แก้รธน. ‘ยิงเป้า’ คนโกง

มีคนถาม......

 “ทำไมผมไม่พูดถึงการแก้รัฐธรรมนูญ ‘เพื่อฉีก’ ฉบับปัจจุบันแล้วเขียนใหม่ตามร่างฯ ที่ผ่านขั้นรับหลักการไปในรัฐสภาวัน-สองวันนี้บ้างเลย”?

ก็ขอบอกกันตรงๆ ว่า

“เพราะผมไม่สน”!

เหตุที่ไม่สน ก็ตอบกันแบบตรงๆ อีกเหมือนกันว่า เพราะผมเชื่อ แก้รายมาตราโดยรัฐสภาละก็ได้

แต่แก้เพื่อฉีก “ฉบับปราบโกง” แล้ว “ตั้ง ส.ส.ร.” แบบเลี่ยงบาลีมาเขียนใหม่ทั้งฉบับ

เป็นฉบับ “กัดกร่อนบ่อนเซาะ” ไปสู่การล้มล้างแล้วแบ่งแยกแผ่นดินกันครอบครอง ตามหน่อแนวที่เห็นผลุบๆ โผล่ๆ กันอยู่ นั้น

ยังไม่ต้องพูดถึงขั้นร่างเสร็จและผ่านความเห็นชอบในวาระ ๓ หรอก

เอาแค่ทำ “ประชามติ” ถามประชาชนในประเด็นแรกว่า

“เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่?”

แค่นี้ก็ “เจ๊ง” แล้ว!

ยังไม่ต้องไปถึงคำถามที่ ๒ เมื่อร่างเสร็จ ที่ต้องเอาเนื้อหารัฐธรรมนูญฉบับที่เขียนใหม่ทั้งฉบับ

ไปเผยแพร่ให้ประชาชนดูก่อน เพื่อลงประชามติในคำถามที่ ๒ ที่ว่า

“เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ กับรูปแบบ ขั้นตอน กระบวนการและหลักการพื้นฐานที่ปรากฏในร่างรัฐธรรมนูญที่ส่งมานี้หรือไม่?”

ถ้ายิ่งเป็นรัฐธรรมนูญฉบับใช้ร่างฯ ของพรรคสีส้มเป็นต้นแบบด้วยแล้วละก็ แทนที่จะเจ๊งเดียว กลายเป็น ดับเบิลเจ๊ง ไปทันที!

เพราะเนื้อหาที่จะเขียนกันใหม่นี้

ไม่มีอะไรที่เป็นการแก้ปัญหาชาติ-ปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ชาวบ้านเลย

มีแต่แก้เพื่อผลประโยชน์เลือกตั้งของ สส.และนักการเมือง “กินเมือง” และแก้เพื่อให้โจรการเมืองกลับเข้าสู่ “วงจรอำนาจ” ได้

และแก้เพื่อ “ปลดล็อก” ให้กระบวนการ “ทำไทยให้เป็นทาสตะวันตก” มีอำนาจดำเนินการตามแผน โดยมีรัฐธรรมนูญรองรับ

เผลอๆ ผมว่า....

รัฐธรรมนูญที่หมายมั่นปั้นมือร่างกันใหม่นี้ มีโอกาส “แท้งนอกมดลูก” ก่อนที่จะไปถึงวาระ ๓ ด้วยซ้ำ

เพราะต้องมีคนยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความในบางประเด็นแน่ โดยเฉพาะประเด็น “ส.ส.ร.ศรีธนญชัย” นั่นด้วย!

หรือถ้ามีการยุบสภาซะก่อน ๔ เดือน แผนเขียนรัฐธรรมนูญเพิ่มอำนาจนักการเมืองและเปิดช่องยึดชาติฉบับนี้

ก็จะเป็น รัฐธรรมนูญ “ฉบับว่าว” ล่มปากอ่าวอยู่แค่นั้น!

ผมก็เลยรู้สึกเฉยๆ

เพราะเชื่อ “อาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์” ท่านเป็นจอมขมังเวท ได้เสกเป่าและลงยันต์รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงนี้ ฝากแม่พระธรณี พระพาย พระเพลิง แลแม่พระคงคา ได้เฝ้ารักษาไว้

ตกน้ำก็ไม่ไหล ตกไฟก็ไม่ไหม้ ฉีกก็ไม่ขาด ยิง-ฟัน ก็ไม่เข้า

ต่อให้ฟ้าถล่ม-ดินทลาย

ก็ต้องกลับมาเลือกตั้งภายใต้กฎกติการัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงนี้อีกจนได้

ประเทศไทยน่ะนะ

นักการเมืองไม่ต้องไปยุ่ง-ไปแตะ ปล่อยให้ภาคเอกชนเขาดำเนินไป ภาครัฐ “ข้าราชการ-นักการเมือง” คอยอำนวยความสะดวกและคอยแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคให้เขา

เพียงแค่นี้ ป่านนี้ ทั้ง ๗๗ จังหวัด มี “ภูเขาทองคำ” ครบทั้ง ๗๗ จังหวัดไปนานแล้ว!

ขนาด “คอร์รัปชัน” ตั้งแต่ยามเรื่อยไปถึงอธิบดี ปลัดกระทรวง รัฐมนตรี จนทุกวันนี้ คอร์รัปชันกลายเป็นวัฒนธรรมประเพณีอัปรีย์-จัญไรของ “ระบบราชการไทย” ฝังราก

ไทยก็ยังมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมูลค่ารวม ๒.๘๙ แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ในอันดับที่ ๑๓ ของโลก ในจำนวน ๑๙๕ ประเทศ!

คิดดูซิ ไม่ต้องปราบคอร์รัปชันให้ถึงสิ้นซากในระบบราชการหรอก

เอาแค่เขียนรัฐธรรมนูญให้ “ประหารชีวิต” สถานเดียวกับข้าราชการ-นักการเมืองที่คอร์รัปชัน ยิงเป้าให้เห็นเป็นตัวอย่าง

ลดคอร์รัปชันลงไปได้ ๔๐-๕๐% แน่!

หมาวัดทุกตัว จะเลี่ยมฟันทองได้หมด และวัว-ควายทุกตัว เลี่ยมทองที่เขาได้หมดทุกตัวเช่นกัน บอกไม่เชื่อ!

สรุป...เมืองไทยเนี่ย

ไม่ต้องไปแก้หนี้ แก้จนชาวบ้าน ที่วนเป็นเขาวงกตไม่จบ-ไม่สิ้นหรอก

แค่ “แก้โกง” ในระบบข้าราชการและนักการเมือง

เท่านี้แหละ

ทุกอย่าง “แก้ได้หมด” ประเทศไทยจะเลิกจน เว้นแต่พวก เล่นหวย เล่นบ่อน เล่นยาเสพติด และพวกขี้เกียจ-เกี่ยงงาน!

ดังนั้น ถ้า ๔ เดือนแล้วยุบสภา หรือยุบก่อน ๔ เดือน แล้วมีเลือกตั้ง

ไม่ต้องไปหาเสียงด้วยนโยบายร้อยแปดพันเก้าโคตรเหง้าศักราชอะไรให้มากความ

พรรคไหนก็ได้ ประกาศไปเลย ๒ นโยบายพอ

นโยบายแรก “ปราบคอร์รัปชันในวงราชการ” โทษถึงขั้นยิงเป้า

เลิกงบผู้ช่วยประจำตัว สส.ซึ่งมีคนละ ๘ คน ให้เหลือคนเดียวก็พอ และเลิกงบเลี้ยงอาหาร สส.-สว. และเลิกเงินบำนาญ สส.-สว.

เอางบเหล่านั้น ไปเป็นค่าอาหารกลางวันเด็กนักเรียนตามต่างจังหวัด

นโยบายที่ ๒ จัดโครงสร้างระบบการศึกษาใหม่หมด ไม่ต้องตำรามาก ให้เด็กปฏิบัติมาก ให้รู้จักคิดนำ พูดนำ ทำนำ มีทักษะในวิชาที่ตอบโจทย์โลกสู่ศตวรรษใหม่ได้

ทั้งนี้ ต้องไม่ตัดวิชาที่เป็นรากของสังคมชาติ เพื่อเป็นการสร้างหน่อพันธุ์ใหม่ที่ไม่กลายพันธุ์ โดยเริ่มจากระดับ “ประถม-มัธยม” เรื่อยไป ทั่วประเทศ

“งบพัฒนาประเทศ” น่ะ

เบื่อจะฟัง

ถ้าเอาไปพัฒนาประเทศจริงๆ ถามว่า เกือบร้อยปี พัฒนาได้เท่าที่เป็นอยู่แค่นี้น่ะหรือ?

ต้องตีโจทย์คำว่า “พัฒนา” ใหม่ ไม่ต้องเอาไปพัฒนาวัตถุทิ้งร้างให้หมาขี้อย่างที่เป็นอยู่ เสาไฟฟ้าตาม อบต.-อบจ.ต้นละเป็นแสน-เป็นล้านนั่นน่ะ

เป็นการพัฒนาที่ประจานความบัดซบที่สุด!

“พัฒนาประเทศ” ที่ถูกต้อง มันต้องเริ่มที่ “พัฒนาคน” ด้วยการศึกษาและวิจัย ไม่ใช่เอาเงินไปพัฒนาวัตถุ เพื่อหาแดกกัน

ทุ่มเข้าไปเลย กับการศึกษาของเยาวชนในชาติน่ะ ลงทุนกับการศึกษา มีแต่ได้กับได้ที่ยั่งยืน

และทุ่มไปเลย กับการส่งเสริมงานวิจัย ให้ค่าคนที่ผลงานคิด-ผลงานทำ อย่าไปให้ค่าคนจากใบปริญญาบ้าๆ บอๆ

แค่ถามว่า “ทำไม ก.ไก่ จึงไม่มีหัว”?

แค่นี้ก็ยังคิดหาคำตอบไม่ได้ แล้วเรียนจบปริญญามา จะมีกึ๋นตรงไหนไปพัฒนาชาติได้...หือ?

เอ้ามาดูการเมืองเรื่อง “ไทย-เขมร” กันนิด ผมต้องบอก “พลโทวรยส เหลืองสุวรรณ” แม่ทัพภาคที่ ๑ เป็นการเอาหน้าเลย

ทีมงานของท่าน....

“พล.ต.เบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา” ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา และ “พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี” ผบ.ฉก.อรัญประเทศ

ทำให้คนไทยขนลุก ภูมิใจในทหารของท่าน ตื้นตันใจ จนน้ำตาไหลกันทั้งประเทศ

เมื่อภาพที่ พ.อ.ชัยณรงค์ นำทหาร ฉก.๑๒ จับมือเดินเรียงแถวหน้ากระดานบนผืนแผ่นดินไทย “บ้านหนองหญ้าแก้ว” ที่เก็บทุ่นระเบิดหมดแล้ว

พร้อมร้องเพลง "สยามานุสสติ" เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวบ้านว่า บัดนี้ ทหารไทย นำแผ่นดินที่เขมรยึดครองไปกลับคืนมาให้พี่น้องประชาชนได้แล้ว

ทั้งเคลียร์พื้นที่ปลอดภัย ๑๐๐% เดินย่ำเป็นการพิสูจน์ให้พี่น้องคนไทยได้เห็นแล้ว!

ภาพนี้ เป็นภาพประวัติศาสตร์ ๑ ภาพ ๑๐๐ ความหมายอย่างนั้นจริงๆ ทหารนอกจากยอมตายเพื่อชาติแล้ว

ภาพทหารจับมือเดินเรียงแถวหน้ากระดานในทุ่งระเบิด นั่นเป็นภาพยืนยันได้ว่า นอกจากชาติแล้ว

“เพื่อประชาชนคนไทย” ทหารก็พร้อมที่จะยอมตายก่อนเช่นกัน!

เป็นผมน่ะ จ้างล้านบาท ถึงเคลียร์แล้ว ก็ไม่กล้าเดินย่ำที่ไม่รู้ว่าจะมีกับระเบิดหลงเหลืออยู่ตรงไหนอีกหรือไม่?

แต่กองกำลังบูรพาของ “พล.ต.เบญจพล” ท่านกล้า “เสี่ยงตาย” ก่อน เพื่อความปลอดภัยของชาวบ้าน

อย่างนี้ “เอาหัวใจ” กันไปเลย!

วันนี้ ก็ ๑๗ ตุลา. อีก ๓ วัน จะถึง ๒๐ ตุลา. ที่ “ฮุน เซน” ขีดเส้นตายให้ไทย “เปิดด่าน” ถ้าไม่เปิด จะแฉ “นักการเมืองไทย” ที่มีเอี่ยวเว็บพนันออนไลน์

ฉะนั้น ฮุน เซน เตรียมแฉได้เลย ถ้าไม่แฉ “ลูกหมา” ห้าร้อยชาติ!.

-เปลว สีเงิน

๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๘

 

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

๕ ธันวา ‘ฟ้าอวยชัย’

๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๐ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร”

ประณีต 'ข้าวแบรนด์โลก'

เมื่อ ๘๐-๙๐ ปี ที่แล้ว.... ในหนังสือเรียนชั้นประถมปีที่ ๑ ครูให้ท่อง “สินค้าส่งออกที่ขึ้นหน้า-ขึ้นตาของไทย" ไม่ใช่ “ดินสอพอง” หรือ “แป้งผัดหน้า”

เงิน ‘ประชามติ’ แจกน้ำท่วม

มันเป็น “ความสุขอย่างหนึ่ง” ของคน “บางจำพวก” ที่ได้อาศัย “ความทุกข์” ชาวบ้าน จากน้ำท่วมหาดใหญ่และหลายๆ จังหวัดในภาคใต้ ยกเป็นเหตุ ขยี้ขยำ ตำกระทืบ “นายกฯ อนุทิน”

“มิตรในยามยาก”

“หาดใหญ่”...มันใหญ่ที่ไหน รู้มั้ย? มันใหญ่ที่ “ใจ” นั่นไง! มหาอุทกภัยครั้งนี้ ก็เข้าใจ ว่ามันรากเลือดหนักหนา-สาหัส แต่ทำไงได้

‘ดี-ร้าย’ อยู่ที่ ‘มุมมอง’

แล้วก็มาถึง “เดือนสุดท้ายของปี ๒๕๖๘ จนได้! นึกย้อนไปเมื่อ ๒๑ ปีที่แล้ว ๒๖ ธันวา.๔๗ “สึนามิ” ถล่ม ๖ จังหวัดใต้ ภูเก็ต, พังงา, ระนอง, กระบี่, ตรัง และสตูล ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างชาติ เสียชีวิต ร่วม ๖,๐๐๐ คน เจ็บประมาณ ๘,๐๐๐ คน และสูญหายจำนวนมาก