
เบาได้เบาครับ...
อะไรที่มีระเบียบกฎเกณฑ์อยู่แล้วอย่าไปฉีกให้มันวุ่นวาย เพราะลำพังสถานการณ์ของประเทศไทยก็มีเรื่องน่าปวดหัวให้ต้องแก้ไขเยอะอยู่แล้ว
เรื่องต่ออายุราชการ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ ๒ ที่จะเกษียณอายุราชการในอีกไม่กี่เดือนนี้ ด้วยเหตุผลอย่าเปลี่ยนม้ากลางศึก
ฟังดูก็เข้าทีครับ
แต่มันก็ไม่เข้าท่า กับเหตุผลที่ว่าไม่มีนายทหารคนไหนทำหน้าที่ต่อกรกับทหารเขมรได้ดีเท่า “พลโทบุญสิน”
อย่าไปทำให้เพื่อนพ้องน้องพี่รู้สึกหมั่นไส้ “พลโทบุญสิน” ครับ ยังมีรองแม่ทัพภาคที่ ๒ ที่สามารถทำงานทดแทน ได้อย่างไม่แพ้กันแน่นอน
เอาไว้แก้กฎหมายเกษียณอายุราชการเป็น ๖๕ ปี หรือเท่าไหร่ก็แล้วแต่ก่อน เพื่อแก้ปัญหาสังคมผู้สูงอายุ ถึงเวลานั้นค่อยเชียร์ให้ฮีโร่ในดวงใจอยู่ในตำแหน่งเดิมจนเกษียณอายุราชการ เพื่อความต่อเนื่องในการทำงาน
แต่วันนี้ เกษียณ ๖๐ ก็ต้อง ๖๐ ครับ
กองทัพเขามีกฎระเบียบ มีวิธีจัดการกับการเลื่อนชั้นเลื่อนตำแหน่งของเขา คนนอกไม่ควรไปกดดันว่าต้องให้ใครอยู่หรือใครต้องไป
พลโทบุญสิน ท่านเดินมาถึงช่วงท้ายชีวิตราชการแล้ว มีผลงานเป็นที่ประจักษ์มากมาย เป็นที่รักของคนไทยทั้งประเทศ ควรให้ท่านเกษียณอายุราชการอย่างสง่างาม
หลังจากนั้นใครจะเชิญไปเป็นที่ปรึกษาก็ถือว่าได้เพชรเม็ดงามไปครอบครอง
ครับ...เห็นข้อเสนอต่ออายุราชการแม่ทัพภาคที่ ๒ มีผู้คนจำนวนมากเห็นด้วย แล้วรู้สึกไม่สบายใจ เพราะสิ่งที่คิดว่าดีและเหมาะสมแล้วนั้น มันมีข้อให้ต้องพิจารณามากมายครับ
ไปดูโพสต์ต้นเรื่องจาก ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
“...อย่าเปลี่ยนแม่ทัพกลางศึก! ต่ออายุราชการ 'พล.ท.บุญสิน พาดกลาง'
๓๐ กันยายน ๒๕๖๘ ไม่ใช่แค่วันเกษียณของแม่ทัพภาคที่ ๒ แต่กำลังจะกลายเป็น 'วันเสี่ยงสูญเสียโอกาส' ของคนไทยทั้งประเทศ
เพราะตอนนี้ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังไม่สงบ แม่ทัพคนนี้คือหัวใจของแนวหน้า ท่านคือคนที่ทำให้ทหารกัมพูชาต้องถอย เป็นคนที่ยึดพื้นที่เป้าหมาย ๑๐ จาก ๑๑ จุด กลับคืนมาได้ในเวลาเพียงไม่กี่วัน เหลือแค่ 'ปราสาทตาควาย' ที่ระยะห่างจากกำลังทหารไทยเพียง ๓๐ เมตร… ใกล้แค่เอื้อมมือ!
๑.ทำไมต้องให้ท่านอยู่ต่อ?
(๑) สถานการณ์ยังไม่จบ...เราอยู่กลางศึก เป้าหมายยังไม่สำเร็จ จะเปลี่ยนผู้นำตอนนี้ก็เหมือนเปลี่ยนม้ากลางศึก
(๒) ท่านรู้ทุกซอกทุกมุมของสนามรบ...ทั้งแผนยุทธศาสตร์ การวางกำลัง การจัดการโดรนสอดแนม ไปจนถึงปัญหาทุ่นระเบิด
(๓) กำลังพลเชื่อมั่นเต็มร้อย...แม้ทหารบาดเจ็บยังขอกลับไปสู้ต่อ เพราะศรัทธาในแม่ทัพคนนี้
(๔) ท่านมีเป้าหมายเดียวคือ 'ยึดคืนทุกตารางนิ้วให้ประเทศไทย' และประกาศว่าจะทำให้เสร็จในสมัยของท่าน
๒.ถ้ารัฐไม่ต่ออายุราชการจะเกิดอะไรขึ้น?
(๑) ความต่อเนื่องของยุทธการถูกตัดขาด...ผู้นำใหม่ต้องใช้เวลาเรียนรู้สนามรบ ขณะที่ศัตรูไม่รอเรา
(๒) ขวัญกำลังใจทหารอาจตก...เพราะผู้นำที่ยืนเคียงข้างพวกเขาหายไปกลางทาง
(๓) เสี่ยงเสียโมเมนตัมทางทหาร (จังหวะความได้เปรียบและความต่อเนื่องของการปฏิบัติการ)...ชัยชนะที่ใกล้ถึงมือ อาจต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่
นี่ไม่ใช่เรื่องของ 'ตำแหน่ง' แต่คือ เรื่องอธิปไตยของชาติ และนี่ไม่ใช่เกมของระเบียบราชการ แต่คือเกมชีวิตของคนไทยทั้งประเทศ สถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา ยังร้อนระอุ ภารกิจยังค้างคา จำเป็นต้องใช้ 'มาตรการพิเศษในสถานการณ์พิเศษ'
แชร์ให้ดังกึกก้อง! ให้เสียงของประชาชนไปถึงผู้มีอำนาจ...”
มันไม่มีปัญหาเรื่องความต่อเนื่องหรอกครับ เพราะรองแม่ทัพแต่ละท่านก็อยู่ในพื้นที่ตลอด ทำงานควบคู่กับแม่ทัพมาตลอด รับรู้สถานการณ์ทุกอย่าง
ขวัญกำลังใจทหารไม่ตกเพราะเปลี่ยนตัวแม่ทัพตามวาระเกษียณอายุราชการหรอกครับ
ถ้าแม่ทัพถูกการเมืองเด้งนี่สิ เขย่าขวัญลูกน้องแน่นอน
แต่นี่ไม่ใช่
การที่แม่ทัพภาคที่ ๒ ได้รับการต่ออายุราชการ สิ่งที่จะกระทบทันทีคือ รองแม่ทัพขยับไม่ได้ ระดับรองจากรองแม่ทัพก็ขยับไม่ได้เช่นกัน รองจากรองจากรองลงไปก็ขยับลำบาก
อย่าคิดว่าไม่สำคัญนะครับ มันไม่ใช่เรื่องสมบัติผลัดกันชม แต่มันเป็นเรื่องของโครงสร้างกองทัพ ที่เขาวางมาดีแล้ว
ไทย-เขมร จะรบกันต่อหรือไม่ ยังไม่มีใครตอบได้ แต่การเริ่มต้องไม่ใช่ที่ไทย
และเมื่อเขมรเริ่มอีกครั้งเราก็ต้องปกป้องอธิปไตย ยึดแผนที่ ๑ ต่อ ๕๐,๐๐๐ เอาให้เต็มที่
ใครมายึดแผ่นดินไทย ก็หย่อนไข่ให้เต็มเหนี่ยวอย่าได้แคร์พวกโลกสวย
อย่างน้อยให้เป็นสงครามสั่งสอน อบรมว่าเขมรอย่าสะเออะมารบกับไทยอีก
วานนี้ (๑๒ สิงหาคม) “ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน โพสต์ข้อเสนอใหม่ ๓ ข้อ
“...ถ้ารัฐบาลอ้างว่าต่ออายุราชการแม่ทัพภาคที่ ๒ ไม่ได้
เมื่อรัฐบาลเห็นว่าไม่ควรต่ออายุราชการแม่ทัพภาคที่ ๒ เพราะกลัวเสียระบบ ถ้าอย่างนั้นขอเรียกร้องใหม่
๑.อย่าเปลี่ยนตัวแม่ทัพภาคที่ ๒ คนใหม่ตามที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง เสนอ
๒.ขอพระราชทานยศ เป็น 'พลเอก' บุญสิน พาดกลาง เป็นกรณีพิเศษ ที่ยึดคืนแผ่นดินไทยกลับมาได้
๓.เชิญมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (ซึ่งตำแหน่งว่างอยู่)...”
ทั้ง ๓ ข้อหากจะเกิดหลัง แม่ทัพภาคที่ ๒ เกษียณอายุราชการก็ไม่ขัดข้องครับ แต่ก็อยู่ที่ตัวท่านด้วยว่าต้องการอย่างไร
ข้อ ๑ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เพราะมีพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมคุมอยู่
ข้อ ๒ ถือเป็นเกียรติ สมแก่การยกย่องเมื่อมองจากผลงาน
ส่วนข้อ ๓ การเข้าสู่การเมือง ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมภายใต้รัฐบาลระบอบทักษิณ ข้อเสนอนี้อาจกลายเป็นการส่งท่านไปให้การเมืองเชือดโดยไม่ตั้งใจก็ได้
เพราะการเป็นรัฐมนตรีท่านต้องทำตามนโยบายของรัฐบาล
ท่านต้องเป็นลูกน้องนายกฯ ที่เป็นคนของ “ทักษิณ ชินวัตร”
ฉะนั้นคิดกันให้ดี มันยังมีปัจจัยและเงื่อนไขต่างๆ มากมาย
ที่สำคัญเมื่อมีการเมืองมาครอบเต็มตัว ท่านอาจไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างที่ท่านทำในตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ ๒ ได้
แต่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ต้องการจดจำ “พล.ท.บุญสิน พาดกลาง” ในฐานะแม่ทัพภาคที่ ๒ มากกว่า.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทำไมไม่ยึดยุค 'อุ๊งอิ๊ง'
เขย่าพอหอมปากหอมคอ “เบน สมิธ” ชื่อนี้ตอนนี้ เหม็นยิ่งกว่าขี้ ไม่มีใครอยากเข้าใกล้
'เพื่อไทย' ไม่ไปต่อ
พรรคเพื่อไทยจะยื่นซักฟอกรัฐบาลหรือไม่? คำถามนี้เกิดจากคำตอบของนายกฯ อนุทิน วานนี้ (๓ ธันวาคม) "...คาดเข็มขัดนิรภัย..."
รอวันส้มเป็นรัฐบาล
ราคาคุยเยอะจริงๆ... ไม่มีพรรคไหนเก่งไปกว่าพรรคส้มแล้วครับ ไม่ได้ประชด แต่ตามรูปการณ์มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
พันศพ! เละเป็นโจ๊ก
กู่ไม่กลับ... "บิ๊กโจ๊ก" กำลังจะเละเป็นโจ๊ก ไม่รู้ไปเอาข้อมูลมาจากไหนว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ จำนวนมากเกินหลักพัน เน้นนะครับ เฉพาะที่หาดใหญ่
ปรากฏการณ์อภิสิทธิ์
นั่นไง.... บอกแล้วว่าอย่าประมาท “ปรากฏการณ์อภิสิทธิ์” วานนี้ (๓๐ พฤศจิกายน)
ควรโทษใครดี
น้ำท่วมว่าหนักแล้ว น้ำท่วมใจยังหนักกว่า ช่วยชาวบ้านเป็นเรื่องดีครับ แต่ช่วยไปช่วงชิงกันไป เที่ยวไปประกาศว่าช่วยได้กี่คนแล้ว บลั๊ฟกันไปมามันน่าอนาถจริงๆ


