รีเซต ‘ประเทศไทย’

ปัญหา “ถ่วงชาติ” ให้ “ติดหล่มนรก” ถึงทุกวันนี้.....

“บอกได้เลย”

มาจาก “การเมืองเลือกตั้ง” และ “คอร์รัปชัน” ในระบบราชการที่สมประโยชน์กับ “นักการเมือง”!

ถามว่า “แล้วชาวบ้าน-ชาวเมืองไม่รู้กันเลยหรือ?”

คำตอบคือ “รู้ยิ่งกว่ารู้”

แต่ใครล่ะ ที่จะเป็นผู้กล้า “เอากระพรวนไปผูกคอแมว”?

เมื่อมีแต่คนรู้ แต่ไร้ผู้กล้า ก็เลยเกิดสโลแกนกลบความขลาดขึ้นว่า...ช่างมัน “โกงแล้วเอามาแบ่งปัน” ไม่เป็นไร!?

คอร์รัปชันจึงเป็น “รากชั่ว” ของต้นไม้พิษ สัญลักษณ์สังคมไทย

คือ “ระบบราชการและนักการเมือง”

ที่ให้ผลผลิตเป็น “ผลไม้พิษ” ประชานิยม ป้อนสังคมชาติ จนมึนเมา-เลอะเลือน “แยกดี-แยกชั่ว” ไม่ออก!

เป็นเวลากว่า ๒ ทศวรรษแล้ว ที่สังคมชาติ “ติดหล่ม” ประชานิยม ที่นักการเมือง “โกงแล้วเอาก้างโยนแบ่งปัน” ให้ชาวบ้านแทะ

“ประชานิยม=คอร์รัปชัน”

จึงเป็น “วงจรอุบาทว์” ที่สังคมชาติเข้าไปติดอยู่ในนั้น จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังหาทางออกไม่ได้

และจะว่าไป “วงจรอุบาทว์” นั้น มันกลับพัฒนารูปแบบ จากคอร์รัปชันงบประมาณผ่านเปอร์เซ็นต์ในโครงการต่างๆ แล้ว

ทุกวันนี้ มันหนักหนาไปถึงระดับ “ชาติก็ขาย-แผ่นดินก็ขาย” ทั้งกัดกร่อนหวังบ่อนทำลาย “สถาบันหลัก” ของชาติให้สลายล่ม!

แล้วใครจะหยุดยั้ง “วงจรอุบาทว์” นี้ได้.....

ก่อนที่ประเทศไทยจะถูกฝังกลบอยู่ในหล่มที่กำลังจมอยู่ตอนนี้?

ชาติ คือ ประชาชน

กองทัพ คือ กำแพงชาติและผู้พิทักษ์ประชาชน

ถ้ากองทัพและประชาชน ร่วมกัน “ตัดรากชั่ว” ของต้นไม้พิษ รักษา “รากดี” ให้แตกรากแก้วใหม่

เปลี่ยน “ต้นไม้พิษ” เป็น “ต้นประชาธิปไตย” เลือกตั้งที่ไม่ต้องใช้สตางค์ซื้อ คนดีๆ เขาก็พร้อมเสนอตัวเข้าสภา มาทำหน้าที่นิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร

“โกงแล้วแบ่งปัน” ผ่าน “ประชานิยม” ก็จะถูกเปลี่ยนไปด้วยสโลแกน “ไม่โกง-ไม่กิน-ไม่สิ้นชาติ”!

การจะเปลี่ยนค่านิยม “ทาสเงินโกง” จากนักการเมือง พูดง่าย แต่ทำยาก เว้นแต่ว่า ถ้าประชาชนเข้มแข็ง จริงจัง ตรวจสอบการทำหน้าที่ของข้าราชการและนักการเมืองละก็

คนไหนทำดี ต้องสรรเสริญ สนับสนุนให้มีบำเหน็จ

คนไหนทำชั่ว มีกี่หัวต้อง “เด็ดทิ้ง” อย่างจริงจัง!

กฎหมาย ต้องเป็นกฎหมาย, คุก-ตะราง ต้องเป็นคุก-ตะราง, ยุติธรรม ต้องยุติที่เป็นธรรม

คนไทยน่ะ โดยพื้นฐาน เป็นคนเกิดจาก “ธาตุดี” ถ้า “เอาจริง” ให้เห็นซักพัก เชื่อเถอะ...ทุกคนก็พร้อมเข้าแถว

“นักการเมือง-ข้าราชการ” คนไหน จะโกงก็ได้

แต่ “ตาย” กับ “คุกตลอดชีวิต” ไม่มีลดหย่อนสถานเดียว!

“เด็ด” ให้ “ขาด” แบบนี้ ไม่กี่ปีหรอก รัฐสภา ก็จะเป็นสถานที่ท่านผู้ทรงเกียรติทำหน้าที่ออกกฎหมาย ตรวจสอบการทำงานรัฐบาล

 ไม่ใช่สถานที่ฟอก “เจ้าพ่อ-มาเฟีย” อย่างที่เป็น

ทำเนียบรัฐบาล ก็จะเป็นสถานที่ของผู้นำทิศ-นำทางบริหารประเทศ ไม่ใช่สถานที่ผู้นำมาเฟียหรือนอมินีมาเฟีย ทำหน้าที่ไส้ศึก

คอย “ปล้นชาติ-ปล้นแผ่นดิน”

ข้าราชการ ก็จะเป็น “ผู้ทำงานต่างพระเนตร-พระกรรณ” ไม่ใช่ผู้คอยเป็นมือ-ตีนให้เจ้าพ่อ-มาเฟียในคราบ “ข้าราชการการเมือง” เพื่อแลกกับยศและตำแหน่ง

บ้านเมืองเรามันตกอยู่ในสภาพนี้มานานกว่า ๒๐ ปี จนเกิดคำว่า “ประเทศมีปัญหาทางโครงสร้าง”!

แต่ประเทศไทย พูดกันชนิดไม่จำเป็นต้องถามถึงเหตุผล พูดได้เลยว่า

ไทยเป็นประเทศที่ “ตกน้ำไม่ไหล-ตกไฟไม่ไหม้”!!!!

ถึงคราว “เจียนอยู่-เจียนไป” ก็จะมีอะไรที่ไม่นึก-ไม่ฝัน มาเป็นตัวผันแปรสถานการณ์นั้นเสมอ

ฉะนั้น พูดในภาพรวม ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ภาวะ “ลอกคราบครั้งใหญ่” ในรอบศตวรรษ!

จะเห็นว่า การเมืองที่กินเมือง ตอนนี้ แต่ละพรรค มีอัน “เปลี่ยนแปลง-ผันแปร” ไปตามเหตุปัจจัยดีและชั่วที่ทำกันไว้

สส.และรัฐบาล มีภาพเป็นตัว “เสนียดบ้าน-เสนียดเมือง” ในสายตาประชาชน

พรรคที่เคยลุ่มหลง ประชาชนก็พากันหน่าย พรรคที่เคยใหญ่ ก็ใกล้จะแตกสลาย พรรคที่ไม่จริงใจต่อ ชาติ ศาสน์ และสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่างก็วิบัติเป็น

ประชาชนที่เคยเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ตอนนี้ ต่างเป็น “บัวพ้นน้ำ” ดวงตาและหัวใจ สว่างไสวในความเป็นชาติ

ที่เคยเพริดไปกับวาทกรรมที่สร้างความเกลียดชังทหารและกองทัพ ถึงขั้นตั้งคำถาม “ทหารมีไว้ทำไม?”

พอเขมรรุกล้ำเข้ามายึดครองแผ่นดินไทย ทหารไม่ยอม เขมรจึงยิงถล่มไทยจนชาวบ้านตายเป็นสิบ

รัฐบาลเพื่อไทย มีท่าที “อู้อี้เหมือนถูกผีเขมรอำ” กองทัพภาค ที่ ๒ โดย “พลโทบุญสิน พาดกลาง”...กูไม่สนใคร แผ่นดินไทย กูไม่ยอมให้ใครมาเอาไปแม้แต่ตารางนิ้วเดียว”

แล้วปฏิบัติการ “ตีเหี้ย” เป็นการสั่งสอนก็เกิดขึ้น

ภายใน ๒-๓ วัน ทหารไทยตียึดแผ่นดินไทยที่เขมรรุกล้ำเอากลับคืนมาได้ ๑๑ แห่ง

จุดยุทธศาสตร์สำคัญ เช่นที่ ช่องอานม้า อุบลฯ ภูมะเขือ ที่ศรีสะเกษ ปราสาทตาเมือนธม ที่สุรินทร์ เป็นต้น

เมื่อ “กองทัพ” ปรากฏตัวเป็น “ผู้กล้า” ออกนำเป็นแนวหน้าภายใต้คำว่า “ตายเพื่อชาติ” มีเกียรติ-มีศักดิ์ศรีกว่าเป็น “ไส้ศึก” ขายชาติให้เขมร

เท่านั้นแหละ.....

ประชาชน “ทั้งแผ่นดิน” จากใต้ จากเหนือ จากออก จากตก รวมตัวเป็น “กองทัพประชาชน” มุ่งอีสานใต้

ทำหน้าที่สนับสนุนและส่งกำลังบำรุงทุกชนิดสู่แนวหน้า ประชาชนที่เคยแตกแยก-แบ่งฝ่าย เมื่อประเทศมีภัย ผองไทยก็ “รวมใจเป็นหนึ่งเดียว”

ไม่เพียงทำให้เขมรขยาด

ทั้งโลกต่างทึ่ง ตื่นตะลึงในพฤติกรรมเลือดไทย เพราะทั่วโลก ไม่เคยปรากฏว่าประชาชนชาติไหน จะรัก-หวงแหนแผ่นดินอย่างไทย

ประชาชนพร้อมใจร่วมปฏิบัติการ บนคำว่าเพื่อ “ชาติไทย” รวมใจเป็นเนื้อเดียวกับกองทัพ!

“รัฐบาลรักษาการ” แทบไม่มีความหมายอะไรเลย

มีเหมือนไม่มี ในกรณี “กระทืบเขมรจมธรณี” เพื่อเอาแผ่นดินกูคืนมา

“ทหาร” กับ “ประชาชน” โดยตรง ที่ทำให้ธงไตรรงค์ขึ้นไปโบกสะบัดอยู่บนยอดภูมะเขือ

“ปิดด่าน-ล้อมรั้ว” และแนวคิด “สร้างกำแพง” กั้นตลอดแนว ๘๐๐ กิโลเมตร ประชาชนผนึกกองทัพ จึงเป็นพลังก่อเกิดรูปธรรม

จากยึดคืนแผ่นดินที่อุบลฯ ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ลามไปถึงเขตกองทัพภาค ที่ ๑

บ้านหนองจาน สระแก้ว ที่เขมรลี้ภัยเข้ามาอยู่แล้วไม่ยอมออกไป ยึดเป็นแผ่นดินเขมรไปเลยนั้น

เมื่อประชาชนเข้มแข็ง “หวงแผ่นดิน” เห็นเขมรดื้อแพ่ง แถมอหังการกับทหารกองทัพภาคที่ ๑

ก็พากันย้ายฐานจากอีสานใต้มาสมทบเป็น “แนวหลัง” สู้กับชาวบ้านที่ทหารเขมรผลักให้ออกหน้ามาราวีแทน

เพราะประชาชนกับกองทัพนั่นแหละ.....

ทั้งบ้านหนองจาน โนนหมากมุ่น และบ้านหนองหญ้าแก้ว โคกสูง สระแก้ว ที่เขมรรุกเข้ามายึด ก็ต้องคายแผ่นดินคืนไทย ถอยกลับไปเขมร

นอกจากพื้นที่ “กองทัพบก” ดูแลแล้ว

พื้นที่อีก ๑๗ จุด ที่ตราด เขตดูแลของ “กองทัพเรือ” ซึ่งเขมรรุกล้ำเขตแดนเข้ามา ตั้งแต่ ตำบลชำราก, แหลมกัด, ไม้รูด, คลองใหญ่

ตอนนี้ “กองทัพเรือ” ปฏิบัติการขับไล่  ชนิดไม่สนว่าจะ “ลูบหน้าปะจมูก” ใคร

ดูภาพรวมแล้ว เห็นชัดว่า การยึดคืนแผ่นดินไทยในรอบ ๒๐ ปีนี้ เป็นปฏิบัติการโดย “กองทัพ” กับ “ประชาชน” โดยตรง

เงินเดือนของ “รัฐบาลรักษาการ” น่าจะโอนมาให้ทหารกับประชาชนเป็นค่าขนมครกแกล้มกาแฟตอนเช้าๆ จะเข้าท่ากว่า

นี่เมื่อวาน (๑๗ ก.ย.) ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารเขมร ใช้ชาวบ้านเป็นแนวหน้าออกมารื้อลวดหนาม

เห็นว่าราวีกับตำรวจ-ทหารถึงขั้นใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยาง เขมรเดนตายจึงยอมล่าถอยไป

ดูตามแนวโน้มแล้ว ผมว่า “ยังไม่จบ” หรอก

เขมรมันคงรอให้พ้นกันยา.เมื่อ “พลโทบุญสิน” ที่มันขยาดเกษียณไป มันต้องเปิดศึกใหม่อีกรอบแน่ แถวๆ ช่องอานม้า ภูมะเขือ และปราสาทตาเมือนธม

ฉะนั้น ตุลา.น่าจะตูมตามอีก ก็ดีเหมือนกัน คราวนี้ต้องตีรุกไปถึงพนมเปญเลย เอาให้มันต้องยกมือไหว้

“พ่อไทยจะเอายังไง ลิ้นสองแฉกตัวนี้ยอมทั้งนั้น”!

ไม่ว่า จะยกเลิก MOU 43, 44 จะใช้แผนที่ ๑:๕๐,๐๐๐ เชิญพ่อตามสบาย ขอชีวิตตัวเหี้ยไว้เท่านั้น

คุยมาทั้งหมดนี้ เจตนาคือ....

อยากบอกว่า ต่อจากนี้ไป “ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม” แน่แล้ว

“กองทัพกับประชาชน” จะรีเซตระบบประเทศใหม่

รัฐบาล ๔ เดือน จะสรุปลงตรงไหน ท่านไม่ต้องสนใจ เพียงให้รู้ไว้

ต้องใช้เวลา “อย่างน้อย ๓ ปี” ไทย-รีเซต จะปรากฏโฉมไฉไล!

-เปลว สีเงิน

๑๘ กันยายน ๒๕๖๘

 คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

๕ ธันวา ‘ฟ้าอวยชัย’

๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๐ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร”

ประณีต 'ข้าวแบรนด์โลก'

เมื่อ ๘๐-๙๐ ปี ที่แล้ว.... ในหนังสือเรียนชั้นประถมปีที่ ๑ ครูให้ท่อง “สินค้าส่งออกที่ขึ้นหน้า-ขึ้นตาของไทย" ไม่ใช่ “ดินสอพอง” หรือ “แป้งผัดหน้า”

เงิน ‘ประชามติ’ แจกน้ำท่วม

มันเป็น “ความสุขอย่างหนึ่ง” ของคน “บางจำพวก” ที่ได้อาศัย “ความทุกข์” ชาวบ้าน จากน้ำท่วมหาดใหญ่และหลายๆ จังหวัดในภาคใต้ ยกเป็นเหตุ ขยี้ขยำ ตำกระทืบ “นายกฯ อนุทิน”

“มิตรในยามยาก”

“หาดใหญ่”...มันใหญ่ที่ไหน รู้มั้ย? มันใหญ่ที่ “ใจ” นั่นไง! มหาอุทกภัยครั้งนี้ ก็เข้าใจ ว่ามันรากเลือดหนักหนา-สาหัส แต่ทำไงได้

‘ดี-ร้าย’ อยู่ที่ ‘มุมมอง’

แล้วก็มาถึง “เดือนสุดท้ายของปี ๒๕๖๘ จนได้! นึกย้อนไปเมื่อ ๒๑ ปีที่แล้ว ๒๖ ธันวา.๔๗ “สึนามิ” ถล่ม ๖ จังหวัดใต้ ภูเก็ต, พังงา, ระนอง, กระบี่, ตรัง และสตูล ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างชาติ เสียชีวิต ร่วม ๖,๐๐๐ คน เจ็บประมาณ ๘,๐๐๐ คน และสูญหายจำนวนมาก