสอบสวนเป็นทางลับโดยพลัน…"
คีย์เวิร์ดอยู่ที่ประโยคขึ้นต้นเลย
"เมื่อความปรากฏต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ..."
เป็นประโยคที่ไม่มีอยู่ในรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๔๔ วรรคสี่หรือวรรคใด ๆ
ประโยคเดียว-จบข่าว!
คดีตามมาตรา ๑๔๔ ที่ตกเป็นข่าวดังมากกว่าและสร้างความตื่นตะลึงมากกว่าคดีที่ศาลรัฐธรรมเพิ่งรับไปเมื่อ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๘ เพราะจากการแถลงข่าวของคณะผู้ยื่นคำร้องเกี่ยวพันกับทั้ง สส., กรรมาธิการของ สส., สว. และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ครม. การใช้ช่องทางร้องผ่านป.ป.ช.ตามมาตรา ๑๔๔ วรรคสี่ จึงไม่มีปัญหาแต่ประการใด เพราะยื่นเมื่อใด ก็ต้องถือว่า “ความปรากฏต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.” ตามมาตรา ๘๘ แล้วเมื่อนั้น ต้องดำเนินการต่อทันที
หาก ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่ามีมูล เมื่อยื่นต่อมายังศาลรัฐธรรมนูญ กรณีก็จะเข้ามาตรา ๑๔๔ วรรคหกที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่รับไว้พิจารณาตามมาตรา ๑๔๔ วรรคสาม ไม่จำเป็นต้องพิจารณาว่าเรื่องที่ยื่นมานั้นเกิดขึ้นในช่วงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย หรือในช่วงที่พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายนั้นมีผลบังคับใช้แล้ว
ก็เพราะมีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ๒๕๖๑ มาตรา ๘๘ รองรับและขยายความรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ มาตรา ๑๔๔ ไว้อย่างนี้นี่เองผมจึงตั้งชื่อหัวเรื่องพูดคุยวันนี้ว่า…
“๑๔๔-๘๘ รหัสล้างบางนักการเมือง”
คดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องพิจารณาวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วัน
ฐานความผิดตามมาตรา ๑๔๔ มีขอบเขตกว้างขวางมาก โดยเฉพาะคำว่า “การกระทำด้วยประการใดๆ…ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม” ในวรรคสอง
โทษของความผิดก็ร้ายแรงมาก โดยบัญญัติไว้ในวรรคสาม สำหรับกรณีที่ผู้กระทำผิดเป็น สส.หรือสว.ให้ “…สิ้นสุดสมาชิกภาพนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย” และ “เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง”
และถ้าเป็นกรณีคณะรัฐมนตรีก็ให้ “พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย” ยกเว้นรัฐมนตรีคนที่พิสูจน์ได้ว่าไม่อยู่ในที่ประชุมในขณะกระทำความผิด และทั้ง ๒ กรณีจะต้องใช้เงินคืนพร้อมทั้งดอกเบี้ย มีอายุความ ๒๐ ปี
ในกรณีคณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะเพราะเหตุนี้ มาตรา ๑๖๘ (๒) บัญญัติว่าจะอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปมิได้
นี่ยังไม่นับโทษทางอาญาที่จะตามมาอีก !
เราจึงอาจจะได้เห็นปลัดกระทรวงปฏิบัติหน้าที่แทนคณะรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง และปลัดกระทรวงประชุมกันคัดเลือกกันเองให้ปลัดกระทรวงคนหนึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๖๘ วรรคสองที่ยังไม่เคยใช้เหมือนกัน
สมมติฐานนี้ไม่ได้ห่างไกลความจริงนัก
และอาจจะมีปฏิกิริยาลูกโซ่ตามมาให้เห็นอีก
จะมากจะน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ...”
ครับ...นิติสงครามดูเด็กๆ ไปเลยครับ
เพราะนี่ไม่ใช่การสอยตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งเท่านั้น แต่อาจถึงขั้นล้างบางทั้งสภาผู้แทนราษฎร และทำเนียบรัฐบาล
คงจะเป็นมหาสงครามล้างบางนักการเมือง ตามคำร้องของพรรคส้มที่เกลียดนิติสงครามเป็นนักเป็นหนา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทำไมไม่ยึดยุค 'อุ๊งอิ๊ง'
เขย่าพอหอมปากหอมคอ “เบน สมิธ” ชื่อนี้ตอนนี้ เหม็นยิ่งกว่าขี้ ไม่มีใครอยากเข้าใกล้
'เพื่อไทย' ไม่ไปต่อ
พรรคเพื่อไทยจะยื่นซักฟอกรัฐบาลหรือไม่? คำถามนี้เกิดจากคำตอบของนายกฯ อนุทิน วานนี้ (๓ ธันวาคม) "...คาดเข็มขัดนิรภัย..."
รอวันส้มเป็นรัฐบาล
ราคาคุยเยอะจริงๆ... ไม่มีพรรคไหนเก่งไปกว่าพรรคส้มแล้วครับ ไม่ได้ประชด แต่ตามรูปการณ์มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
พันศพ! เละเป็นโจ๊ก
กู่ไม่กลับ... "บิ๊กโจ๊ก" กำลังจะเละเป็นโจ๊ก ไม่รู้ไปเอาข้อมูลมาจากไหนว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ จำนวนมากเกินหลักพัน เน้นนะครับ เฉพาะที่หาดใหญ่
ปรากฏการณ์อภิสิทธิ์
นั่นไง.... บอกแล้วว่าอย่าประมาท “ปรากฏการณ์อภิสิทธิ์” วานนี้ (๓๐ พฤศจิกายน)
ควรโทษใครดี
น้ำท่วมว่าหนักแล้ว น้ำท่วมใจยังหนักกว่า ช่วยชาวบ้านเป็นเรื่องดีครับ แต่ช่วยไปช่วงชิงกันไป เที่ยวไปประกาศว่าช่วยได้กี่คนแล้ว บลั๊ฟกันไปมามันน่าอนาถจริงๆ


