‘แม่ทัพภาคที่ ๑’ในฉงน

มีปัญหาหนึ่งที่ผมไม่ค่อยเข้าใจ?!

ว่า “บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว” แผ่นดินไทยที่ให้เขมรอาศัยซุกหัวอยู่ตอนเขมรแตกเมื่อหลายสิบปีที่แล้วนั้น

อยู่ในเขตดูแลของ “กองทัพภาคที่ ๑” อันมี “พลโทอมฤต บุญสุยา” เป็นแม่ทัพ

เขมรมัน “พันธุ์ลิ้นสองแฉก” หามีสำนึกในบุญคุณไม่ พอไทยเผลอ ก็แว้งกัด จนได้ชื่อ “เขมรคือภัยคุกคามความมั่นคงของไทย”

อหังการก่อสงครามกับไทยตามชายแดนทั้งในเขตกองทัพภาคที่ ๑ ด้านตะวันออก และกองทัพภาคที่ ๒ คือด้านอีสานใต้

ด้านอีสานใต้.....

ปรากฏว่าเขมรถูก “กองทัพภาคที่ ๒” ของ “พลโทบุญสิน พาดกลาง” สั่งสอนเบาะๆ ทหารเขมรเป็นผีเฝ้าชายแดนไปกว่า ๔,๐๐๐ ศพ

ทหารกองทัพภาคที่ ๒ ตีรุก “เอาคืน” ดินแดนไทยที่เขมรรุกล้ำเข้ามารวดเดียวได้คืน ๑๑ แห่ง

เช่นที่ ภูมะเขือ ช่องอานม้า ปราสาทตาเมือนธม เป็นต้น

จาก ๒๘ กรกฎา.๖๘ เป็นต้นมา ทหารเขมรกลายเป็น “หมาเข็ดเขี้ยว” เห็นทหารกองทัพภาคที่ ๒ ก็วิ่งหนีป่าราบ คอยจ้องเอาทีเผลอ ด้วยการฝังกับระเบิด

เมื่อแหยงตีนทหารกองทัพภาคที่ ๒ ของพลโทบุญสิน มันก็ไปเปิดแนวกวนตีนต่อที่ “บ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว” ในเขตกองทัพภาคที่ ๑ ที่จังหวัดสระแก้ว

เมื่อกองทัพภาคที่ ๑ ประกาศใช้ “กฎอัยการศึก” และวางรั้วลวดหนามในเขตแดนไทยที่บ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว ให้เขมรออกไป ไม่ให้รุกล้ำเข้ามา

เขมรอ้างด้านๆ ว่า “บ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว” เป็นแผ่นดินเขมร ไม่ยอมออก

และใช้ชาวบ้านเป็น “โล่มนุษย์” ออกมาราวี ไล่ตี ไล่ยิงตำรวจ-ทหารไทย ด้วยไม้ ด้วยหนังสติ๊ก รื้อรั้วลวดหนามไปขาย แล้วรีบแถลงข่าวสำออยโลกว่า

“เขมรผู้รักสันติภาพถูกไทยรุกราน”!

ชายแดน “ไทย-เขมร” ตรง “บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว” จ.สระแก้วนั้น ทั้งที่ชัดเจนด้วยหลักฐานว่าเป็นแผ่นดินไทย แต่เขมรดื้อแพ่งไม่ยอมออก

กระทั่งเมื่อวาน (๒๒ ก.ย.) “พลตรีวิทัย ลายถมยา” โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ชี้แจงข้อพิพาทเรื่องหลักเขตแดนที่ ๔๒ บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว โดยยืนยันว่า....

บ้านหนองหญ้าแก้ว (ที่เขมรอ้างว่าคือบ้านไปรจัน) อยู่ในเขตอธิปไตยของประเทศไทย

“ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน” ที่เกิดจากความแตกต่างของการลากเส้นตรงระหว่างหลักเขตแดนที่ ๔๒ และ ๔๓

พลตรีวิทัยยืนยัน การสำรวจแนวเขตแดนบริเวณหลักเขตดังกล่าวเป็นไปตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี ๒๕๔๓

และได้รับการรับรองแล้วจาก “คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา” (JBC) ครั้งที่ ๖ เมื่อ ๑๔ มิ.ย.๖๘

ซึ่งหลักฐานทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่ปี ค.ศ.๑๙๐๘ ได้ระบุชัดเจนว่า “แนวเขตแดนเป็นเส้นตรงระหว่างหลักเขตแดนทั้งสอง”

เนี่ย...

“บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว” อยู่ในบริเวณเดียวกัน มันชัดเจนมาแต่บรรพกาลแล้วว่าเป็น “แผ่นดินประเทศไทย”

ให้หมาอยู่ หมามันยังสำนึก แต่ให้เขมรอยู่ นอกจากไม่สำนึกแล้ว มันยังเนรคุณ “ทึกทัก-ยึดเอา”

กองทัพภาคที่ ๑ ประกาศใช้ “กฎอัยการศึก” เพื่อการนี้!

ทุกคนก็นึกว่า ทหารกองทัพภาคที่ ๑ เอาจริง เมื่อให้ถอยออกไปจากแผ่นดินไทยดีๆ ก็ไม่ยอม

ทหาร-ในฐานะผู้พิทักษ์แผ่นดิน ก็ต้องใช้ความเด็ดขาด

“กวาดทั้งคน-กวาดทั้งบ้านเรือนเขมร” ให้สิ้นไป เอาแผ่นดินไทยกลับคืนมา ภายใต้อาณัติคำว่า “กฎอัยการศึก”

ซึ่งทหารมี “อำนาจเต็ม” เพื่อขจัดภัยคุกคามและความมั่นคงของประเทศ!

แต่ขอโทษ.....

เหตุการณ์บ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว แทนที่จะรวบรัด-จัดเต็ม กลับยืดเยื้อ-เรื้อรัง

กองทัพภาคที่ ๑ ปล่อยให้ทหารเขมรระดมชาวบ้าน ลูกเล็กเด็กแดง คนแก่-คนเฒ่า กระทั่งพระจริง พระฉุยเฉ่ง เล่น “เอาล่อ-เอาเถิด” กับทหาร-ตำรวจไทย เป็นรายวัน

ด้วยได้ใจ เพราะเห็นทหารไทย “ไม่เอาจริง”!

แม่ทัพภาคที่ ๑ “พลโทอมฤต บุญสุยา”

ทำให้ “กฎอัยการศึก” ที่เข้มขลัง กลายเป็นกฎประจาน “ไม่เอางาน-ไม่เอาศึก” ของคนเป็น “แม่ทัพภาค” ให้เขมรหยามหน้าอย่างนี้ได้อย่างไร!?

ถ้าจำไม่ผิด เห็นแม่ทัพภาคที่ ๑ ลงพื้น “บ้านหนองจาน” ครั้งเดียวมั้ง แล้วก็ไม่เคยเห็นหน้าในฐานะแม่ทัพผู้รับผิดชอบในพื้นที่อีกเลย

จนถึงวันนี้ พื้นที่ “บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว” กองทัพภาคที่ ๑ มีปัญญาผลักไสเขมรให้พ้นแผ่นดินไทยได้ซะที่ไหน?!

ถามว่า จะเล่นเกม “หนูกับแมว” อยู่อย่างนี้ ไปอีกกี่เดือนหรืออีกกี่ปี?

ท่าน “พลโทอมฤต” ที่เลื่อนชั้นขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ.ช่วยบอกแผนเผด็จศึกที่ลึกซึ้งกับชาวบ้านซักหน่อย จะได้คลายอึดอัดท้อง

ในสถานการณ์ “กฎอัยการศึก”

ทหารมีอำนาจเหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน และตำรวจเป็นแค่ผู้ช่วยฝ่ายทหารเท่านั้น

แต่แปลก!

ที่ “บ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว” กลับระดมตำรวจควบคุมฝูงชนจาก ๕ จังหวัดในภาคตะวันออกร่วม ๑,๕๐๐ นาย “กองร้อยอาสารักษาดินแดน” จังหวัดสระแก้วอีก ๘๐ นาย

ตรึงพื้นที่ “เตรียมพร้อม” รับมือชาวบ้านเขมรที่ทหารระดมใช้เป็นโล่มนุษย์ออกมาราวีเจ้าหน้าที่ไทย

“กองกำลังบูรพา” ก็มีบ้าง

แต่ผสมเป็นแนวปะปน ไม่ใช่แนวหน้าในการผลักดันให้เขมรออกไปด้วยอำนาจตามกฎอัยการศึก!?

ที่พูดมาทั้งหมดนี้ เพราะความไม่เข้าใจบทบาท “กองทัพภาคที่ ๑” ต่อปฏิบัติการเอาคืนแผ่นดินไทยที่บ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว

แม่ทัพภาคที่ ๑ ทำไมเป็น “แม่ทัพจำศีล” ไม่กินของเป็น เว้นแต่ของตาย และทำไมไม่กล้าออกมาทำหน้าที่ “เสกมนตร์” ไล่เขมร?

ปล่อย “หน้าที่ทหาร” ยามใช้กฎอัยการศึก ไปให้ฝ่ายตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนออกหน้า ตรึงแนวแทน

แทนที่ฝ่ายทหารจะใช้ความเด็ดขาดในยามศึก “เผด็จศึก” ให้สมภาระหน้าที่!?

“ยืดเยื้อ-เรื้อรัง” แบบ “มีเบื้องหลัง” กันมายาวนาน ๓๐-๔๐ ปี แทนที่จะทำให้มันเบ็ดเสร็จ-สะเด็ดน้ำเพื่อชาติ “ให้เด็กมันเห็น” ซะตอนนี้

แต่กลับ “เล่นผีถ้วยแก้ว” หลอกคนดูซ้ำๆ ซากๆ ซ้ำรอยเดิมแบบนี้ เดี๋ยวก็จะมีเสียงถาม “ทหารมีเอาไว้ทำไม” ให้แสลงหูกันจนได้อีกหรอก!

เปลืองเจ้าหน้าที่ เปลืองเวลา เปลืองงบประมาณ เปลืองความไว้ใจจากประชาชนไปวันๆ เปล่าๆ

เพราะไม่มีเป้าหมายชัดเจนว่า.....

“กองทัพ” จะจัดการเขมรให้มันเบ็ดเสร็จชนิดต้อง “นอนหงายท้อง ๔ ตีนชี้ฟ้า” ร้องขอชีวิต จะเอายังไงก็ยอมได้เมื่อไร?

“กองทัพภาคที่ ๒” เขาสร้างปราการล้อมอีสานใต้ป้องเขมรเสร็จเกือบทุกจุดโดยใช้ “งบประมาณศรัทธาประชาชนและพระ”

“แต่กองทัพภาคที่ ๑” ทำแบบสอบถามซิ ใครรู้บ้างว่า “แม่ทัพภาคที่ ๑ ชื่ออะไร?”

ไม่ต้องถามผลงานหรอก เพราะ “ยังไม่งอก”!

เป็นก่อนๆ กองทัพอาจอ้างได้ว่า “ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาล” แต่ตอนนี้-รัฐบาลนายกฯ อนุทิน ท่านพูดชัดเจน ๒ ครั้ง ๓ ครา

“ผมได้ทำความเข้าใจกับการทหารแล้วว่า.....

เมื่อได้เข้ารับตำแหน่งฝ่ายบริหารประเทศเมื่อไหร่ ก็จะให้ทหารได้ตัดสินใจเต็มที่ รัฐบาลที่กำลังเข้ามาจะให้การสนับสนุน เคารพการตัดสินใจของฝ่ายการทหาร

ส่วนรัฐบาลจะทำเรื่องการทูตและเงื่อนไขที่ต้องเจรจาต่างๆ ซึ่งต้องมีความชัดเจนว่า “เราไม่ยอมรับเงื่อนไข”

แต่ “เขาต้องยอมรับเงื่อนไขเรา” เท่านั้น จึงจะดำเนินการเรื่องอื่นต่อไปได้

แล้วกองทัพภาคที่ ๑ ยัง “ชักเข้า-ชักออก” เรื่องบ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว” ด้วยเหตุผลใด ทั้งที่ใช้กฎอัยการศึก?

และเมื่อวาน (๒๒ ก.ย.) ที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ

“นายกฯ อนุทิน” ฐานะ “ประธานนักศึกษา วปอ.รุ่นที่ ๖๑ กล่าวในที่ประชุมว่า

“วันนี้ปัญหาคอร์รัปชันถึงเวลาแล้วเราต้องแก้ และคนไทยรังเกียจเดียดฉันท์ความไม่โปร่งใสไม่สะอาด ทั้งทางการทำงาน จิตใจ รักชาติรักแผ่นดินคนไทย ซึ่งตอนนี้เริ่มมีการแบ่งแยกแล้ว

“วันนี้แยกกันเดิน-ร่วมกันตี” มีความหมายกับผมมาก ทหารก็คิดยุทธศาสตร์ไป รัฐบาลก็ต้องหาวิธีที่ต้องกดดัน

วันนี้ยอมไม่ได้แล้ว มาถึงขนาดนี้ แต่ไม่ใช่การไล่ตี แต่เป็นการทำงานเชิงรุก กำหนดเงื่อนไขให้คนที่มีปัญหากับเราต้องยอมรับ

เพราะประเทศไทยได้เปรียบทุกประตู ไม่ว่าจะทางเศรษฐกิจ แสนยานุภาพ เมื่อได้เปรียบแบบนี้ จะให้เรายอมก่อนไม่ได้ ผมคิดว่าผมและคนที่นั่งในห้องนี้ สะกดคำนี้ไม่เป็น

ผมกับ รมว.กลาโหมและทุกเหล่าทัพจะใช้แนวทางนี้ดำเนินยุทธศาสตร์ต่อกรกับคนที่เรามีปัญหาอยู่

ชายแดนกัมพูชาต้องมีคำตอบ มีผลลัพธ์ให้ประเทศไทย ที่สำคัญ ต้องไม่สูญเสียอะไรไปมากกว่าผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา

ผมขอว่าต้องไม่มี เราต้องทำให้ได้ภายใน ๔ เดือน เราจะไม่ยอมให้เกิดขึ้น”

ฝ่ายรัฐบาลก็แบไพ่ให้ฝ่ายทหารเห็นแล้วใน “การเมืองใหม่” เพื่อชาติและประชาชน

“อมฤต” แปลว่า “ไม่ตาย”

แล้วชายแดนด้านบูรพาที่ “บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว” จะให้ชาวบ้านตายเพราะเขมรถ่อยในยุค “พลโทอมฤต บุญสุยา” เป็นแม่ทัพได้อย่างไร?

เสียชื่อ “ทหารเสือราชินี” หมด!.

 

-เปลว สีเงิน

๒๓ กันยายน ๒๕๖๘

 

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

🛑LIVE ย้อน 2568 ปีปิดเกม #หยุดกร้าวเด็กก้าวไกล #ดับอหังการ์‘ทักษิณ’ #เด็ดปีกเจ้าเล่ห์ฮุนเซน | อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร

ย้อน 2568 ปีปิดเกม #หยุดกร้าวเด็กก้าวไกล #ดับอหังการ์‘ทักษิณ’ #เด็ดปีกเจ้าเล่ห์ฮุนเซน อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร : วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ.2568

'อนุทิน' เท่านั้น 'นายกฯ'

ช่วงนี้... เสียง “โม้เพื่อชาติ” ของนักเลือกตั้ง ผู้สร้างปัญหาให้ชาติ เริ่มดังกลบ “เสียงนักรบ” ในสมรภูมิเลือด ที่กำลังเอาชีวิตเข้าแลกอธิปไตย

‘วันเกิดไทย-วันตายเขมร’

“จะเอาแผ่นดินไทยกลับคืนมาให้หมด ไทยจะต้องจัดการเขมรให้สิ้นซาก ไม่ให้คิดที่จะเข้ามารุกล้ำดินแดนไทยอีกในอนาคต” ‎ ‎ ‎

'ยุทธการชิงเนิน ๓๕๐'

“นักยุทธศาสตร์การศึก” ทั่วโลกขณะนี้ จับจ้องไปที่ “สมรภูมิ เนิน ๓๕๐”! อยากรู้ว่า ด้วย “ชัยภูมิที่เสียเปรียบ” สุดๆ

มีปาก 'อย่าสักแต่พูด'

“หายอยากกันแล้วละซีท่า!?” เมื่อวาน ถึงมีคนโพสต์ถามลอยๆ “สงครามจะจบเมื่อไหร่?” “นายกฯ อนุทิน” เคยบอก

“คนรุ่นใหม่” ไปแนวหน้า

เหมือนเสี้ยนที่ตำคาใจตั้งแต่ ๒๘ กรกฎา.ได้รับการบ่ง เมื่อเพจ “Army Military Force” แพร่วิดีโอคลิปเมื่อวาน (๑๕ ธ.ค.๖๘) พร้อมข้อความว่า