ชะตา “อนาคต” เพื่อไทย

ช่วงนี้มีเรื่องให้ตื่นเต้นที่ต้องลุ้นแทบทุกวัน!

วานซืน ก็ตื่นเต้นกับการลุ้น “นายกฯ คนที่ ๓๒” ปรากฏว่า “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” เข้าวินไป

เมื่อวาน (๘ ก.ย.๖๘) ก็ลุ้นกันอีกว่า “อดีตนายกฯ คนที่ ๒๓” และอดีตนักโทษป่วยทิพย์” ที่ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” จะกลับมาฟังคำสั่งศาลตามนัดหรือไม่?

ปรากฏว่าบินด้วยเจ็ตส่วนตัวกลับมาเรียบร้อยแล้ว ทำเอาพวกเกจิที่ชอบฟันธงหน้าจอ หน้าจ๋อไปพอสมควร

แต่เห็นข่าวบอก น้องเขยอดีตนายกฯ และอดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม “นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์” ไปรอรับที่สนามบิน

มี “ข่าวดี” มาบอก

หรือมารอติววิชากฎหมายให้พี่เมียก็ไม่ทราบ!?

วันนี้ ๙ กันยา. ก็ต้องลุ้นกันอีก เพราะเป็นวันที่ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง” นัดฟังคำสั่งจากผลไต่สวนพยานหลายสิบปาก ในเรื่อง “ป่วยทิพย์” ชั้น ๑๔ ของทักษิณ

ตรงนี้ ต้องย้ำเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องกันว่า.....

ในการพิจารณาของศาลกรณีนี้ “ไม่ได้เป็นการพิจารณาคดี” แต่เป็นการพิจารณาในประเด็น

“การบังคับโทษจำคุกแก่นายทักษิณ ว่าเป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของศาลหรือไม่?

เพราะทักษิณต้องคำพิพากษาให้รับโทษคุกรวมระยะเวลา ๘ ปี จากคดีทุจริต ๓ คดี คือ....

คดีทุจริตที่ดินรัชดาภิเษก จำคุก ๓ ปี, คดีหวยบนดิน จำคุก ๒ ปี และคดีธนาคารกรุงไทย “ปล่อยกู้กฤษดามหานคร” จำคุก ๓ ปี

ทักษิณยื่นถวายฎีกาและได้รับการพระราชทานอภัยลดโทษเหลือจำคุก ๑ ปี

แต่พอเข้าเรือนจำปุ๊บ รพ.ราชทัณฑ์ตรวจปั๊บ บอกว่าทักษิณมีโรค ๔ โรค ได้แก่ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด, ภาวะพังผืดในปอดจากการเคยป่วยปอดอักเสบ, ความดันโลหิตสูง และกระดูกสันหลังเสื่อมในหลายระดับ

ตกค่ำ กรมราชทัณฑ์บอกว่า ทักษิณมีอาการนอนไม่หลับ แน่นหน้าอก วัดความดันโลหิตสูง ระดับออกซิเจนปลายนิ้วต่ำ

แพทย์วินิจฉัยว่าทักษิณป่วยวิกฤต

ส่งตัวไปนอนรอยัลสวีท ชั้น ๑๔ รพ.ตำรวจ ไปแล้ว-ไปลับ ไม่กลับมาติดคุกเลย จนได้รับพักโทษ กลับไปนอน “จันทร์ส่องหล้า”

ประเด็นนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) สอบสวนแล้ว มีผลสอบออกมาว่า

การกระทำของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร, รพ.ตำรวจ และผู้ที่เกี่ยวข้อง กรณีให้นายทักษิณพักรักษาตัวอยู่นานถึง ๑๘๑ วัน

ขัดต่อหลักความเสมอภาค และเป็นการเลือกปฏิบัติ อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ได้ส่งรายงานให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ

เนื่องจากเข้าข่าย “เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่บุคคล” อันอาจเป็นการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ

ขณะที่แพทยสภา พิจารณาจริยธรรมแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ กรณีรักษาตัวของนายทักษิณแล้ว

มีมติให้ลงโทษแพทย์ ๓ ราย เป็นการว่ากล่าวตักเตือน ๑ ราย คือ “พญ.รวมทิพย์ สุภานันท์”

แพทย์ประจำทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ ผู้ทําหน้าที่ตรวจร่างกายผู้ต้องขังรับใหม่และให้ใช้ใบส่งตัวประกอบการย้ายออกไปรักษาที่ รพ.ตำรวจ

ถูกลงโทษด้วยการกล่าวตักเตือน กรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่ได้มาตรฐาน

ส่วนอีก ๒ ราย ที่ถูกพักใบอนุญาตการประกอบเวชกรรม

คือ “พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ” ผู้ช่วย ผบ.ตร. ครั้งเป็นนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ

ถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ๓ เดือน ฐานให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์ไม่ตรงความเป็นจริง กรณีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน และ

“พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์” นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ

ถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ๖ เดือน เนื่องจากให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง

จากกรณีออกใบแสดงความเห็นทางการแพทย์ ๒ ฉบับ ซึ่งถูกไปใช้ประกอบการขอความเห็นชอบให้ผู้ต้องขังพักรักษาตัวนอกเรือนจําเกิน ๓๐ วัน และ ๖๐ วัน

นอกจากแพทย์ราชทัณฑ์และ รพ.ตำรวจที่สอบเป็นพยานแล้ว ศาลยังได้ไต่สวนพยานจากราชทัณฑ์อีกหลายปาก

พยานเป็นกลุ่มแพทย์ พยาบาล ทั้งในสถานพยาบาลเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ, ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ๕ ปาก

พัศดีเวร รองพัศดีเวร กลุ่มเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ที่พานายทักษิณจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปที่ รพ.ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ควบคุม เฝ้าหน้าห้องผู้ป่วย อีก ๙ ปาก

พยานในระดับผู้บริหารที่มาให้ปากคำต่อศาล ก็เช่น

-นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์

-นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์และโฆษกประจำกรมราชทัณฑ์

-นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์

-นายนัสที ทองปลาด อดีตผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการในช่วงเวลาทักษิณถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ

การไต่สวนของศาลเน้นเรื่องการส่งตัวทักษิณไปรักษาตัวนอกเรือนจำว่า “เป็นไปตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ปี ๒๕๖๐” และตาม “กฎกระทรวง” หรือไม่?

และการบังคับโทษ รวมถึงการพิจารณาพักโทษ ที่มีกระบวนการตั้ง “คณะกรรมการ” ขึ้นมาพิจารณา

 โดยให้เปรียบเทียบกับการปฏิบัติกับนักโทษรายอื่นๆ ที่อยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุ ๗๐ ปี

และการให้ความเห็นชอบในการขยายเวลารักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ในช่วง ๓๐ วัน ๖๐ วัน ๑๒๐ วัน และ ๑๘๐ วัน

ก็ต้องทำความเข้าใจในกระบวนการยุติธรรมอีกนั่นแหละ

"การบริหารโทษ" เป็นของกรมราชทัณฑ์

แต่ "การบังคับโทษ" ตามคำพิพากษายังเป็นอำนาจของศาล

ดังนั้น เมื่อสังคมมองว่า “การบริหารโทษ” จำคุกทักษิณของราชทัณฑ์ ส่อว่าราชทัณฑ์ไม่มีการบังคับโทษต่อทักษิณให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาล

จึงนำมาสู่การดำเนินการไต่สวนเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง และตรวจสอบการบริหารโทษว่า “ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่, มีการจองจำตามหมายขังหรือไม่?”

 ดังนั้น ข้อมูลเรื่องเจ็บป่วยของนายทักษิณตั้งแต่คืนแรกที่ย้ายออกจากเรือนจำ เมื่อ ๒๓ ก.ค.๖๖

และช่วงที่พักอยู่ชั้นที่ ๑๔ นาน ๖ เดือน จาก ๒๓ ก.ค.๖๖-๑๘ ก.พ.๖๗ นั้น จึงเป็นข้อมูลสำคัญที่ศาลต้องการคำตอบจากแพทย์และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์

เรื่องนี้ ศาลไต่สวนพยานรวม ๓๑ ปาก “ดร.วิษณุ เครืองาม” อดีตรองนายกฯ ขึ้นเป็นพยานฝั่งจำเลย เป็นปากสุดท้าย

และศาลฎีกาฯ นัดฟังคำสั่งคดีบังคับโทษ “ทักษิณ ชินวัตร” วันที่ ๙ กันยา. เวลา ๑๐.๐๐ น. คือเช้าวันนี้แหละ

ศาลมีคำสั่งให้ “ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ” และ  “นายทักษิณ ชินวัตร” เข้าฟังคำสั่งด้วย!

ก็เมื่อ ๔ กันยา. ก่อนถึงวันศาลนัดไปฟังคำสั่ง ทักษิณก็แกล้งทำให้มิตรและศัตรูเสียว ด้วยการนั่งเจ็ตส่วนตัว ว่าจะไปสิงคโปร์ แต่ดันไปโผล่ที่ดูไบ!?

จากเสียว ทักษิณก็ทำเซอร์ไพรส์ต่อ ใครๆ ก็นึกว่า “ทักษิณหนีไปแล้ว” ตามสโลแกน “คุกมีไว้ขังหมากับคนจน”

แต่ที่ไหนได้ ทักษิณกลับเล่นบท “นักเลงจริง พร้อมติดคุกจริง” บินกลับมาบ่ายแก่ๆ เมื่อวาน เพื่อไปฟังคำสั่งศาลวันนี้!

เห็นว่าศาลฎีกาฯ ที่สนามหลวง ทางเจ้าหน้าที่จัดระเบียบ-จัดสถานที่ รอรับแฟนๆ ที่สนใจจะไปฟังว่า “ศาลจะมีคำสั่งแบบไหน” ไว้เต็มที่

การที่ทักษิณกลับมาโดยมี “คุก” เป็นเดิมพัน เรียกเสียงฮือฮาได้มากทีเดียว วิพากษ์-วิจารณ์กันไป ในแง่มุมต่างๆ นานา

สรุปว่า การกลับมาฟังคำสั่งศาลวันนี้

ดีกรีความสนใจชาวบ้าน-ชาวเมืองพุ่งพรวด ชนิด “ปรอทแตก”!

ยิ่งกับพวกในคอกที่อยู่ในสภาพ “หมาหงอย” ด้วยแล้ว เมื่อเห็นเจ้าของคอกกลับมา ต่างกระดี๊-กระด๊า เกิดความมั่นใจว่า “นายใหญ่ไปได้ยาดี-หมอดี” มาแล้วแน่เลย

วันนี้ นอกจากเป็นวัน “ตัดสินชะตาทักษิณ” แล้ว ยังเป็นวัน “ตัดสินชะตาพรรคเพื่อไทย” ด้วย!

ถ้าทักษิณคืนคุก เห็บจะแย่งกันกระโดด

ถ้าทักษิณรอดคุก เห็บจะอยู่ซุกรอจังหวะ!

แต่ผมอยากบอก สส.เพื่อไทยว่า ว้าวุ่นไปไย ตราบใดที่ “นายสมศักดิ์ เทพสุทิน” กับ "นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" ยังอยู่เป็น “ตัวเงิน-ตัวทอง” ของเพื่อไทย

ยังไงๆ พรรคก็ไม่อับจน ในเมื่อ “ตัวนำโชค” ยังอยู่ เลือกตั้งใหม่ ก็ได้เป็นรัฐบาลอีก เชื่อเหอะ!

ดู “พลังประชารัฐ” ซี ตอน “สมศักดิ์-สุริยะ” อยู่ พลังประชารัฐเป็นพรรคเลี่ยมทองไปเลย...เห็นมั้ย

 แต่พอ “ตัวเงิน-ตัวทอง” ออกจากพรรคเท่านั้นแหละ ประชารัฐ จากพรรคเลี่ยมเงิน-เลี่ยมทอง กลายเป็นพรรคเลี่ยมตะกั่วไปทันที!        

พูดกันตรงๆ นะ เพื่อไทยน่ะ แม้ทักษิณรอด แต่ดูจากที่ “นายกฯ อนุทิน” คัดคนนอกมาเป็นรัฐมนตรีแล้ว ประเทศดูมีความหวังขึ้นมาสว่างไสว

แล้วแบบนี้....

เพื่อไทยไม่กลายเป็น “ซากวัตถุการเมือง” ที่รอการย่อยสลายดอกหรือ เพราะเทียบกับรัฐมนตรีเพื่อไทย แต่ละคนที่ทักษิณเขี่ยขึ้นไปนั่งเก้าอี้

ไม่ใช่ตั้งเพื่อให้ไปแก้ปัญหาบ้านเมือง....

หากแต่ตั้งขึ้นไปทำงานผลาญบ้าน-กินเมืองเพื่อ “ธุรกิจนายในการเมือง”!

นี่...แค่นายกฯ อนุทินขยับ เพื่อไทยก็ไม่ต่างหญ้าที่ถูกก้อนหินใหญ่ทับไปแล้ว

ก็แค่ “กะหร็อม-กะแหร็ม” แซมข้าง ที่หวังจะงอก ไม่มีแล้ว!.

-เปลว สีเงิน

๙ กันยายน ๒๕๖๘

 

คนปลายซอย

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

๕ ธันวา ‘ฟ้าอวยชัย’

๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๐ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร”

ประณีต 'ข้าวแบรนด์โลก'

เมื่อ ๘๐-๙๐ ปี ที่แล้ว.... ในหนังสือเรียนชั้นประถมปีที่ ๑ ครูให้ท่อง “สินค้าส่งออกที่ขึ้นหน้า-ขึ้นตาของไทย" ไม่ใช่ “ดินสอพอง” หรือ “แป้งผัดหน้า”

เงิน ‘ประชามติ’ แจกน้ำท่วม

มันเป็น “ความสุขอย่างหนึ่ง” ของคน “บางจำพวก” ที่ได้อาศัย “ความทุกข์” ชาวบ้าน จากน้ำท่วมหาดใหญ่และหลายๆ จังหวัดในภาคใต้ ยกเป็นเหตุ ขยี้ขยำ ตำกระทืบ “นายกฯ อนุทิน”

“มิตรในยามยาก”

“หาดใหญ่”...มันใหญ่ที่ไหน รู้มั้ย? มันใหญ่ที่ “ใจ” นั่นไง! มหาอุทกภัยครั้งนี้ ก็เข้าใจ ว่ามันรากเลือดหนักหนา-สาหัส แต่ทำไงได้

‘ดี-ร้าย’ อยู่ที่ ‘มุมมอง’

แล้วก็มาถึง “เดือนสุดท้ายของปี ๒๕๖๘ จนได้! นึกย้อนไปเมื่อ ๒๑ ปีที่แล้ว ๒๖ ธันวา.๔๗ “สึนามิ” ถล่ม ๖ จังหวัดใต้ ภูเก็ต, พังงา, ระนอง, กระบี่, ตรัง และสตูล ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างชาติ เสียชีวิต ร่วม ๖,๐๐๐ คน เจ็บประมาณ ๘,๐๐๐ คน และสูญหายจำนวนมาก