๔ เดือน ‘นายกฯ อนุทิน’

ขอแสดงความยินดีกับ “นายอนุทิน ชาญวีรกูล”

ที่ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น “นายกรัฐมนตรี” คนที่ ๓๒ ตั้งแต่ ๗ กันยายน ๒๕๖๘ เป็นต้นไป

แต่ยังไม่ทันจะได้รับโปรดเกล้าฯ ดีด้วยซ้ำ

พรรคเพื่อไทยไปร้อง “ศาลรัฐธรรมนูญ” ผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎรซะแล้ว ว่า

ที่ “นายกฯ อนุทิน” กับ “นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน ตกลงเงื่อนไข ๕ ข้อร่วมกันนั้น “ขัดรัฐธรรมนูญ”!

ขอให้ศาลฯ วินิจฉัยว่า.....

สมาชิกภาพการเป็น สส.ของนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน

“สิ้นสุดลงเฉพาะตัว” ตามรัฐธรรมนูญหรือไม่!?

ก็ไม่ผิดความคาดหมายสำหรับเพื่อไทย ที่เจ้าของคอกมีปรัชญา “ถ่อย-เถื่อน-สถุล” ว่า

 “เมื่อกูไม่เป็นสุข ใครก็อย่าหวังจะได้อยู่เป็นสุข”!

มันก็ทุเรศปนขยะแขยงนะ

เพื่อไทยก็เป็น ๑ ใน ๒ พรรค ที่เสนอตัวเข้าไปขอรับเงื่อนไขพรรคประชาชน ที่ว่าต้องทำประชามติ แก้รัฐธรรมนูญให้ตั้ง ส.ส.ร.เขียนใหม่ทั้งฉบับ และต้องยุบสภาภายใน ๔ เดือน

แลกกับเสียงโหวต ๑๔๓ เสียง สนับสนุนให้คนพรรคตัวเองเป็นนายกฯ

พรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ต่างเสนอตัวเข้า “ขอรับเงื่อนไข” ของพรรคประชาชน ด้วยกันทั้งคู่

เพื่อไทยซะอีก กลัวจะไม่ได้.....

แถมโปรให้แบบจุกๆ ไม่ต้องรอ ๔ เดือน แถลงนโยบายต่อรัฐสภาปุ๊บ ยุบสภาปั๊บเลย!

แต่พรรคประชาชน เข็ดแล้วกับคำลวงพรรคเพื่อไทย เพราะเชื่อใจ ทำให้เขาต้องถูกพร่าพรหมจรรย์มาแล้วครั้งหนึ่ง จนเป็นบาดแผลใจไม่หายถึงทุกวันนี้

เขาก็เลย “เซย์โน” กับเพื่อไทย ไป “เซย์เยส” กับภูมิใจไทย

เท ๑๔๓ เสียงของพรรคประชาชน โหวตให้นายอนุทินเป็นนายกฯ ด้วยเสียงท่วมท้น ๓๑๑ เสียง!

เนี่ย....พอเขาไม่โหวตให้เพื่อไทยเป็นนายกฯ เท่านั้นแหละ

ก็ไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ ว่าการมีเงื่อนไขระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน “ขัดรัฐธรรมนูญ”!

ในทางกลับกัน ถ้าพรรคประชาชนโหวตให้พรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ ภายใต้เงื่อนไขเดียวกันนั้นล่ะ

“ขัดรัฐธรรมนูญ” มั้ย?

แล้วพรรคเพื่อไทยจะไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ ว่าพรรคตัวเองกับพรรคประชาชนมีการกระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญเหมือนอย่างที่ไปร้องตอนนี้มั้ย?

ใครก็ได้ในพรรคเพื่อไทย ถ้าใจด้านพอ ช่วยตอบที!

“นายอนุทิน” เพิ่งได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็น “นายกรัฐมนตรี” ยังไม่ครบวันดี รัฐบาลก็ยังไม่ได้ตั้ง งานก็ยังไม่ได้รับการส่งมอบจากรัฐบาลเดิม

เก็บความ “อิจฉาริษยา” ไว้ซัก ๒ สัปดาห์ รอผ่านขั้นตอนต่างๆ เรียบร้อยก่อน ถึงวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

“เพื่อไทย-ฝ่ายค้าน” ซึ่งมีเสียงข้างมาก ก็โหวตคว่ำนโยบายรัฐบาลภูมิใจไทย “เสียงน้อยซะ” ก็จะตกเก้าอี้กันไปทันที

เท่กว่า สง่างามกว่า ตามเกม-กติกา ดีกว่า “แพ้แล้วพาล” อย่างพวกนักเลงใจมดข้างถนน!

อยากจะบอกท่านนายกฯ อนุทินว่า อย่าเข้าใจโจทย์ผิดในการเข้ามารับตำแหน่งผู้นำบริหารประเทศ

เงื่อนไข ๔ เดือน ต้องยุบสภา ไม่ใช่โจทย์

โจทย์อยู่ที่ นายกฯ อนุทิน จะใช้เวลา ๔ เดือน ทำให้ประชาชนและนักลงทุนทั้งในและนอกประเทศ มั่นใจว่า....

รัฐบาลภายใต้การนำของท่าน จะทำให้ประเทศเสถียร ทั้งด้านทิศทางนำ ทั้งด้านความมั่นคง

 จนเขากล้าตัดสินใจลงทุน.....

 ทำให้เกิดสภาพคล่องในระบบ ฉุดลากเศรษฐกิจปากท้องชาวบ้านที่แห้งโหยเวลานี้ พอมีเงินไหลมาเป็นกำลังซื้อได้อย่างไร?

นี่ โจทย์มันอยู่ตรงนี้ ถ้านายกฯ ทำให้ประชาชนมั่นใจทิศทางอนาคตจากการนำของท่าน

จะยุบสภาวันนี้ พรุ่งนี้ หรือจะ ๔ เดือน ก็ไม่มีปัญหา

ยุบสภา-เลือกตั้งใหม่วันไหน.....

ประชาชนก็จะเลือกภูมิใจไทยและพรรคร่วมให้กลับมาเป็นรัฐบาลเพื่อทำงานต่อเนื่องเองแหละ...เชื่อเถอะ!

ตรงกันข้าม ๔ เดือน แล้วยังมีแต่เขียด มีแต่สังกะสี ชาวบ้านไม่มีกิน ไม่มีใช้ จนไปพร้อมๆ กันค่า พ่อแม่พี่น้องเหมือนเดิม

มีแต่ช้างลากไส้ เอา ๕,๐๐๐ ล้านไปผลาญบรรลัย แบบนั้นละก็ ภูมิใจไทยของนายกฯ อนุทิน .....

มีอายุ ๔ วัน หรือ ๔ เดือน ก็จะ “ไม่ได้ผุด-ไม่ได้เกิด” ไปตลอดชาติเหมือนๆ กัน!

เห็นท่านแถลง ๔ ข้อหลักที่ต้องทำทันที

-ปัญหาเศรษฐกิจ จะเร่งมาตรการลดรายจ่าย ลดค่าครองชีพ  ลดค่าพลังงาน ค่าเดินทาง ค่าขนส่งต่างๆ ให้ประชาชน

จะแก้ไขปัญหาหนี้สินให้เกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย จะหาทางเสริมสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการและพี่น้องประชาชน

ตลอดจนทำให้รายได้ของชุมชนท้องถิ่นซึ่งเป็นฐานรากของไทยมีฐานรากที่แข็งแรงมากขึ้น

-ด้านความมั่นคง จะเร่งแก้ไขปัญหากรณีพิพาทระหว่าง ไทย-กัมพูชา ด้วยแนวทางสันติภาพ

โดยยึดหลักการที่เรา “ไม่มีวันเสียดินแดน” ในแผ่นดินของเราแม้แต่ตารางเซนติเมตรเดียว และรัฐบาลจะเร่งดำเนินการชดเชยให้กับพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัย

ในบริเวณจังหวัดที่มีชายแดนติดต่อกับกัมพูชาด้วยความรวดเร็วครอบคลุมทุกหลังคาเรือน

-ปัญหาภัยธรรมชาติ จะเร่งต่อยอดการจัดทำ “ระบบเตือนภัย” ที่ทำมาแล้วสมัยที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทย

-ปัญหาเรื่องสังคม จะเร่งปราบปรามการค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ สแกมเมอร์ การพนันและการพนันออนไลน์อย่างจริงจัง

โดยสร้างความร่วมมือกับเพื่อนบ้านและมิตรประเทศเพื่อกำจัดภัยสังคมทุกรูปแบบ

ทั้ง ๔ ข้อที่นายกฯ อนุทินยกมา ผมว่ามันเป็นแพตเทิร์นของงานประจำ ไม่ว่าใครมาเป็นนายกฯ ก็ต้องพูด-ต้องทำ-ต้องแก้

เอาเรื่อง-สองเรื่องสำคัญต่อวิถีชีวิตเศรษฐกิจชาวบ้านก่อนก็พอ ทำให้เห็นผลจริงจัง-จับต้องได้ จะประทับใจจอร์จมากกว่า

เพราะมากไปมันเฝือ ทั้งทำให้เห็นผลทั้งหมดไม่ได้หรอก!

ความมั่นคงประเทศ “กองทัพ” ของเรา ชัวร์ปึ้กอยู่แล้ว

ความมั่นคงในทิศทางด้านเศรษฐกิจ-การลงทุน และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ชาวบ้าน นั่นตะหาก

ที่รัฐบาลอนุทิน ต้องรีบทำให้เกิดความชัวร์ปึ้ก!

เรื่องบ่อน เรื่องยาเสพติด เรื่องค้ามนุษย์ คอลเซ็นเตอร์ ฟอกเงิน นั่น สำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับนายกฯ “เอาจริง” กับตำรวจขนาดไหน?

เห็นตัวรัฐมนตรีต่างประเทศกับรัฐมนตรีคลัง ที่นายกฯ คัดมา นั่นก็มีชัยไปครึ่งแล้ว เรื่องต่างประเทศและเรื่องบริหารเศรษฐกิจเฉพาะหน้า

เงินทุน-ไม่ใช่ปัญหาของประเทศ มีสูงเลยยอดภูเขาทองด้วยซ้ำ

แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่นักลงทุน แบงก์พาณิชย์ เขาไม่มีความเชื่อมั่นในรัฐบาลและทิศทางนำ ไม่กล้าปล่อยกู้และไม่กล้าลงทุน เก็บเงินไว้จนจะท่วมทับพวกเขาตายอยู่แล้ว

นายกฯ อนุทิน ถ้าทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นในทิศทางได้ ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องชาวบ้าน อันเป็นผลสืบเนื่องจากเงินทุนไม่ไหลสู่ระบบก็จะผ่อนคลายและค่อยๆ หายไป

นี่....เวลา ๔ เดือน ไม่ใช่เวลาต้องทำทุกอย่างร้อยแปดพันเก้าให้สำเร็จ

ใช้เวลา ๔ เดือน หาปมที่ผูกมัดเศรษฐกิจและสังคมให้เจอ แล้วแก้มันออก!

เท่านั้นแหละ ทุกอย่างมันจะไหลไปตามระบบของมันเองไปถ้วนทั่ว ขอเพียงสร้าง “ความเชื่อ-ความมั่นใจ” ให้ประชาชนและนักลงทุนให้ได้ก่อน

แต่เห็นมั้ยล่ะ เป็นนายกฯ ไม่ทันข้ามวัน “ความเชื่อ-ความศรัทธา” ในนายกฯ อนุทินก็มาแล้ว!

เมื่อวาน “นายกฯ ฮุน มาเนต” ส่งจดหมายแสดงความยินดีกับนายกฯ อนุทิน ด้วยเนื้อถ้อยร้อยความหวานเจี๊ยบว่า

“ภายใต้การนำที่ชาญฉลาดและมีความสามารถของนายอนุทิน ประเทศไทยจะประสบความก้าวหน้าอย่างยิ่งยวด

 ผมกำลังตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกัน เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้กลับมาสู่ภาวะปกติ

และทำให้พรมแดนของทั้งสองประเทศกลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง

กัมพูชาและไทยเป็นประเทศเพื่อนบ้านตามภูมิศาสตร์ และเป็นสมาชิกอาเซียนร่วมกัน สันติภาพ การอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียว

และความมั่งคั่งร่วมกันระหว่างสองประเทศ คือความปรารถนาของประชาชนทั้งสองฝ่าย

ดังนั้น จึงแสดงความหวังอย่างแรงกล้าว่า ด้วยความมุ่งมั่นร่วมกันระหว่างผมและนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทยในการสร้างความสัมพันธ์อันใกล้ชิดและความร่วมมือที่ดี

ประชาชนกัมพูชา-ไทยจะได้รับความรุ่งเรือง ความก้าวหน้าและความสุขที่ยั่งยืน

ผมกำลังตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์กัมพูชา-ไทยให้กลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง

สร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันและทำให้พรมแดนร่วมของสองราชอาณาจักร กลายเป็นพื้นที่แห่งสันติภาพ ความร่วมมือ การพัฒนา และความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน”

เอาแผ่นดินไทยที่เขมรรุกล้ำเอาไปกลับคืนมาให้หมด ตกลงร่วมกันใช้แผนที่ ๑:๕๐,๐๐๐ ในการปักปันเขตแดน แล้วทำกำแพงกั้นให้ชัดเจน และยกเลิก MOU  43, 44 ที่ปฏิบัติไม่ได้จริงไปซะ

นายกฯ อนุทิน รัฐมนตรีต่างประเทศ และกองทัพ ทำให้เขมรสองพ่อลูกยอมตกลงกันตามนี้ได้

“ยุบสภา” พรุ่งนี้ไปเลย แล้วเลือกตั้งใหม่ ยังไงๆ นายอนุทินก็ได้กลับมาเป็นนายกฯ อยู่ดี

ในขณะที่ วันนี้ วันที่ ๘ กันยา.

๙ กันยา.ศาลฎีกาฯ นัดให้ทักษิณไปฟังคำสั่งด้วย เรื่องป่วยทิพย์ ชั้น ๑๔

แล้วพรุ่งนี้ ใครคิดว่า “ทักษิณจะกลับมาอยู่ดี” บ้างล่ะ?

-เปลว สีเงิน

๘ กันยายน ๒๕๖๘

 

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

๕ ธันวา ‘ฟ้าอวยชัย’

๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๐ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร”

ประณีต 'ข้าวแบรนด์โลก'

เมื่อ ๘๐-๙๐ ปี ที่แล้ว.... ในหนังสือเรียนชั้นประถมปีที่ ๑ ครูให้ท่อง “สินค้าส่งออกที่ขึ้นหน้า-ขึ้นตาของไทย" ไม่ใช่ “ดินสอพอง” หรือ “แป้งผัดหน้า”

เงิน ‘ประชามติ’ แจกน้ำท่วม

มันเป็น “ความสุขอย่างหนึ่ง” ของคน “บางจำพวก” ที่ได้อาศัย “ความทุกข์” ชาวบ้าน จากน้ำท่วมหาดใหญ่และหลายๆ จังหวัดในภาคใต้ ยกเป็นเหตุ ขยี้ขยำ ตำกระทืบ “นายกฯ อนุทิน”

“มิตรในยามยาก”

“หาดใหญ่”...มันใหญ่ที่ไหน รู้มั้ย? มันใหญ่ที่ “ใจ” นั่นไง! มหาอุทกภัยครั้งนี้ ก็เข้าใจ ว่ามันรากเลือดหนักหนา-สาหัส แต่ทำไงได้

‘ดี-ร้าย’ อยู่ที่ ‘มุมมอง’

แล้วก็มาถึง “เดือนสุดท้ายของปี ๒๕๖๘ จนได้! นึกย้อนไปเมื่อ ๒๑ ปีที่แล้ว ๒๖ ธันวา.๔๗ “สึนามิ” ถล่ม ๖ จังหวัดใต้ ภูเก็ต, พังงา, ระนอง, กระบี่, ตรัง และสตูล ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างชาติ เสียชีวิต ร่วม ๖,๐๐๐ คน เจ็บประมาณ ๘,๐๐๐ คน และสูญหายจำนวนมาก