
โธ่เอ๊ย...ไอ้เขมรตูดหมึก!
ไม่ผิดเลยที่ต้นกำเนิดพวกมึงมาจาก “สัตว์ลิ้นสองแฉก”
ตอนบ้านเมืองแตก
ก็หนีตายมาขออาศัยแผ่นดินไทยอยู่ที่สระแก้ว “บ้านหนองจาน” บ้าง ที่ “บ้านหนองหญ้าแก้ว” บ้าง
แผ่นดินตรงนั้นเป็น “แผ่นดินไทย” ไม่ใช่พื้นที่อ้างสิทธิที่รอการปักปันเขตแดนแต่อย่างใด
แต่ด้วยสงสาร “หมาขี้เรื้อน” หลงมา ยังเลี้ยงได้
แต่นี่คนด้วยกัน ถึงเป็นเขมรที่ “เลี้ยงไม่เชื่อง” ก็เถอะ เมื่อบากหน้าหนีร้อนมาพึ่งเย็น ไทยไม่ใจจืด-ใจดำ ที่จะผลักไส-ไล่ส่งหรอก
จึงให้เผ่าพันธุ์ลิ้นสองแฉก ขุดรูอาศัยอยู่ตรงนั้นชั่วคราว
แต่อย่างว่า....เขมรก็คือเขมร
ไม่เคยสำนึกบุญคุณไทย เมื่อเขมรฆ่าเขมรกันเองจบ พวกเดนตายเหล่านี้ เห็นแผ่นดินไทยอยู่สุขสบาย ก็ไม่ยอมกลับ
ทึกทักเอาที่ตรงนั้นเป็นแผ่นดินของเขมรมันไปซะเลย!
เนี่ย มันก็เข้าตำรา “ปล่อยเหี้ยลงบ่อปลา-ปล่อยหมาเข้าเล้าไก่” การจะไล่มันออกไปนั้น แสนยาก
เวลาประชุม JBC, GBC, RBC ทีไร ทุกเงื่อนไข ฝ่ายเขมรตกลงหมด
แฉกหนึ่งก็รับปากจะดูแลคนของตนไม่ให้มีการยั่วยุ
แต่อีกแฉก สั่งทหารขุดคูเลต ส่งกำลังประชิดแดน ฝังกับระเบิด บินโดรนเข้ามา
กระทั่งระดมชาวบ้าน ไม่เว้นกระทั่งพระมาเป็น “โล่มนุษย์” ยั่วยุกวนตีนฝ่ายไทย
ทั้งด่าทอ-ท้าทาย ทั้งรื้อลวดหนาม ทั้งยิงหนังสติ๊กใส่ตำรวจ-ทหาร และทั้งปาก้อนอิฐ-ก้อนหินใส่ และใช้ไม้ระดมตี
ไทยก็เป็น “ผู้ใหญ่ใจดี” ประมาณนั้น นับหนึ่งถึงร้อย มันเห็นทหารไม่ทำอะไร ก็ได้ใจ เหิมเกริม ก็เอากันยกใหญ่ กลายเป็นว่าไทยไปรุกรานฝ่ายเขมร
อย่างเห็นที่ “บ้านหนองหญ้าแก้ว” วานนี้
แล้วพอฝ่ายไทย ยิงแก๊สน้ำตาบ้าง ยิงกระสุนยางบ้าง เพื่อให้ชาวบ้านที่ทหารเขมรเกณฑ์มาราวีไทยถอยออกไป
แค่นั้นแหละ ทำเป็นร้องโอดโอย จะเป็น-จะตาย เป็นการเข้าฉากเพื่อถ่ายทำ-บันทึกภาพเป็น “เขมรการละคร” เพื่อไปฟ้องยูเอ็น
ก็ตามสูตร “สองพ่อลูก” ตระกูลฮุนนั่นแหละ!
บ่าย ๔ โมง ถ่ายทำเสร็จปุ๊บ
นายกฯ เขมร “นายน้ำมะเน็ด” ทำหนังสือฟ้อง “นายอันวาร์” นายกฯ มาเลย์ ในฐานะประธานอาเซียนปั๊บ
ไม่เพียงแค่นั้น ยังทำส่งไปถึงประธานาธิบดีจีน “สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ “โดนัลด์ เจ. ทรัมป์”
ประธานาธิบดีฝรั่งเศส “เอมมานูเอล มาครง” เลขาธิการสหประชาชาติ “อันโตนิโอ กูเตอร์เรส”
และประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๘๐ “นางแอนนาลีนา แบร์บ็อก”
ตวัดลิ้นสองแฉกแผล็บๆ ว่า....
“การกระทำฝ่ายเดียวของไทยถือเป็นความพยายามในการกำหนดเขตแดนฝ่ายเดียวโดยใช้กำลัง
ซึ่งถือเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ 2,000 คำสั่งของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทย (JBC)
และที่บันทึกไว้ในการประชุม GBC และคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (RBC) เมื่อเร็วๆ นี้
ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะไม่ดำเนินการยั่วยุที่อาจเพิ่มความตึงเครียดหรือขยายขอบเขตและขนาดของข้อพิพาท
มาตรการฝ่ายเดียวเหล่านี้ รวมถึงการบังคับใช้กฎอัยการศึกนอกอาณาเขตของไทย ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของกัมพูชาอย่างไม่อาจยอมรับได้ .......ฯลฯ....
แต่ยังก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดการเผชิญหน้าอย่างรุนแรงอีกด้วย”
รู้เช่นเห็นสันดานพวกลิ้นสองแฉกแล้วใช่มั้ย มันว่า
-เป็นการกระทำฝ่ายเดียวของไทย
-เป็นความพยายามกำหนดเขตแดนฝ่ายเดียวโดยใช้กำลัง
-การบังคับใช้กฎอัยการศึกนอกอาณาเขตของไทย ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา
-เสี่ยงที่จะเกิดการเผชิญหน้าอย่างรุนแรง
อู๊ยยย...ข้อสุดท้ายนี่ “การเผชิญหน้าอย่างรุนแรง” นั่นน่ะ ขอให้จริงทีเห้อะ ดีใจฉิบห่ะ....เลย พับผ่า!
ไม่เคยเห็นผู้นำประเทศไหน ตอแหลตอหลดตดใต้น้ำ ปั้นความเท็จใส่คนอื่น หนังหนา-หน้าด้าน แบบนี้
เขมร...พวกมึงนั่นแหละ .....
ลงมือทำฝ่ายเดียวเป็นการยั่วยุ ไทยรำคาญ แค่เตะสั่งสอนสนองอยากไปบ้างเท่านั้น
หาว่าไทยกำหนดเขตแดนฝ่ายเดียวโดยใช้กำลัง...โธ่ “ไอ้น้ำมะเน็ด” เอ๊ยยย
“บ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว” นั่นมันแผ่นดินไทยกูโว้ย ไม่ว่าใช้แผนที่ ๑:๒๐๐,๐๐๐ หรือ ๑:๕๐,๐๐๐ ก็อยู่ในเขตไทย
เห็นพวกเหี้ยรูแตก ไม่มีที่ซุกหัว ซมซานมา ก็ให้อาศัยอยู่ ชิชะ..กลับเนรคุณทึกทักเอาแผ่นดินกูไปเป็นรูถาวรของพวกมึง
แล้วเที่ยวไปฟ้องคนโน้น-คนนี้ว่า “ไทยทึกทักเขตแดนฝ่ายเดียว” เป็นการละเมิดอธิปไตยของเขมร!
พ่องมึงซี...ละเมิดอธิปไตยของเขมร พวกมึงมายึดแผ่นดินกูเห็นๆ ยังมีหน้ามาพูด “ละเมิดอธิปไตยเขมร”
พูดแบบนี้ละก็ ไม่ต้องบอกว่าเสี่ยงจะเกิดความรุนแรงหรอก
มึงรีบส่งทหารมาทำความรุนแรงเร็วๆ เลย
อย่าซุกผ้าถุงชาวบ้านที่ไม่ได้นุ่งกางเกงในให้ออกหน้าแทนเป็นหมาเห่าเลาะรั้วอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เชียวนะ
ทหารไทย ไม่ได้มีไว้ยั่วยุ แต่มีไว้เพื่อยิงกระบาลสั่งสอนพวกยั่วยุ ขอบอกให้นายน้ำมะเน็ดรู้ไว้ด้วย!
ทั้งโลก เขารู้เช่นเห็นสันดาน ๒ พ่อลูกตระกูลฮุนกันหมดแล้ว จนทุกวันนี้ ไม่มีใครเขาเชื่อน้ำลายพวกลิ้นสองแฉกตระกูลนี้
ที่เคยตกลงว่าจะทำ ทั้งในระดับ JBC, GBC, RBC เขมรไม่เคยทำตามที่ตกลงซักอย่าง
อะไรที่ตกลงว่าจะไม่ทำ แต่เขมรกลับทำทุกอย่าง เช่น ไม่ให้ใช้กับระเบิด เขมรก็ลอบฝังกับระเบิด จนทหารไทยขาขาด
ให้ถอนกำลังและอาวุธหนัก เขมรก็เสริมกำลัง-เสริมอาวุธ ขุดคูเลต ส่งชาวบ้านมาเป็นดาวยั่วริมแดน ไม่เว้นแต่ละวัน!
นี่ถ้าทหารไทยไม่อดทนและตีนไวละก็นะ
ไอ้หน่วยบาร์บีคิวชั้นยอดของฮุน เซนนั่นน่ะ ถูกเชือดไปทำปิ้งย่างตามงานวัดไปนานแล้ว บอกให้ด้วยเวทนาหรอก!
การระดมชาวบ้านมายั่วยุฝ่ายไทยและรื้อลวดหนามที่บ้านหนองหญ้าแก้วนั้น “พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์” รมช.กลาโหม บอกเมื่อวาน (๑๘ ก.ย.) ว่า
“จากการสังเกตเมื่อวานนี้ น่าจะเป็นการวางแผนไว้ของฝ่ายกัมพูชา พอมาทำแล้ว วันรุ่งขึ้นก็มีหนังสือไปถึงประเทศต่างๆ ซึ่งเป็นการกระทำที่สอดรับกันมาก”
“การที่นายกฯ กัมพูชาไปประท้วงกับประเทศต่างๆ ว่าไทยกระทำต่อชาวกัมพูชา ซึ่งภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้น อยากจะเรียนว่า
๑.หัวหน้าชุด IOT ของฝ่ายไทย ที่มาจากมาเลเซียได้กล่าวชมเชยไทยเมื่อวานว่า ‘ปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมาย’
ซึ่งเราต้องพยายามทำตามขั้นตอนไว้ แต่สิ่งที่เกินกว่าเหตุ ก็สามารถข้ามขั้นตอนได้
๒.การที่นายกฯ กัมพูชาไปประท้วง ผมก็ไม่เข้าใจ ในขณะที่เราประท้วงกัมพูชาว่ามาวางกับระเบิดในพื้นที่ทัพภาค ๒
กัมพูชากลับมาประท้วงไทยว่า ‘วางรั้วลวดหนาม’ ซึ่งก็ต้องดูว่าอันไหนมันแรงกว่ากัน ตรงนี้ก็คงต้องทำความเข้าใจกันต่อไป ปัจจุบันกระทรวงกลาโหมได้ประสานกระทรวงต่างประเทศให้ทำหนังสือประท้วงไปเช่นกัน”
นอกจากนี้ พลเอกณัฐพล ยังบอกเพิ่มเติม...
“ได้คุยเป็นการส่วนตัวกับผู้บัญชาการทหารบก แม่ทัพที่ ๑ ว่าขอให้ดำเนินการตามกรอบที่มีอยู่ เพราะเรามีกฎการใช้กำลังอยู่แล้ว
ประชาชนไม่ต้องเป็นห่วง แม้ว่ารัฐบาล (ใหม่) จะยังไม่สามารถดำเนินงานได้ตามกฎหมาย
แต่กฎการใช้กำลังของกระทรวงกลาโหมมีอยู่แล้ว และมอบอำนาจให้ตั้งแต่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก แม่ทัพภาค และ ผบ.กองกำลัง
ทุกท่านมีอำนาจตัดสินใจได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการกระทำใดๆ ก็ตาม ที่เป็นการล่วงล้ำอธิปไตย สามารถตัดสินใจได้ทันที”
พูดง่ายๆ กลาโหมไฟเขียว
ไอ้พวกเขมรแหลมมาเมื่อไหร่ เกษตรกรไทยรับรอง “ไม่ขาดปุ๋ย” แน่นอน!
วันนี้ มีเรื่องให้พวกเราได้ชื่นชม “สส.รังสิมันต์ โรม” พรรคประชาชนกัน
คือในที่ประชุม “สมัชชารัฐสภาอาเซียน” (AIPA) ครั้งที่ ๔๖ ที่มาเลเซีย วานซืน (๑๗ ก.ย.) เป็นการหารือระดับ “ผู้บริหารรัฐสภา” จาก ๑๐ ประเทศ
ระหว่างการประชุม “สมเด็จควร สุดารี” ประธานรัฐสภาแห่งชาติเขมร ทะลุกลางปล้อง
เสนอให้ที่ประชุมหารือปัญหาขัดแย้งชายแดนไทย-เขมร ในกรณีการ “ขอเปิดด่านชายแดน”
สส. “รังสิมันต์ โรม” ผู้แทนไทย ยกมือโต้แย้งทันทีว่า
“การที่กัมพูชายกประเด็นที่เป็นเรื่องตรงระหว่างไทย-กัมพูชาเข้าสู่เวทีพหุภาคี ถือเป็นสิ่งไม่เหมาะสม
ไทยขอยืนยัน ประเด็นลักษณะนี้ควรได้รับการแก้ไขผ่านการเจรจาโดยตรง ระหว่างกรุงเทพฯ และพนมเปญ
ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มมีมาตรการสร้างความไว้วางใจอย่างจริงจังแล้ว
นอกจากนี้ยังมีกลไก คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Observer Team - AOT) ไทยยินดีต่อบทบาทของผู้สังเกตการณ์อาเซียน
และยังเป็นผู้นำคณะ ‘ผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว’ ตามแนวชายแดน เพื่อเฝ้าระวังการหยุดยิงและคุ้มครองประชาชน
โดยเมื่อเดือนที่แล้ว คณะ IOT ของอาเซียนได้เดินทางถึงพนมเปญ ภายใต้การนำของมาเลเซียและได้เริ่มปฏิบัติการแล้ว”
สส.โรมยังเน้นต่อที่ประชุมว่า....
“ปัญหาความมั่นคงในพื้นที่เป็นสิ่งที่ไม่อาจละเลยได้ รัฐบาลไทยได้ระบุชัดว่าจะไม่มีการเปิดด่านใดๆ จนกว่าจะบรรลุเงื่อนไข ๓ ประการ ได้แก่
๑.ถอนอาวุธหนัก : ต้องถอนอาวุธขนาดใหญ่ทั้งหมดออกจากแนวชายแดนเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะซ้ำ
๒.ความร่วมมือด้านการกวาดล้างทุ่นระเบิด : ต้องมีการปฏิบัติการร่วมด้านมนุษยธรรมเพื่อกวาดล้างทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิด เพื่อให้ประชาชนสัญจรได้อย่างปลอดภัย
๓.การปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน : ทั้งสองฝ่ายต้องดำเนินการเชิงประจักษ์ต่อเครือข่ายกลุ่มมิจฉาชีพและกิจกรรมผิดกฎหมายในเขตแดนของกัมพูชา
ซึ่งส่งผลต่อหลายประเทศในอาเซียน รวมถึงปัญหาการค้ามนุษย์ ไทยได้ดำเนินการอย่างจริงจัง
โดยได้แบ่งปันข่าวกรองเกี่ยวกับแหล่งปฏิบัติการของมิจฉาชีพกว่า ๕๐ แห่งในกัมพูชาให้แก่ฝ่ายกัมพูชาเพื่อการปราบปรามร่วมกัน
จนกว่าจะมีการรื้อถอนเครือข่ายอาชญากรรมดังกล่าวและสร้างความปลอดภัยให้แก่ชุมชนชายแดน
การปิดด่านบางแห่งของไทยยังคงเป็นมาตรการจำเป็นในการปกป้องประชาชน”
เอาไป ๑๐ กะโหลกเลยครับ สส.โรม!
ท่านทำหน้าที่พิทักษ์ประเทศชาติอันเป็นส่วนรวมในเวทีอาเซียนได้ประทับใจจอร์จมาก
พวกเราเฉยทำไมล่ะ ปรบมือเป็นกำลังใจให้ “สส.รังสิมันต์ โรม” กันซีครับ!.
-เปลว สีเงิน
๑๙ กันยายน ๒๕๖๘
คนปลายซอย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
๕ ธันวา ‘ฟ้าอวยชัย’
๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๐ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร”
ประณีต 'ข้าวแบรนด์โลก'
เมื่อ ๘๐-๙๐ ปี ที่แล้ว.... ในหนังสือเรียนชั้นประถมปีที่ ๑ ครูให้ท่อง “สินค้าส่งออกที่ขึ้นหน้า-ขึ้นตาของไทย" ไม่ใช่ “ดินสอพอง” หรือ “แป้งผัดหน้า”
เงิน ‘ประชามติ’ แจกน้ำท่วม
มันเป็น “ความสุขอย่างหนึ่ง” ของคน “บางจำพวก” ที่ได้อาศัย “ความทุกข์” ชาวบ้าน จากน้ำท่วมหาดใหญ่และหลายๆ จังหวัดในภาคใต้ ยกเป็นเหตุ ขยี้ขยำ ตำกระทืบ “นายกฯ อนุทิน”
“มิตรในยามยาก”
“หาดใหญ่”...มันใหญ่ที่ไหน รู้มั้ย? มันใหญ่ที่ “ใจ” นั่นไง! มหาอุทกภัยครั้งนี้ ก็เข้าใจ ว่ามันรากเลือดหนักหนา-สาหัส แต่ทำไงได้
‘ดี-ร้าย’ อยู่ที่ ‘มุมมอง’
แล้วก็มาถึง “เดือนสุดท้ายของปี ๒๕๖๘ จนได้! นึกย้อนไปเมื่อ ๒๑ ปีที่แล้ว ๒๖ ธันวา.๔๗ “สึนามิ” ถล่ม ๖ จังหวัดใต้ ภูเก็ต, พังงา, ระนอง, กระบี่, ตรัง และสตูล ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างชาติ เสียชีวิต ร่วม ๖,๐๐๐ คน เจ็บประมาณ ๘,๐๐๐ คน และสูญหายจำนวนมาก
🛑LIVE อุทกภัยโซเชียล!! | จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์
อุทกภัยโซเชียล!! จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์ : วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568


