รหัส ‘๑๐ ตุลา.เส้นตาย’

กลายเป็น “ไฟต์หยุดโลก” ไปแล้ว

ว่าปะรืนนี้ “๑๐ ตุลา.”

เขมรที่บุกรุกยึด “บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว” จะยอมถอยออกไปจากแผ่นดินไทยตามที่ “ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว” ขีดเส้นตายไว้หรือไม่?

และถ้า “ไม่ยอมถอย”

กองทัพภาคที่ ๑ ฝ่ายปกครอง ตำรวจ และป่าไม้ จะเฉียบขาด ผลักดันเขมรให้ออกไปตาม “เส้นตาย” หรือจะ “แหย” ให้มันหยัน?

มันเป็น “ศึกศักดิ์ศรี” ไปโดยปริยาย ที่ต้องวัดกันว่า ระหว่างเขมรกับไทย ฝ่ายไหนจะมียุทธศาสตร์และยุทธวิธีในการ “เผด็จศึก” ที่เหนือกว่ากัน!

ฝ่ายเขมร แสดงท่าทีชัดเจนแล้วว่า “กูจะยึดแผ่นดินไทยตรงนี้เป็นของพวกกู”

แล้วฝ่ายไทยเราล่ะ ว่าไง?

 หลายฝ่ายบอก “เดาใจ” รัฐบาลและกองทัพไม่ออก โดยเฉพาะตัวแม่ทัพภาคที่ ๑ “พลโทวรยส เหลืองสุวรรณ”

ว่าจะ “ผลักดันเขมร” หรือ “ถอยให้เขมรมันดัน”?

ถ้าอยากรู้คำตอบในวันที่ ๑๐ ตุลา.ผมว่า “ไม่ยากเลย” ถ้าสังเกต “ภาษากาย” จากท่านแม่ทัพ ท่านผู้ว่าฯ รวมถึงตำรวจ

ช่วงนี้ แต่ละท่าน “ไม่พูด”

เพราะถ้าพูด เท่ากับ “เปิดช่องว่าง” ให้ฝ่ายตรงข้ามจับท่าทีไปประเมินทิศทางได้

เราจะเห็นว่า ในรอบสัปดาห์ “พลโทวรยส” ลงพื้นที่ “หน้างาน” ที่ “บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว” ถี่ๆ ถึง ๒ หน

นักข่าว “รุมซัก-รุมถาม” คำตอบท่านแม่ทัพมีแค่รอยยิ้ม

เมื่อวาน (๗ ต.ค.) ครบเส้นตายที่กองทัพภาคที่ ๒ ให้เขมรจัดทำแผนอพยพมาให้ดู ก่อนจะประชุม RBC ระหว่าง ๑๐-๑๒  ต.ค.ที่บันเตียเมียนเจย

ปรากฏว่า เขมร “ชงชาเย็น” ให้แม่ทัพภาคที่ ๑!

เมื่อเมินเฉย แม่ทัพภาคที่ ๑ เฉียบขาดกลับไปว่า “เมื่อไม่ส่งแผนอพยพมาให้ดู ก็ไม่ต้องคุยกัน”

อุณหภูมิร้อนฉ่าขึ้นมาทันที!

และเมื่อวาน แม่ทัพภาคที่ ๑ นำคณะนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปลงที่ “ค่ายนิมมาณกลยุทธ” ที่วัฒนานคร สระแก้ว

สักการะพระบรมรูป “พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” ในค่าย ก่อนที่จะ “ปิดห้องคุย” ภารกิจกองทัพ

ไม่แอะซักคำ แม้นักข่าวรุมเร้าเฝ้าถามถึง “เส้นตาย ๑๐ ตุลา.”!

ทางด้านจังหวัดก็เช่นกัน.....

“นายปริญญา โพธิสัตย์” ผู้ว่าฯ สระแก้ว ตอนใกล้จะเข้าด้าย-เข้าเข็ม ท่าน “เร้นกาย-ปิดวาจา” เลี่ยงถูกไล่ต้อนถามเรื่องเส้นตายที่ท่านขีดไว้

ส่วนกลาโหม “พลโทอดุลย์ บุญธรรมเจริญ” ที่ถูกคัดตัวมาเป็น “รมช.กลาโหม” เพื่อเป็นฝ่ายการเมืองประสานกับกองทัพในงานชายแดนไทย-เขมรโดยเฉพาะ

เจอนักข่าวดักหน้า-ดักหลังจำต้องตอบคำถาม แต่สุนทรพจน์ของท่านเข้าทำนอง “ไปไหนมา กินข้าวกินปลากันแล้วหรือยังจ๊ะ”

เนี่ย....

ผมบอกได้เลย ก่อนสลาตันจะมา ลมจะอั้น ชนิดใบไม้ไม่กระดิกแบบนี้แหละ!

ฉะนั้น เมื่ออ่าน “ภาษากาย” ของผู้ต้องทำให้คำว่า “เส้นตาย” ศักดิ์สิทธิ์ เป็นลักษณะนี้

ผมฟันธงได้เลย ๑๐ ตุลา.เขมรไม่อพยพออกไปจากแผ่นดินไทย เจอกึ่งการุณยฆาตอันสุนทรแน่!

อย่างตอน “๖ ตุลา.๑๙” ที่ตำรวจล้อมปราบนักศึกษาที่ชุมนุมในลานโพธิ์ ธรรมศาสตร์

วันที่ ๕ ตุลา.ผมก็ไปทำข่าวนักศึกษาปักหลักชุมนุม-ปราศรัยกันอยู่ที่สนามหลวงด้าน “หอประชุมธรรมศาสตร์” ตามปกติ

ตอนเย็นซัก ๕ โมงกว่าๆ .....

นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ชวนผมไปพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ผมเป็นนักข่าวอาชญากรรมท่านถึงชวน เพราะคุ้นหน้ากันดี

ก็นึกว่าท่านคงชวนไปเป็นเพื่อนชมพิพิธภัณฑ์แก้เซ็ง ปรากฏว่าท่านพาไปที่อาคารหลังหนึ่ง แล้วท่านก็ยืนคุยเรื่อยเปื่อยกับผม

แต่ตรงจุดนั้น จะมองเห็นบริเวณลานโพธิ์ทั้งหมด ที่นักศึกษาส่วนหนึ่งชุมนุมอยู่

ท่านก็มองโน่น-นี่ เหมือนสำรวจอะไรซักอย่างอยู่พักใหญ่ แล้วก็ชวนผมกลับ

ท่านไม่แสดงท่าทีหรือส่งซิกแนลให้จับทางได้เลยว่า พรุ่งนี้ ตอนเช้ามืด จะส่งตำรวจจู่โจมเข้าล้อมปราบนักศึกษาที่ลานโพธิ์ จนเกิดคำว่า “๖ ตุลา” ถึงทุกวันนี้!

นี่คือลักษณะของตำรวจ-ทหาร ถ้าพูดโฉ่งฉ่างกระถางแตกเป็นรายวัน ไม่มีอะไรหรอก

แต่ถ้าเรื่องไหนที่ไม่พูด ไม่แสดงท่าทีเป็นปฏิกิริยาให้เห็น

นั่นไม่ต่าง “สิงโต” ซึ่งจะเงียบกริบ ก่อนตะปบเหยื่อ!

ดังนั้น ผิด-ถูกไม่รู้นะ แต่ในความเห็นผม เขมรถูกผลักดันออกไปจาก “บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว” แน่

เพราะมันเป็นความชอบธรรมตาม “อธิปไตยเหนือดินแดน” ของไทย ซึ่งรัฐมีอำนาจสูงสุด “เหนืออาณาเขตของตนเอง”

รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติและสิทธิ์ในการบังคับใช้กฎหมายกับผู้บุกรุกที่ “ทุกชาติในโลก” จะต้องทำกับผู้บุกรุกเช่นเดียวกัน ซึ่งถูกต้องทั้งกติกาโลก-กติกาธรรม

ถ้ารัฐไม่ทำนี่ซี.....

เท่ากับ “ทรยศ-ขายชาติ” ถูกตราหน้าว่า “เสียชาติเกิด” เสียด้วยซ้ำ!

ดังนั้น จะเป็นตามที่ผมคาดการณ์ในวันที่ ๑๐ ตุลา.หรือไม่ ก็บอกได้ว่า

“ต้องตามไปดูกัน”!

ถ้ากองกำลังรัฐ “ไม่ทำหน้าที่” กองทัพประชาชนพิทักษ์ชาติจะทำแทนให้ดู เพื่อรัฐที่ประชาชนเลี้ยง จะมี “ความอดสูใจ” กันบ้าง

เอาละ นี่คือการ “ตีโจทย์ภาษากาย” ตามความคิดผมเอง

แต่กุญแจไข “รหัสลับ” เรื่องนี้มีอยู่เหมือนกัน

โดย “นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล” ท่านตอบคำถามนักข่าวเมื่อวาน ที่พอจะทำให้เห็นอะไรๆ รำไร เป็นคำตอบ “เส้นตาย”

ตอบนายกฯ อนุทินจะเป็นกุญแจไข “รหัสลับ” วันที่ ๑๐ ตุลา.ได้ขนาดไหน ก็ลองอ่านคำถาม-คำตอบนี้เพื่อใคร่ครวญละกัน

ท่านให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล กรณีผลักดันพวกเขมรหน้ามึนออกจากพื้นที่บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว ว่า

 “เมื่อวันที่ ๖ ตุลา.มีการประชุมหารือกันแล้ว ก็ดำเนินการตามที่เรามีข้อตกลงกับเขาไว้

 เรายืนยันว่า เขาต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ซึ่งมีสาระสำคัญอยู่ ๔ ข้อ คือ

 ถอนอาวุธ ถอนกำลัง ปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์ และบริหารสถานการณ์ชายแดนให้เรียบร้อย

ส่วนไหนที่เป็นพื้นที่ของ “ราชอาณาจักรไทย” ก็ต้องออก ก็แค่นั้น

นักข่าว: ขณะนี้มีการจับตามองในเรื่องของสิทธิมนุษยชนจะคืนความยุติธรรมให้กับคนไทยอย่างไร จะเป็นความยากลำบากในการตัดสินใจหรือไม่?

 นายกฯ: ไม่เห็นยากเลย คนไทยจะต้องได้รับความยุติธรรม คนไทยทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันอยู่แล้ว

คนที่มารุกล้ำประเทศไทย ถ้าเข้ามาโดยการบุกรุก ก็ต้องออกไป ชัดเจนแค่นั้น

ไม่ใช่จะตอบมาว่าเขาไม่ทำ คือ ถ้าไม่ทำ ก็ไม่มีใครเจรจา

นักข่าว: รัฐบาลมีแนวทางทำให้สังคมโลกมองเราในทางบวกใช่หรือไม่?

นายกฯ: คืออย่างนี้ คนเป็นนายกฯ พูดเรื่องนี้มากไม่ได้ เพราะว่า “มอบหมายไปหมดแล้ว”

ถ้าผมไปพูด ซึ่งมอบหมายไปแล้วว่า ต้องรักษาอธิปไตย รักษาชายแดน รักษาแผ่นดินเป็นเรื่องของกองทัพ

ให้อำนาจเต็มไปหมดแล้ว การสนับสนุนทุกอย่างจากรัฐบาลเต็มหมดแล้ว

 เหมือนเรื่องของการเจรจาทางการทูต จะพูดเรื่องเงื่อนไขอะไรต่างๆ กระทรวงการต่างประเทศรับไปดำเนินการหมดแล้ว

และกรณีการดูแลประชาชนที่จังหวัดสระแก้ว สิทธิต่างๆ ทางผู้ว่าราชการจังหวัด ก็ดำเนินการตามที่ตกลงไว้ “ทุกคนได้รับมอบอำนาจทั้งหมด” ให้ไปดำเนินการจัดการ

นักข่าว: กรณีเลื่อนประชุม คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ออกไปอย่างไม่มีกำหนด จะมีผลอย่างไร?

นายกฯ: ทุกอย่างมีเหตุมีผลของมันอยู่ ซึ่งผมได้มอบให้หน่วยงานต่างๆ รับผิดชอบเต็มที่

“เขาต้องดำเนินการตามนั้น” ผมให้การสนับสนุนทุกอย่าง

ถ้าผมไปพูดหรือสั่ง หรือพูดต่างกับเขาก็ทำงานไม่ได้ เวลาเขาไปเจรจากับใคร หรือสมมติใครมาเจรจากับผม

สมัยผมยังเป็นผู้น้อยอยู่ ก็ต้องถามว่า "คุณมีอำนาจแค่ไหน"

ถ้าเขาบอกว่า "เขาไม่มีอำนาจ" ผมก็บอกว่า "อย่าเสียเวลากับผม ผมไม่คุยด้วย"

เพราะฉะนั้น ตอนนี้ ทุกคนที่ไปเจรจา หรือจะไปทำอะไรกับใคร “เขาได้อำนาจไปหมดแล้ว”

“เขาตัดสินใจ ก็คือผมตัดสินใจ”

นักข่าว: จะมีโอกาสลงพื้นที่ด้วยตัวเองหรือไม่?

นายฯ: มี...ซึ่งจะเป็นเวลาที่เหมาะสม ก็ต้องดูด้วย

นักข่าว: วันที่ ๑๐ ตุลา.นี้ จะไม่สามารถผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่บ้านหนองจานได้ ใช่หรือไม่?

นายกฯ: เขาก็มีการดำเนินการอยู่ ซึ่งหลักการได้บอกเขาไปแล้ว

..........................................

สรุป “คีย์เวิร์ด” นายกฯ ไขคำตอบ ๑๐ ตุลา.

-ส่วนไหนที่เป็นพื้นที่ของ “ราชอาณาจักรไทย” (เขมร) ก็ต้องออก

-คนที่มารุกล้ำประเทศไทย ถ้าเข้ามาโดยการบุกรุก ก็ต้องออกไป ชัดเจนแค่นั้น

-คนเป็นนายกฯ พูดเรื่องนี้มากไม่ได้ เพราะว่า “มอบหมายไปหมดแล้ว” ว่าต้องรักษาอธิปไตย รักษาชายแดน รักษาแผ่นดิน “เป็นเรื่องของกองทัพ”

“ให้อำนาจเต็มไปหมดแล้ว” การสนับสนุนทุกอย่างจากรัฐบาลเต็มหมดแล้ว

-ตอนนี้ ทุกคนที่ไปเจรจาหรือจะไปทำอะไรกับใคร “เขาได้อำนาจไปหมดแล้ว เขาตัดสินใจก็คือผมตัดสินใจ”

ผมว่าคำตอบนายกฯ อนุทิน....“ชัดที่สุด”

ถ้าจะมีชัดกว่านี้ ก็มีแต่ “ชัช เตาปูน” เท่านั้น!

-เปลว สีเงิน

๘ ตุลาคม ๒๕๖๘

 

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

๕ ธันวา ‘ฟ้าอวยชัย’

๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๐ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร”

ประณีต 'ข้าวแบรนด์โลก'

เมื่อ ๘๐-๙๐ ปี ที่แล้ว.... ในหนังสือเรียนชั้นประถมปีที่ ๑ ครูให้ท่อง “สินค้าส่งออกที่ขึ้นหน้า-ขึ้นตาของไทย" ไม่ใช่ “ดินสอพอง” หรือ “แป้งผัดหน้า”

เงิน ‘ประชามติ’ แจกน้ำท่วม

มันเป็น “ความสุขอย่างหนึ่ง” ของคน “บางจำพวก” ที่ได้อาศัย “ความทุกข์” ชาวบ้าน จากน้ำท่วมหาดใหญ่และหลายๆ จังหวัดในภาคใต้ ยกเป็นเหตุ ขยี้ขยำ ตำกระทืบ “นายกฯ อนุทิน”

“มิตรในยามยาก”

“หาดใหญ่”...มันใหญ่ที่ไหน รู้มั้ย? มันใหญ่ที่ “ใจ” นั่นไง! มหาอุทกภัยครั้งนี้ ก็เข้าใจ ว่ามันรากเลือดหนักหนา-สาหัส แต่ทำไงได้

‘ดี-ร้าย’ อยู่ที่ ‘มุมมอง’

แล้วก็มาถึง “เดือนสุดท้ายของปี ๒๕๖๘ จนได้! นึกย้อนไปเมื่อ ๒๑ ปีที่แล้ว ๒๖ ธันวา.๔๗ “สึนามิ” ถล่ม ๖ จังหวัดใต้ ภูเก็ต, พังงา, ระนอง, กระบี่, ตรัง และสตูล ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างชาติ เสียชีวิต ร่วม ๖,๐๐๐ คน เจ็บประมาณ ๘,๐๐๐ คน และสูญหายจำนวนมาก