
“ฮุน เซน” น่ะ ฉลาดเล่ห์ ในการสะบัดลิ้นกะล่อนโลก
แต่ “โง่แถมหยิ่ง” จนน่าสมเพช
โง่จนไม่รู้ว่าที่เขมรทั้งประเทศมีลมหายใจอยู่ได้ทุกวันนี้ เพราะมีไทยเป็น “ท่อออกซิเจน”
แล้วหยิ่งในลมหายใจจากท่อออกซิเจนนั้นว่า “ไม่ต้องพึ่งไทยเขมรก็อยู่ได้”
แต่ไทย “ปิดท่อออกซิเจน” คือปิดด่านชายแดน เท่านั้นแหละ
ผู้คนอดอยาก ขาดแคลนของกิน-ของใช้ คนไม่มีงานทำ เกิดจลาจล ต่างชาติเริ่มย้ายฐานการผลิตหนี
สิ่งเหล่านี้ กำลังสั่นคลอน “บัลลังก์ตระกูลฮุน” ให้ล้มคว่ำ!
ครั้นจะง้อไทย ก็กลัวเสียฟอร์ม เพราะทำหยิ่งต่ำไว้มาก
ฉวยโอกาส ที่จะมีการประชุม “อาเซียนซัมมิต” ที่มาเลย์ ๒๖-๒๘ ตุลา. จึงเอารางวัลโนเบล สาขาสันติภาพไปล่อ “ประธานาธิบดีทรัมป์” อีกครั้ง
ให้มาทำหน้าที่ “ผู้พิทักษ์สันติภาพ”
ช่วยหย่าศึกกับไทยให้ที แล้วจะเสนอขอรางวัลให้!
สื่อเขมรกะล่อนข่าวด้วยเงื่อนไขว่า “ทรัมป์” จะมาร่วมประชุม “อาเซียนซัมมิต” ก็ต่อเมื่อได้นั่งเป็นประธาน "พิธีข้อตกลงสันติภาพ" ระหว่างกัมพูชาและไทย เท่านั้น
และต้อง “ไม่มีจีน” เข้าร่วม!
ในประเด็นนี้ “นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล” เมื่อนักข่าวไปถามความเห็น ท่านตอบ “ไว้ศักดิ์-ไว้ศรี” ประเทศไทยที่ไม่เคยตกเป็นขี้ข้าใครได้ดี สมกับที่เป็น “ผู้นำบริหาร” ประเทศ
นักข่าวถาม กรณีมีการเปิดเผยจากสื่อต่างประเทศ ว่า “นายโดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เสนอเป็นตัวกลางในการลงนามสันติภาพระหว่าง “ไทย-กัมพูชา”
นายกฯ อนุทิน ตอบว่า
“คนที่เข้ามาเป็นตัวกลาง ถือว่ามีเจตนาที่ดี แต่คู่สัญญาก็ต้องปฏิบัติตามข้อสัญญาที่ได้ทำข้อตกลงกันไว้
ประเทศไทยเป็นฝ่ายที่ “ถูกรุกราน” และ “ถูกกระทำก่อน” ซึ่งไทยได้พูดออกไปชัดเจนแล้ว
หากจะมีการเจรจา ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงพื้นฐาน คือ
๑.การถอนกำลังและอาวุธ
๒.การจัดการบุคคลที่มารุกรานประเทศไทยให้ออกนอกเขตอธิปไตยของประเทศ และ
๓.เก็บกู้สิ่งที่เป็นอันตรายต่อประเทศไทยออกจากพื้นที่
หากปฏิบัติตามข้อตกลงนี้ทั้งหมด....
ประเทศไทยก็พร้อมที่จะเจรจา เพราะบ้านเราติดกัน
ส่วน “คนกลาง” อยู่ไกลคนละทวีป
แต่หากสามารถโน้มน้าวให้ประเทศกัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงเหล่านี้ได้ และเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศไทย
และทำให้ประเทศไทยมั่นใจว่า “จะไม่ถูกรุกราน”
ประเทศไทย จึงจะเริ่มเจรจาต่อไป”
เฉียบคม โอ่อ่า สมน้ำ-สมเนื้อ แถม “เผ็ดใน” อีกตะหาก!
นักข่าวถามอีกว่า....
“ก่อนหน้านี้ ประเทศกัมพูชาเสนอรางวัลโนเบลให้กับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จะเป็นข้อได้เปรียบและแฝงประโยชน์ร่วมกันหรือไม่?”
นายกฯ ตอบได้ฉลาดและคมอีกเช่นกัน
“สนใจเฉพาะประโยชน์ของประเทศไทย เรื่องอื่นใครจะได้รางวัลหรืออะไรก็แล้วแต่ หากปรากฏเป็นข่าวหรือรับรู้เราก็ยินดีปรีดาด้วย
แต่สิ่งเหล่านั้น จะไม่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ว่าจะต้องทำสิ่งนี้ หรือทำสิ่งนี้ ย้ำว่า ‘ไม่มีแน่นอน’”
เอาละ.....
ทีนี้มาถึงประเด็นที่แฟนๆ ชะเง้อรอดู-รอชมกันวันพรุ่งนี้ ที่ “บ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว” บ้าง
นักข่าวแย็บถามเชิงปรารภในเรื่องว่า.....
“มีข้อกังวลในวัน “เส้นตาย” ที่ ๑๐ ตุลา.นี้ เขมรจะขนคนเข้ามาเติมในพื้นที่ชายแดนสระแก้ว”
นายกฯ อนุทิน ตอบสั้น แต่ฟันตรง ว่า
“เรามีกฎหมาย และยังมีการประชุม “เตรียมแผนรับมือ” ไว้แล้ว หากประเทศกัมพูชามีการรุกล้ำอธิปไตยของประเทศไทย
แต่ไม่ต้องไปกำหนดวัน "ประเทศไทยไม่มีวันยอม" ขอตอบสั้นๆ แบบนี้”
อีกคนที่ให้ความเห็นในเรื่องทรัมป์จะมาเป็น “ท้าวมาลีวราช” ระหว่างไทย-เขมรไว้ดีมาก คือ “สส.รังสิมันต์ โรม” พรรคประชาชน
“สส.รังสิมันต์” ให้แง่คิดว่า...
“เรื่องรางวัลสันติภาพเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องดูในรายละเอียด จะบอกว่า “ทุกคนตกลงกันมาแยกย้ายแล้วจบ”
มันไม่ใช่!
เพราะมีรายละเอียดเยอะ ต้องยอมรับว่าปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา “ซุกใต้พรม” ไว้เยอะ
ใครบ้างเกี่ยวข้องต้องไปไล่บี้กันทีหลัง แต่ด้วยความที่ถูกซุกเอาไว้ใต้พรมเป็นเวลานาน การจัดการไม่ใช่เรื่องง่าย
เรื่องนี้ ไม่ต้องเป็นไปตามที่ “มหาอำนาจ” ต้องการ
บางครั้งเขาไม่ได้มีข้อมูล เราต้องคุยกับเขา เราต้องให้ข้อมูลกับเขา รายละเอียดแบบนี้ เป็นรายละเอียดที่สำคัญ
ถ้าเปรียบเทียบ ทางสหรัฐฯ เอง ก็มีปัญหาหลายอย่างคล้ายกัน”
ประเด็นการตกลงเป็นประธานลงนามสันติภาพไทย-กัมพูชาของทรัมป์ โดยมีเงื่อนไขว่า “ต้องไม่มีจีนมาเกี่ยวข้อง” นั้น สส.รังสิมันต์ ตอบแบบสุขุม
“ความสำคัญที่สุดของเรื่องนี้ คือเราจะทำอย่างไร ที่เราจะรักษา “ผลประโยชน์ของชาติไทย” สูงสุด ท่ามกลางความขัดแย้งดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้ ต้องมองละเอียด”
ก็จะเห็นว่า ทั้งรัฐบาล คือนายกฯ อนุทินและฝ่ายค้าน คือ สส.รังสิมันต์ มีความเห็นไปทางเดียวกันว่า
“อะไรช่าง แต่ต้องรักษา “ผลประโยชน์ของชาติ” สูงสุด!
ไทยไม่ใช่กระพรวนตีนของมหาอำนาจหรือมหาอำนวยที่ทรัมป์หรือใครจะเรียกให้มานั่งตรงหน้า
แล้วบอก “เอ็ง ๒ คน เลิกตีกันนะ”
โดยไม่สนใจต้นสายปลายเหตุ ว่าใครเกเร อันธพาล ใครรุกล้ำอธิปไตยใคร และใครยิงอาวุธสงครามใส่ประเทศใครก่อน จนชาวบ้านล้มตาย
และใครตกลงทวิภาคีแล้วละเมิดข้อตกลงนั้นร่วมพันครั้ง!?
ผมเห็นด้วยกับที่ สส.รังสิมันต์บอกว่า...
“เรื่องนี้ ไม่ต้องเป็นไปตามที่ “มหาอำนาจ” ต้องการ”
เพราะ “มหาอำนาจ” ต้องการเพียง “ภาพ” แต่ไม่ต้องการ “ความถูกต้อง” บนฐานข้อเท็จจริงที่ศึกษาในรายละเอียดแล้ว
เราเสียเชิงไปทีแล้ว....
ตอนสงครามสั่งสอน ๕ วัน ที่อุบลฯ-สุรินทร์-ศรีสะเกษ-บุรีรัมย์ ฮุน เซนมันอหังการ เปิดฉากยิงจรวดถล่มไทย จนโรงพยาบาล โรงเรียน ปั๊มน้ำมันพัง ชาวบ้านตาย
พอ “กองทัพไทย” เอาจริงเท่านั้นแหละ ร้องเหมือนหมาจุกตีน จะร้องขอชีวิตก็อาย
โน่น...โร่ไปกะล่อนให้ทรัมป์ยกหูถึงประธานอาเซียน ถึงไทยและเขมร ให้ไปประชุมตกลงหยุดยิงกันที่มาเลย์ โดย “นายกฯ อันวาร์” ประธานอาเซียน เป็นตัวกลาง
โดยขู่ว่า ถ้าไม่หยุดยิง จะไม่คุยเรื่องกำแพงภาษี!
เรามันอ่อนเชิง รีบไปตกลงหยุดยิงทันที ตอน ๒ ยาม ในขณะที่กองทัพภาคที่ ๒ กำลังไล่ขยี้ ยึดดินแดนที่เขมรรุกล้ำอธิปไตยกลับคืนมามันมือ
ถ้าเรายื้อเวลาไว้ซักวันเดียว เผลอๆ พนมเปญก็ไม่เหลือ!
ตอนนี้ก็เหมือนกัน เห็นไทยจะถอดท่อออกซิเจนถาวร ก็เล่นบทเดิม ไปขอให้ทรัมป์มาช่วยสงบศึก
ทรัมป์คงนึกว่า รัฐบาลภูมิใจไทย เป็นเด็กในคาถาเหมือนรัฐบาลเพื่อไทย กูจะสั่งยังไง มันก็ต้องทำตาม
แต่คราวนี้ “รัฐบาลอนุทิน” ไม่ไก่อ่อนเหมือน “รัฐบาลแพทองธาร” ที่ต้องลนลานตามสหรัฐฯ สั่ง ซึ่งไปเข้าทาง “เขมร-ฮุน เซน” ที่กำลังดิ้นกระแด่วอยู่ตอนนี้
นายกฯ อนุทินจึงบอกว่า ตกลงสันติภาพกันก็ได้ แต่มีเงื่อนไขที่เขมรต้องปฏิบัติตาม ๓ ข้อนี้ก่อน
๑.การถอนกำลังและอาวุธ
๒.การจัดการบุคคลที่มารุกรานประเทศไทยให้ออกนอกเขตอธิปไตยของประเทศ และ
๓.เก็บกู้สิ่งที่เป็นอันตรายต่อประเทศไทยออกจากพื้นที่
เนี่ย...
แล้วทรัมป์กล้าการันตีมั้ย ว่าเขมรจะต้องยอมปฏิบัติตามนี้ ถ้าทรัมป์กล้าการันตี และเขมรเบี้ยวให้ไทยบึ้มใส่บ้านฮุน เซนได้
ไทยก็พร้อมที่จะโอเคกับคนที่อยู่คนละทวีป!
ไม่ต้องมาก อย่างพรุ่งนี้ ตามข้อ ๒ “จัดการบุคคลที่มารุกรานประเทศไทยให้ออกนอกเขตอธิปไตยของประเทศ”
แล้วทรัมป์รู้มั้ย ว่า “บ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว-บ้านตาพระยา” มันเป็นแผ่นดินไทยที่ให้เขมรเมืองแตกอาศัยอยู่ ซึ่งเขารู้กันทั้งโลก
ให้อยู่แล้วยึดเลย มันใช่มั้ย?
และ ๑๐ ตุลา.นี้ ไทยจะจัดการกับเขมรที่ดื้อแพ่งไม่ยอมออกจากแผ่นดินไทย แล้วมันผิดกฎหมาย-ผิดกติกาโลกตรงไหน...หือ?
ก็เห็นทนโท่ ว่าเป็นแผ่นดินไทย ไม่ว่าจะใช้แผนที่ฉบับไหนในโลก มันก็แผ่นดินไทย ไม่ใช่แผ่นดินเขมร
แล้วจะให้ตกลง “สันติภาพ” ในขณะที่เขมรยึดครองแผ่นดินไทย ต่อให้คนบ้าหรือคนเมา เขาก็ไม่ตกลงด้วย
เว้นแต่พวกทาส กับพวกกินส่วย ขายชาติ-ขายแผ่นดินเท่านั้น!
ทรัมป์เองนั่นแหละ พอเป็นประธานาธิบดีปุ๊บ ไล่จับ-ไล่ตี แล้วขับไล่ “คนต่างชาติ” ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ออกไปจากประเทศ
เห็นมั้ย แค่เขามาทำงานบ้าง เรียนหนังสือบ้าง อาศัยอยู่บ้าง ทรัมป์ยังไม่ยอม
แล้วนี่ เขมรมันยึดครองแผ่นดินไทยที่ให้อาศัยชั่วคราวไปเป็นของมันเลย จะให้ไทยยอมงั้นหรือ?
ไทยใช้มาตรการแข็งแค่ “ครึ่งหนึ่ง” ที่สหรัฐฯ ใช้กับเขมรที่รุกล้ำอธิปไตยไทย ผมว่านั่นไทยก็เห็นแก่มนุษยธรรมกับพวก “มนุษย์ป่าเถื่อน” มากเกินพอแล้ว!
สรุปจากคำตอบนายกฯ เมื่อวานได้ว่า....
๑๐ ตุลา.“มีปฏิบัติการ” กับเขมรที่บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้วแน่ แต่จะไม่เบ็ดเสร็จในวันเดียว
“พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์” ผบ.ตร.บอก “ตำรวจเตรียมกำลังพล คฝ.ไว้รองรับสถานการณ์แล้ว”
แต่อย่างไรก็ตาม “ต้องรอคำสั่งจากทางทหาร” ว่าจะให้ปฏิบัติอย่างไร เนื่องจากเป็นพื้นที่ประกาศ “กฎอัยการศึก”
โดยอำนาจของตำรวจ สามารถดำเนินการได้ทั้งสองส่วน คือ ใช้มาตรการผลักดัน หรือควบคุมตัวมาดำเนินคดี
ซึ่งการดำเนินคดี ใช้กฎหมายเกี่ยวกับ “คนเข้าเมือง” และ “กฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้”
ก็คงพอเข้าใจกันนะครับ และอย่าลืมว่า...
“จะกินอาหารให้อร่อย ต้องใจเย็นๆ”!
-เปลว สีเงิน
๙ ตุลาคม ๒๕๖๘
คนปลายซอย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
🛑LIVE ‘จตุพร’ ลั่นกลอง! รบเถิด..อนุทิน เผด็จศึกเขมร-สแกมเมอร์ | อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร
‘จตุพร’ ลั่นกลอง! รบเถิด..อนุทิน เผด็จศึกเขมร-สแกมเมอร์ อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร : วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ.2568
‘ต้องให้รู้ซะมั่งว่านี่ไทย’
“ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน นี่ พูดเก่งเนอะนอกจากเก่งแล้ว ยังพูดมากมาย แต่ “ความหมายเพ้อเจ้อ”! สมแล้วชื่อเล่นว่า “เท้ง”
ได้เวลา ‘นับถอยหลัง’
ไอ้ “ฮวยเซ็ง” เอ้ยยยย! คงนึกว่าคนทั้งโลก รวมทั้ง ยูเอ็น, คณะผู้สังเกตการณ์ ไม่เว้นกระทั่ง “ประธานาธิบดีทรัมป์” ล้วน “โง่” ตามไม่ทันเล่ห์พวกมึงยังงั้นละซีท่า!?
เปิดตาราง ‘การถล่ม’
วันนี้ ๑๓-๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” และ “สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี”
‘เขมร-วันตายที่ใกล้ถึง’
ถ้าผมบอก..... “เฉยไว้..เดี๋ยวเห็นดีเอง” คงมีเสียงรุมสวนออกมาแน่ ว่า “เฉยญาติ-เฉยโยมมึงซี.....
ขาที่ ๗ “วัดใจ” รัฐบาล
มันต้องเป็นเช่นนั้น! เมื่อไทยเปิด “ประตูสวรรค์” ให้เข้า แต่เขมรไม่ยอมเข้า กลับไปเลือกเข้า “ประตูนรก”

