
ผมขอบอกไว้คำ
รัฐบาล ๔ ปี ไม่เคยทำให้ประชาชนคลายทุกข์และมีสุขกับอนาคตที่คิดว่าจะได้เห็นเลย
แต่ “รัฐบาล ๔ เดือน” ภายใต้การนำบริหารของ “นายกฯ อนุทิน” นี่แหละ
ด้วยวิสัยทัศน์ขับเคลื่อนคนและงาน จะสร้างปรากฏการณ์ในกองซากการเมืองที่ล้มเหลวให้เห็น
อะไรที่ ๔ ปี รัฐบาลทำให้ประชาชนไม่ได้
รัฐบาล ๔ เดือน นี่แหละ อะไรที่ว่าทำไม่ได้ จะทำให้เห็น โดยเฉพาะการแก้ปัญหาปากท้องชาวบ้านพอให้หายใจกันได้คล่อง
จะเติมฝันประชาชนที่เลือนรางในเส้นทางสู่อนาคตให้ใสกระจ่างและเดินไปสู่จุดนั้นด้วยกัน แบบมีความหวังเป็นเส้นให้เห็นเหนือขอบฟ้า
สร้างอนาคตก็เหมือนสร้างบ้าน
ถ้าสร้างฐานรากมั่นคงแล้ว ก็ไม่ต้องกลัวว่าในอนาคตจะพัง!
เพราะอะไรผมจึงพูดอย่างนั้น?
เพราะเชื่อว่า ๔ เดือน จะเป็นพลังผลักดันให้นายกฯ อนุทินจัดอันดับความสำคัญในเรื่องที่ต้องแก้-ต้องทำก่อนในเฉพาะหน้าให้ประชาชนพึงพอใจได้
ซึ่งนั่น จะเป็นรากฐานสู่การเลือกตั้งหลังยุบสภาในต้นปีหน้า เพื่อจะกลับมาบน “ฐานศรัทธา” เป็นรัฐบาลนำพาประเทศชาติที่วาดหวังให้ประชาชนเห็นสำเร็จเป็นรูปร่าง
ที่สำคัญ นายกฯ อนุทิน สายตาผม เป็นคนมีกึ๋น
ไม่ใช่นักฉวยโอกาสหากินทางการเมือง เกียรติยศ-ชื่อเสียง และการยอมรับจากประชาชนในผลงาน นั่นตะหาก คือสิ่งที่นายอนุทินปรารถนา
ไม่ใช่เงินจากคำว่า “โกงเอาไปแบ่งกัน”!
คนหัวโต หน้าผากกว้าง กรามใหญ่ คางมั่นคง บ่งบอกว่า เป็นคนมีปัญญาแต่ชอบแกล้งโง่
แต่ตอนนี้ ถึงเวลาต้องโชนฉายแสงแห่งปัญญา “แก้วิกฤต-แก้ปัญหา” ให้ชาติบ้านเมืองแล้ว
ฉะนั้น ต้องสุดๆ ไปเลย วันหนึ่งมี ๒๔ ชั่วโมง
แต่ผู้นำรัฐบาล ๔ เดือน วันหนึ่งต้องมีชั่วโมงที่ ๒๕ ให้กับปัญหาที่สะสม-เรื้อรัง
และขณะนี้ คณะรัฐมนตรี “รัฐบาลภูมิใจไทย” ก็ได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเรียบร้อยแล้ว
.......................................
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี โดยมีรายละเอียดความ ว่า
“พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า
ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๘ แล้ว นั้น
บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกสรรผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้
-นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
-นายโสภณ ซารัมย์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี
-นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นรองนายกรัฐมนตรี
-นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
-ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
-นายสุชาติ ชมกลิ่น เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
-นายภราดร ปริศนานันทกุล เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
-นางสาวศุภมาส อิศรภักดี เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
-นายนภินทร ศรีสรรพางค์ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
-นายสันติ ปิยะทัต เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
-พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
-พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม
-นายวรภัค ธันยาวงษ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
-นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
-นายอรรถกร ศิริลัทธยากร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
-นายอัครา พรหมเผ่า เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
-นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
-นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
-นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
-นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
-นายไชยชนก ชิดชอบ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
-นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
-นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
-นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อีกตำแหน่งหนึ่ง
-นายทรงศักดิ์ ทองศรี เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
-นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
-นางสาวศศิธร กิตติธรกุล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
-พลตำรวจตรี รุทธพล เนาวรัตน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
-นางสาวตรีนุช เทียนทอง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
-นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
-นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
-นายองอาจ วงษ์ประยูร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
-นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
-นายวรโชติ สุคนธ์ขจร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
-นายธนกร วังบุญคงชนะ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
-จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ เป็นปีที่ ๑๐ ในรัชกาลปัจจุบัน
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี
.........................................................
๔ เดือนนี้ นายกฯ อนุทิน ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้สมกับที่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจาก “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”
และต้องไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง โดยเฉพาะปัญหาเฉพาะหน้าที่บ้านเมืองและประชาชนเผชิญอยู่
๑.ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง สภาพคล่องในระบบที่แห้งขอด
๒.ปัญหาชายแดนไทย-เขมร ต้องจบชนิดเบ็ดเสร็จ-เด็ดขาด
๓.ชาติ ประชาชน ความมั่นคง ต้องมาก่อนความสุขสบายของคณะรัฐบาล
ขั้นตอนต่อจากนี้ คือนำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับตำแหน่งและแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
จาก “ตุลาคม” เป็นต้นไป
อนาคตประเทศไทยและชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน จะอยู่บนบ่าของ “รัฐบาลนายกฯ อนุทิน”
อย่าทำให้ชาติต้องร้องไห้
อย่าทำให้ประชาชนต้องผิดหวัง
๔ เดือนต่อจากนี้ ไม่ใช่แค่ ๔ เดือนต่อชะตารัฐบาลอนุทิน
หากแต่เป็น ๔ เดือนของการ “กำหนดทิศ-นำทาง” ชาติและประชาชนให้หลุดพ้นจากหล่มนรก “การเมืองเพื่อกินเมือง”
อย่าไปเสียเวลาอยู่กับเสียงวิพากษ์-วิจารณ์รัฐมนตรีใหม่คนนั้นดี-คนนี้เลวอยู่เลย เมื่อได้รับโปรดเกล้าฯ แล้ว ท่องให้ขึ้นใจอยู่ ๒ คำในการทำงาน
เพื่อ “ชาติและประชาชน” ส่วน “เพื่อตน” ไว้ชาติหน้าก็ยังได้!
“ดี-ชั่ว” แต่ละตัวคน ย่อมรู้อยู่กับตัวเอง ไม่มีอะไรแก้ไขอดีตได้ นอกจากว่า เมื่อมีโอกาสได้ทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ก็จงใช้โอกาสอันหาได้ยากนั้น
ทำปัจจุบันให้ “บริสุทธิ์-ใจสะอาด” เมื่อปัจจุบันดี ก็ไม่ต้องห่วงอนาคตจะไม่ดี
ที่มีนักการเมือง “เสียอำนาจ” แล้วริษยา วิจารณ์ว่าไม่มีใครดีซักคน นั่นไม่ต่าง “หมาเห่าเรือบิน” ปล่อยให้อัดอกตายไปเองเหอะ
ก็เข้าใจ รัฐบาลระบบรัฐสภา จะคัดแต่คนคุณภาพล้วนๆ ไม่เอาปริมาณมาปนมันก็ไม่ได้
เพราะเข้าสภา “ผิด-ถูก” มันไม่มี มีแต่ “มือมาก” เป็นตัวชี้ขาด!
และรัฐบาลอนุทิน เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ถูกกำกับด้วยจำนวนมือคนพรรคประชาชน ฉะนั้นก็ต้องมีระบบ “โควตาเก้าอี้” รัฐมนตรีแจกจ่ายพรรคร่วมด้วย
แต่ “รัฐมนตรีคนนอก” ที่จำเป็นต้องใช้มืออาชีพ ประสบการณ์สูง วิสัยทัศน์กว้างไกล มีความเป็นผู้นำองค์กรเด่นชัด มาทำหน้าที่ในตำแหน่ง เช่น
รัฐมนตรีต่างประเทศ รัฐมนตรีคลัง รัฐมนตรีพาณิชย์ กระทั่งรัฐมนตรีพลังงาน
ทำให้มองทะลุใจคนเป็นผู้นำบริหารอย่างนายกฯ อนุทินได้ว่าการ “คัดคนที่เหมาะสมกับงาน” แสดงว่า....
นายกฯ จัดลำดับความสำคัญของเรื่องที่ต้องแก้ก่อนไว้แล้ว จากนั้น ก็ไปเชิญมือฉกาจมาทำหน้าที่
อย่าง “สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว” ลูกหม้อกระทรวงต่างประเทศ เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือในวงการทูต เห็นนิ่มๆ อย่างนั้นเถอะ
แต่ “นิ่มนอก-แข็งใน” ชนิดแข็งโป๊กๆ
อย่างเขมรนี่น่ะนะ เมื่อสู่เวทีโลก ทูตเขมรเจอท่านสีหศักดิ์ก็เหมือน “งูเจอเชือกกล้วย”!
รัฐมนตรีพาณิชย์ “นางศุภจี สุธรรมพันธุ์” ถือว่าใหม่ป้ายแดงทางการเมือง แต่เป็นเทพผู้บันดาลในวงธุรกิจการค้า การเจรจา การติดต่อเป็นที่สยบยอมกันในภาคเอกชนสากล
คุณศุภจี มารับตำแหน่งรัฐมนตรีพาณิชย์อายุ ๔ เดือนให้นี่ ถือว่าเป็นบุญวาสนาของนายกฯ อนุทิน
เป็นผม ผมจะมาให้คนด่าทำไมกับงานรัฐบาล ๔ เดือน
เงินเดือนรัฐมนตรี ๑ เดือน ยังน้อยกว่ารายได้ใน ๑ สัปดาห์ของงานที่ท่านทำอยู่ซะด้วยซ้ำ
เพราะคำว่า “เพื่อประเทศชาติ” นั่นแหละ ท่านจึงยอมมาทำให้ในตำแหน่งรัฐมนตรีพาณิชย์
ฟังท่านให้สัมภาษณ์ บอกได้เลย ที่ว่า “สูงสุดคืนสู่สามัญ” คือเป็นแบบนี้ จะนอบน้อมถ่อมตน ไม่ต่างรวงข้าวที่สมบูรณ์ก็จะค้อมรวงลงต่ำ เป็นผู้นำในหัวใจของลูกน้อง
อ้าว...ยังไม่ได้พูดถึงรัฐมนตรีคลังกับรัฐมนตรีพลังงานเลย คุยเกินเนื้อที่เขาไปแล้ว
สรุปว่า นายกฯ อนุทิน คือ “สารตั้งต้น” ในการ “รีเซต” การเมืองสู่ศตวรรษใหม่ ก็อย่าทำให้ประชาชนผิดหวังนะ!
-เปลว สีเงิน
๒๐ กันยายน ๒๕๖๘
วันเสาร์ที่ปลายซอย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
๕ ธันวา ‘ฟ้าอวยชัย’
๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๐ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร”
ประณีต 'ข้าวแบรนด์โลก'
เมื่อ ๘๐-๙๐ ปี ที่แล้ว.... ในหนังสือเรียนชั้นประถมปีที่ ๑ ครูให้ท่อง “สินค้าส่งออกที่ขึ้นหน้า-ขึ้นตาของไทย" ไม่ใช่ “ดินสอพอง” หรือ “แป้งผัดหน้า”
เงิน ‘ประชามติ’ แจกน้ำท่วม
มันเป็น “ความสุขอย่างหนึ่ง” ของคน “บางจำพวก” ที่ได้อาศัย “ความทุกข์” ชาวบ้าน จากน้ำท่วมหาดใหญ่และหลายๆ จังหวัดในภาคใต้ ยกเป็นเหตุ ขยี้ขยำ ตำกระทืบ “นายกฯ อนุทิน”
“มิตรในยามยาก”
“หาดใหญ่”...มันใหญ่ที่ไหน รู้มั้ย? มันใหญ่ที่ “ใจ” นั่นไง! มหาอุทกภัยครั้งนี้ ก็เข้าใจ ว่ามันรากเลือดหนักหนา-สาหัส แต่ทำไงได้
‘ดี-ร้าย’ อยู่ที่ ‘มุมมอง’
แล้วก็มาถึง “เดือนสุดท้ายของปี ๒๕๖๘ จนได้! นึกย้อนไปเมื่อ ๒๑ ปีที่แล้ว ๒๖ ธันวา.๔๗ “สึนามิ” ถล่ม ๖ จังหวัดใต้ ภูเก็ต, พังงา, ระนอง, กระบี่, ตรัง และสตูล ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างชาติ เสียชีวิต ร่วม ๖,๐๐๐ คน เจ็บประมาณ ๘,๐๐๐ คน และสูญหายจำนวนมาก
🛑LIVE อุทกภัยโซเชียล!! | จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์
อุทกภัยโซเชียล!! จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์ : วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568


