ชัตดาวน์ ‘ประชาธิปไตย’

ระหว่าง “ไทยกับจีน”

๑ เคลื่อนไหว บ่งบอก ๑ ล้านความหมาย มิตรภาพระหว่างกันผูกพันควั่นเกลียวดั่งสายน้ำ แม้เชี่ยวขนาดไหน ก็ยากที่ใครจะตัดขาด

ฉะนั้น เมื่อกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ประกาศว่า “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” และ “สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี”

จะเสด็จฯ เยือน “สาธารณรัฐประชาชนจีน” อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ นี้

ยังความตื่นเต้น ปลาบปลื้ม และอบอุ่นในหัวใจ ให้กับพี่น้องชาวไทย-ชาวจีนในประเทศเป็นอย่างมาก ความละเอียด มีดังนี้

.................................................

ประกาศ

 “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” และ “สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี” จะเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ

ตามคำทูลเชิญของ “นายสี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๘

ในโอกาสการเฉลิมฉลองครบรอบ ๕๐ ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน

เพื่อทรงเจริญพระราชไมตรีและความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

การเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนในครั้งนี้

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีกำหนดการสำคัญ ได้แก่

การเสด็จพระราชดำเนินไปยัง “มหาศาลาประชาชน” เพื่อทรงร่วมพิธีรับเสด็จอย่างเป็นทางการ

และทรงพบกับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและภริยา จากนั้นจะพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้

“นายหลี่ เฉียง” นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

และประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและภริยาจะถวายพระกระยาหารค่ำอย่างเป็นทางการที่ “มหาศาลาประชาชน”

นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินไปยังสถานที่สำคัญทางศิลปวัฒนธรรมและศาสนา

โดยจะทรงสักการะ “พระบรมสารีริกธาตุ” (พระเขี้ยวแก้ว) ที่วัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง

และทอดพระเนตรความก้าวหน้าด้านการพัฒนาประเทศของสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเฉพาะในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และการศึกษา

โดยจะทรงเยี่ยมชมสถาบันเทคโนโลยีอวกาศ ศูนย์เทคโนโลยีด้านการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากร และศูนย์หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ในกรุงปักกิ่ง

ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

จะเสด็จพระราชดำเนินไปยังพิพิธภัณฑ์พระราชวังโบราณกรุงปักกิ่ง เพื่อทอดพระเนตรนิทรรศการพิเศษ

"หมื่นมิ่งมงคลไชยสายสัมพันธ์นิรันดร : นิทรรศการโบราณวัตถุฉลอง ๕๐ ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน" รอบปฐมทัศน์

ในโอกาสการเฉลิมฉลองครบรอบ ๕๐ ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ในปี 2568 นี้ ถือเป็น "ปีทองแห่งมิตรภาพไทย-จีน"

และจะเป็นครั้งแรกที่ “พระมหากษัตริย์ไทย” จะเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ

ซึ่งสะท้อนถึงมิตรภาพและความเข้าใจอันดียิ่งระหว่างสองประเทศในทุกระดับ

อีกทั้งจะเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศให้เจริญรุ่งเรืองและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต และยังประโยชน์ให้แก่ประชาชนทั้งสองประเทศสืบไป

ประกาศ ณ วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๘

.............................................................

ก็กลับมาเข้าเรื่องบ้านเมืองไทยของคนที่ไม่ชอบให้อยู่นิ่งกันต่อ ที่ยุ่งขิงเป็นลิงตีกันประจำวันช่วงนี้ ก็หนีไม่พ้นเรื่องปราสาทตาควาย

กับเรื่องปราบแก๊งสแกมเมอร์ ที่แตกแขนงไปถึงอดีตนายกฯ อดีตบิ๊กตำรวจ และตำรวจไซเบอร์ ลามไปถึงรัฐมนตรีและ สส.บางคนในปัจจุบัน

พี่โจ๊ก พี่โรม ที่อัจฉริยะ เขาทำหน้าที่พลเมือง ออกเล่นปริศนาตัวอักษรย่อ ว่าคนชื่ออักษรนั้น-อักษรนี้ มีเอี่ยว-เกี่ยวพันกับธุรกิจสีเทา

แล้วสรุปว่า...ไหนนายกฯ อนุทินประกาศจะปราบแก๊งสแกมเมอร์ ประเทศโน้น-นี้ เขาล้างบาง-ยึดทรัพย์กันอื้ออึง แต่ของไทย ไม่เห็นจัดการอะไรเลย?

ทำเอานายกฯ เกาหัว บอกว่า เห็นเล่นแต่อักษรใบ้กันทุกวัน ก็บอกชื่อ-แซ่มาซิว่าใคร-คนไหน มีหลักฐานอะไร เอามาให้ผม แล้วดูซิว่าผมจะจัดการมั้ย?

เรื่องธุรกิจสีเทานี่นะ พูดกันตรงๆ

ถ้าตำรวจ ทหาร ข้าราชการ นักการเมือง “ไม่เล่นด้วย” มันไม่ฝังรากและขยายเผ่าพันธุ์ถึงขั้นเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติถึงปัจจุบันนี้หรอก!

ในวงการน่ะ รู้กันทั้งนั้นแหละว่า “ใคร-เป็นใคร”?

ถ้าเอากันจริง หน่วยงานบางแห่งอาจถึงขั้นต้องยุบ เพราะติดคุกกันหมดด้วยซ้ำ

ไอ้ที่กระเหี้ยนกระหือรือจะทำบ่อนกาสิโน ทำพนันออนไลน์ ทำระบบเงินดิจิทัลอะไรกันนั่นน่ะ ก็อ้าง “เอนเตอร์เทนเมนต์” บังหน้า

แต่เบื้องหลัง....

มันหวังใช้บ่อน ใช้พนันออนไลน์และระบบเงินดิจิทัลนั่นแหละ “ฟอกเงินเทา”!

เคยเห็นหน่วยกู้ภัยจับงูมั้ย?

งูเห่า งูจงอาง ต่อให้ใหญ่ระดับ “อนาคอนดา” ถ้าต้องการจับให้ได้จริง เขาจะจับตรงหัวบริเวณลำคอ จับหมับ “อยู่มือ” ทุกตัว

จับอาชญากรรมทางไซเบอร์นี่เหมือนกัน ถ้าจับจริง ต้องจับที่หัว คือจับ “ตัวใหญ่-ตัวการ” ในเครื่องแบบที่คุ้มกระบาลพวกนี้ก่อน

ที่ไล่ๆ จับให้เห็นเป็นข่าวนั่นน่ะ

มัน “กระจิบ-กระจอก” ปลายแถว เคยใช้วิชาสอบสวนที่ชำนาญกัน เค้นไปถึงต้นตอและตามจับได้ซักรายมั้ยล่ะ?

ก็ไม่เคยมี ไม่เคยปรากฏ เหมือนกับยาเสพติดนั่นแหละ จับได้แต่พวกขนยา แต่ขนไปส่งให้ใครซึ่งเป็นขาใหญ่ สืบไม่ถึงซักที!

แล้วขบวนค้ายาน่ะ บางพื้นที่  หน่วยจับก็จับมาส่งท้องที่

ฝ่ายท้องที่รับตัว แล้วก็แอบปล่อยทั้งคน-ทั้งยา

สรุปแล้ว ในขบวนการค้ายา มันก็มี “กากีนั้ง” รวมอยู่ด้วย!

พี่โจ๊กของผมก็เถอะ ตอนนี้ รู้หมด ใครเป็นใครอยู่เบื้องหลังธุรกิจสีเทา

แล้วตอนเป็นตำรวจทำไมไม่จับ เพิ่งมาแฉคนนั้น-คนนี้เอาตอนที่ตัวเองหมดอำนาจแล้วและอยู่ในสถานะผู้ต้องหาด้วยซ้ำ?

เรื่อง “ธุรกิจเทา” จะแค่จับตรงนั้น-ตรงนี้ ไม่มีจบหรอกครับ

เพราะขณะนี้ มันเป็นรังใหญ่

กินพรุนทั้งประเทศ รอพังครืนทั้งระบบอยู่รอมร่อ!

ถ้าเอาจริง...

ต้อง “ปิดประเทศ” พักการใช้ประชาธิปไตยระบบเลือกตั้งซักหนึ่งสมัย คือ ๔ ปี

แล้ว “รื้อ-ล้าง” เหมือนเอายา “หัวกะโหลกไขว้” ราดมันลงไปทุกตาราง ทำเนียบ กระทรวง ทบวง กรม กอง

ไม่ว่า “ตัวใหญ่-ตัวเล็ก” ถ้าหากินกับธุรกิจเทา เอาให้มันสูญพันธุ์ไป หรือไม่สูญพันธุ์ ก็ให้มันฝ่อ เหลือน้อยจนไม่กล้า

แบบนั้นแหละ จะกู้ภาพ “ไทย-ธรรมาภิบาล” กลับคืนมา

เงินทุนทั้งโลกจะหลั่งไหล แห่กันมาจับจองพื้นที่ EEC สร้างโรงงาน ทำธุรกิจอุตสาหกรรมนวัตกรรมต่างๆ นานา

 โดยไม่ต้องขยะแขยงระบบมากโต๊ะและต้อง “ใต้โต๊ะ” ทุกโต๊ะดังปัจจุบัน

เลิกกันที คอร์รัปชัน.....

ให้มีแค่ “คอมมิชชัน” ด้วยระบบราชการ “บริการดี” ถ้าเขายินดีตอบแทนน้ำใจ นั่นก็ว่าตามธรรมชาติของการเกื้อกูล!

ยังไงๆ ก็ยังดีกว่า ระบบไอ้กันที่มัน “คอร์รัปชัน” โต้งๆ แต่แปลงเป็นระบบ “ล็อบบี้ยิสต์” คือการหิ้ว “ถุงขนม” ไปติดสินบนพวกสภาคองเกรส ดีๆ นี่เอง!

จะปฏิเสธไม่ได้ว่า “การเลือกตั้ง” ในสังคมชาติที่ยังเข้าไม่ถึงคำว่าประชาธิปไตยอย่างไทย

“การเลือกตั้ง” มันหมายถึง “เงิน” จากนักการเมือง ที่ต้องใช้เงินเป็นเหยื่อเกี่ยวเบ็ด “ตกคะแนน” จากชาวบ้าน

แล้วจะหาคนดีๆ จากไหน มันก็มีแต่เงินดีจากคน “ธุรกิจเทา” เป็นส่วนใหญ่ เข้ามาครองบ้าน-กินเมือง

หรือไม่ก็พวก “เงินนอก” ที่เข้ามาเป็น “ทุนลับ” ให้กับบางพรรคใช้เป็น “ทุนล้ม”!?

ถ้าจริงใจ-จริงจังในการปราบทุจริต ปราบอาชญากรรมไซเบอร์ ขั้นต้น เราต้องยอมรับ “ความจริง” ก่อนว่า

มีบางทหาร บางตำรวจ บางนักการเมือง บางข้าราชการ หากินอยู่กับธุรกิจเทา!

พี่โจ๊ก พี่โรม ถึงแฉโต้งๆ ว่า มีอดีตนายกรัฐมนตรี อดีต ผบ.ตร.อยู่ในขบวนการอาชญากรรมไซเบอร์

ถ้าจริงขนาดนี้แล้ว ต่อให้ “นายกฯ อนุทิน” มีความจริงใจปราบแก๊งสแกมเมอร์ขนาดไหน

ก็จับได้แต่ปลายหางเท่านั้นแหละ

ส่วนหัวไม่มีทาง....

เพราะ “คนระบบรัฐ” ที่ใช้เข้าไปปราบ ส่วนหนึ่งมันก็คนที่อยู่ในขบวนการ “ธุรกิจเทา” ที่ฝังรากสืบๆ กันมา แทนที่จะจับ กลับเป็น “สายลับ” คอยส่งข่าวให้มันรู้ตัวล่วงหน้าซะด้วยซ้ำ

ขนาดพี่โจ๊ก พี่โรมเอง ว่าเจ๋ง ก็ยังแพลมแค่อักษรย่อ แสดงว่ากลัวอิทธิพลที่ยังแผ่คลุมประเทศอยู่

ถ้าไม่กลัวและมีหลักฐานจริง ก็เปิดชื่อจริง สกุลจริงไปเลยซี เอาหลักฐานไปแจ้งความดำเนินคดีให้เป็นเรื่องเป็นราว เหมือนอย่างที่ ทนายนกเขา อาจารย์เจษฎ์ คุณชาญชัย เขาทำ

แจ้งแล้ว ถ้าตำรวจหรือนายกฯ ไม่สืบสาวราวเรื่องต่อ ก็แสดงว่า ทั้ง ผบ.ตร.คนปัจจุบัน ทั้งนายกฯ คนปัจจุบัน นั่น “ก็ด้วย”

แบบนี้ ก็ต้องให้เจอ ๑๕๗!

แต่นี่ เล่นแต่ “สงครามข่าว” ไปวันๆ ชนิดมีเป้าหมายซ่อนในใจ หวังสางแค้นให้ตัว ไม่ได้หวังในทางช่วยอภิบาลบ้านเมืองจริงๆ

ทำคลุมๆ เครือๆ มันไม่งามนัก

เพราะทำให้ตำรวจทั้งสถาบันพลอยเสื่อมเสีย รัฐบาล-นายกฯ ก็พลอยถูกชาวบ้านสงสัยว่ามีนอก-มีในอะไรกันหรือเปล่า จึงไม่จัดการ

ทั้งที่จริงแล้ว ในเมื่อตัวเองรู้ข้อมูล-มีหลักฐาน ก็ทำให้มันโปร่งใส ไปแจ้งความซะ

ไม่ใช่ทำเป็น “แพลมเข้า-แพลมออก” ให้คนอยากรู้ แต่ที่แท้ที่แพลมนั้นจริงหรือเท็จก็ไม่รู้ แต่ทำเป็นกำไต๋ หวังใช้แบล็กเมลกันในทางการเมือง ซึ่งมันก็ไม่แฟร์

คุยไป-คุยมา หมดเนื้อที่ซะแล้ว ยังไปไม่ถึงปราสาทตาควายเลย เห็นสื่อกระหือรือเอาเป็น-เอาตายกันมากเรื่องนี้ เมื่อวาน (๖ พ.ย.) เลยได้ยิน “พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์” รมว.กลาโหม พูดเสียงดัง-ฟังชัด ว่า

“ขอยืนยันอีกครั้งว่า ‘ปราสาทตาควาย’ อยู่ในเขตอธิปไตยไทย แต่หากการเจรจาด้วยสันติวิธี ‘ไม่สำเร็จ’ อาจจำเป็นต้องใช้กำลัง

แต่ขอยืนยันว่า จะใช้หลัก ‘สันติวิธี’ เป็นอันดับแรกก่อน ผ่านกลไก JBC และ RBC

เว้นแต่ว่าเกิดอุบัติเหตุ ‘ไม่คาดคิด’ ถึงขั้นต้องใช้กำลัง ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้”

ชัด...ถึงใจหรือยังล่ะแบบนี้?

งั้น..วันนี้ “จบนะ”!.

-เปลว สีเงิน

๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๘

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

๕ ธันวา ‘ฟ้าอวยชัย’

๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๐ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร”

ประณีต 'ข้าวแบรนด์โลก'

เมื่อ ๘๐-๙๐ ปี ที่แล้ว.... ในหนังสือเรียนชั้นประถมปีที่ ๑ ครูให้ท่อง “สินค้าส่งออกที่ขึ้นหน้า-ขึ้นตาของไทย" ไม่ใช่ “ดินสอพอง” หรือ “แป้งผัดหน้า”

เงิน ‘ประชามติ’ แจกน้ำท่วม

มันเป็น “ความสุขอย่างหนึ่ง” ของคน “บางจำพวก” ที่ได้อาศัย “ความทุกข์” ชาวบ้าน จากน้ำท่วมหาดใหญ่และหลายๆ จังหวัดในภาคใต้ ยกเป็นเหตุ ขยี้ขยำ ตำกระทืบ “นายกฯ อนุทิน”

“มิตรในยามยาก”

“หาดใหญ่”...มันใหญ่ที่ไหน รู้มั้ย? มันใหญ่ที่ “ใจ” นั่นไง! มหาอุทกภัยครั้งนี้ ก็เข้าใจ ว่ามันรากเลือดหนักหนา-สาหัส แต่ทำไงได้

‘ดี-ร้าย’ อยู่ที่ ‘มุมมอง’

แล้วก็มาถึง “เดือนสุดท้ายของปี ๒๕๖๘ จนได้! นึกย้อนไปเมื่อ ๒๑ ปีที่แล้ว ๒๖ ธันวา.๔๗ “สึนามิ” ถล่ม ๖ จังหวัดใต้ ภูเก็ต, พังงา, ระนอง, กระบี่, ตรัง และสตูล ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างชาติ เสียชีวิต ร่วม ๖,๐๐๐ คน เจ็บประมาณ ๘,๐๐๐ คน และสูญหายจำนวนมาก