
“ตอนนี้หยุดไม่ได้แล้ว ไฟเขียวกองทัพบู๊เต็มที่ตามแผน จนกว่าอีกฝ่ายจะสิ้นสภาพ”
-นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล
............................
“เป้าหมาย คือ กองทัพบก จะทำให้กัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางการทหารไปอีกยาวนาน เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานของเรา”
-พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก
................................
“ไทยยังไม่พร้อมให้ประเทศที่ ๓ ช่วยประสานเจรจากัมพูชา
ทำไปก็ไร้ประโยชน์ กัมพูชาไม่ยึดมั่นแถลงการณ์ร่วม”
-สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว” รมว.กระทรวงการต่างประเทศ
....................................
เมื่อผู้นำฝ่ายบุ๋นและบู๊
ประสานเสียงต่อหน้าเทพยดาฟ้าดินและคนไทยทั้งประเทศ เป็นสัจจะ-มั่นคงเช่นนี้
นายกฯ อนุทิน ๓ เหล่าทัพ และ ทหารหาญทุกนาย
เหล่าท่านโปรดรับทราบไว้ด้วยเถอะว่า ขณะนี้ “ทุกหัวใจไทย” ท่านเข้าไปนั่งอยู่เต็มหมดทั้ง ๔ ห้องเรียบร้อยแล้ว!
ก่อนคุยกัน ขอให้เราทั้งหลายตั้งจิตอธิษฐาน บุญกุศลใดอันเราทั้งหลายได้มี-ได้กระทำมาดีแล้ว
ขอบุญกุศลนั้น จงมีอานิสงส์ไปยัง ๔ ทหารหาญ ที่อุทิศชีพเพื่อพิทักษ์ชาติจากการสู้รบกับเขมรครั้งนี้ด้วย
-จ.ส.อ.ศตวรรษ สุจริต สังกัดกองร้อยทหารม้าลาดตระเวนที่ ๖ เสียชีวิตจากการถูกสะเก็ดระเบิด
ขณะปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ฐานป้องไพร ช่องบก
-พลทหาร วายุ ขวัญเสือ สังกัดกองพันทหารราบที่ ๓ กรมทหารราบที่ ๓๑ รักษาพระองค์
ถูกสะเก็ดระเบิดจากอาวุธวิถีโค้ง ในพื้นที่ฐานปฏิบัติการ ๒๒๕ จังหวัดสุรินทร์
-ส.อ.ชวกร เดชขุนทด สังกัดกองพันทหารม้าที่ ๑๑ กรมทหารม้าที่ ๔ รักษาพระองค์
เสียชีวิตจากเหตุเครื่องยิงลูกระเบิด ในพื้นที่พระวิหาร
-จ่าสิบโท จิระวัฒน์ มุ่งกลาง สังกัด กองพันทหารช่างที่ ๑ รักษาพระองค์ (ช.พัน.๑ รอ.)
เสียชีวิตจากการถูกทหารกัมพูชายิงด้วยปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง (ปรส.) จากบริเวณเนิน ๖๗๗ ช่องอานม้า
คงไม่จำเป็นต้องพูดถึงผลปะทะแต่ละจุด ตั้งแต่อีสานใต้ ไปจนถึงภาคตะวันออก ยันจันทบุรี-ตราดนะครับ เพราะเชื่อว่า แต่ละท่านติดตามข่าวกันแทบทุกวินาทีอยู่แล้ว
ที่ผมอยากจะคุยก็คือ.....
สังคมโลกมีปฏิกิริยากันอย่างไรบ้าง ต่อการปะทะกันระหว่างไทยกับเขมรในรอบนี้?
เข้ามาวันที่ ๔ นี้แล้ว นานาประเทศ ทั้งซีกยุโรป ซีกตะวันตก ซีกตะวันออก ซีกเอเชีย ซีกอาเซียน อยู่ในลักษณะ
สงบนิ่ง คุมเชิง ไม่แสดงปฏิกิริยาเทกไซด์เหมือนครั้งก่อนๆ
รัสเซีย หรี่ตา เงี่ยหู ฟัง จีนเตือนแบบผู้ใหญ่หวังดีเบาๆ สหรัฐฯ เป็นขนมจีนที่ไร้น้ำยา
สรุปว่า......
ไม่มีขาใหญ่ ขาเล็ก ขาลีบ รายไหน ออกมาหย่าศึก ที่สำคัญกว่าทุกครั้ง ไม่มีใครแสดงท่าที “เข้าข้างเขมร” เหมือนก่อนๆ เลย!?
แสดงว่า เกมนี้ ฝ่ายการเมือง โดยกระทรวงการต่างประเทศ ยึดสุภาษิตไทย “ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม” เป็นกลวิธีในการเดินแผนได้ผล
รู้ว่า เขมรเป็นทาสฝรั่งเศสมาก่อน ฉะนั้น ชั่วดี-ถี่ห่างอย่างไร ถ้าเขมรมีปัญหากับไทย พวกยุโรป จะถือหางขี้ข้าเก่า-เต่าเลี้ยงไว้ก่อน!
เขมรจึงได้ใจ ว่าเป็นหมามีปลอกคอ ฟ้องศาลโลก ฟ้อง UN ใครๆ ก็เข้าข้าง
อย่างกรณี “ปราสาทพระวิหาร” ชัดเจนว่าอยู่ในดินแดนของไทย แต่ศาลโลกซึ่งเป็นพวกยุโรป ตัดสินแบบหมาป่ากับลูกแกะ ทำนองว่า....
“ก็ตอนฝรั่งเศสทำแผนที่ ขีดเส้นให้ตัวปราสาทพระวิหารอยู่ในอิทธิพลของเขมร ไทยก็ไม่คัดค้านเองนี่ แล้วจะมาอ้างความถูกต้องชอบธรรมอะไรเอาตอนนี้”!?
“เวทีโลก” เคยสนใจข้อเท็จจริงซะที่ไหน เห็นเด็กในตีนฝรั่งเศสมาฟ้อง ก็ “มุโขโลกนะ” เห็นแก่พวกพ้อง เขมรถูก-ไทยผิดตลอด!
แต่คราวนี้ ไทยยอมให้คนไทยด้วยกันด่า มาเลย์-สหรัฐฯ เล่นบทตัวกลาง เชิญไทย-เขมร ไปเซ็นสัญญาสันติภาพ
เซ็นก็เซ็น แต่ไทยมีเงื่อนไข ๔-๕ ข้อ ให้เขมรต้องปฏิบัติ ถ้าผิดเงื่อนไข ข้อใดข้อหนึ่ง ถือว่าเขมรละเมิดข้อตกลง
ไทยก็จะปฏิบัติการตามสัดส่วนที่เหมาะสม!
ความจริง ไทยรู้ “สันดานเขมร” อยู่แล้ว ว่าเดี๋ยวมันก็เบี้ยว การที่จะเอาเขมรให้อยู่หมัด ก็ต้องใช้วิธี
“จับให้มั่น-คั้นให้ตาย” ด้วยหลักฐานที่ดิ้นไม่หลุด!
ไทยก็ตามเก็บ-ตามสะสมหลักฐานที่เขมรละเมิดข้อตกไปเรื่อยๆ กระทั่งทหารไทยขาขาดรายที่ ๗ จากกับระเบิด
ก็ให้หน่วยสังเกตการณ์ต่างชาติมาพิสูจน์ เขาก็ยืนยัน เป็นกับระเบิดวางใหม่ อีกทั้งเราเก็บโทรศัพท์ทหารเขมรที่ทำตกในป่าได้
เปิดดูเป็นการสอนขั้นตอนการวางกับระเบิด และหลักฐานการวางกับระเบิดในเขตไทยอีกหลายแห่ง
ท่าน “สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว” รมว.ต่างประเทศ ยกระดับมาตรการทางการทูตต่อเขมรในประเด็นทุ่นระเบิดนี้ทันที
เดินหน้าผลักดันให้มีการจัดตั้ง “คณะผู้แทนตรวจสอบข้อเท็จจริง” ตามกลไก “อนุสัญญาออตตาวา” ทันที
นายสีหศักดิ์ แถลงด้วยลีลาค้อนหุ้มกำมะหยี่
“แม้ความเคลื่อนไหวนี้อาจส่งผลให้ความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกาเผชิญภาวะตึงเครียดมากยิ่งขึ้น หลังสหรัฐฯ ตัดสินใจระงับการเจรจาการค้ากับไทย
จากกรณีที่ไทยระงับการปฏิบัติตามถ้อยแถลงร่วมไทย-กัมพูชา ซึ่งสหรัฐฯ เป็นผู้ประสานงานและลงนามเมื่อวันที่ ๒๖ ตุลา. ที่ผ่านมา
“ภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิด” มีขั้นตอนที่สามารถจัดตั้งคณะผู้แทนตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ เรากำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในเรื่องนี้”
คณะตรวจสอบต้องเป็นกลไกที่เป็นกลางและเป็นอิสระ เพื่อสร้างข้อเท็จจริงที่เชื่อถือได้ และช่วยให้ทุกฝ่ายเข้าใจสถานการณ์บนพื้นฐานข้อมูลจริง”
นี่ ท่านสีหศักดิ์ แบหน้าไพ่เก เอาหลักฐานให้ที่ประชุมดู
ที่ประชุมอึ้ง!
เขมรเจี๊ยว ยิ่งแก้ตัว ยิ่งเหมือนแก้ผ้าต่อหน้าธารกำนัล!
ความพยายามของไทยครั้งนี้ ถือเป็นการใช้ช่องทางทางการทูตที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ภายใต้ข้อ ๘ ของอนุสัญญาออตตาวา
นี่คือการ “สร้างความชอบธรรม” ทางการเมืองต่อเวทีโลก เป็นแต้มต่อที่ไทย “ตุนไว้ในกระเป๋า”
ถึงชาติไหน ใจไม่ยอมรับ
แต่ด้วยหลักฐาน-ข้อเท็จจริงจะจะ ใจไม่รับ ด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นคน ก็ต้องจำใจยอมรับ!
เขมรเจอแต้มนี้ของไทย ต้องบอกว่า สะเทือนถึงริดสีดวงทวารฮุน เซนแตก ขนาดนั้นเลย
เมื่อสร้างความชอบธรรมเป็นเกราะไว้แล้ว
รัฐบาล โดยนายกฯ อนุทิน ก็ฟาดฮุน เซนยก ๒ ตามเงื่อนไข ๔ ข้อ เขมรต้องร่วมปราบแก๊งสแกมเมอร์ แต่เขมรทั้งไม่ร่วมและไม่ยอมปราบ
นายกฯ อนุทินก็ปราบซะเองเลย
ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ร่วมกับสำนักงาน ปปง.
ทลายแก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติ ยึด-อายัดเงินสินทรัพย์ รวมกว่า ๑ หมื่นล้าน จับ ๒๙ ราย ฐานอั้งยี่ ซ่องโจร, ฉ้อโกงประชาชน และฟอกเงิน
เป็นเครือข่ายเชื่อมโยง “นายยิม เลียก” ลูกชาย “นายยิม ชัยลี” อดีตรองนายกฯ และ สส.จังหวัดกำปงจาม
“นายยิม เลียก” เป็นประธานบริษัท B.I.C Group ในเขมร เป็นเจ้าของธนาคาร B.I.C เขมร มีเมียเป็นคนไทย
มีธุรกิจกับนักธุรกิจชาวแอฟริกาใต้ผู้โด่งดัง คือ “นายเมาเออร์เบอร์เกอร์” หรืออีกชื่อที่รู้จักกันดี คือ “นายเบน สมิธ”
นายเบน สมิธ หรือนายเมาเออร์เบอร์เกอร์ นายหน้า “ขายเครื่องบิน” ให้กับ “ทักษิณ ชินวัตร” นั่นแหละ
นายยิม เลียก เครือข่ายทุนการเงินรายใหญ่ของเขมร ถูกตั้งข้อสงสัย มีพฤติการณ์นำเงินจากการทำความผิดมาฟอกเงิน หรือใช้ประกอบธุรกิจในประเทศไทย
ลักษณะเป็นเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ นำเงินที่ได้จากการหลอกลวงทางออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ แล้วยักย้ายถ่ายเท เพื่อปิดบังอำพราง
“นายยิม เลียก” และ “เบน สมิธ” มีลักษณะเชื่อมโยงขบวนการสแกมเมอร์ระดับนานาชาติ
มีบริษัทในไทยตั้งอยู่ที่เดียวกัน และมีการถือหุ้นไขว้ระหว่างภรรยาของทั้งสองฝ่าย ถูกใช้อำพรางเส้นทางเงิน “ผิดกฎหมาย” บ่อยครั้ง
เคราะห์ดีนะ ที่ “บางจาก” รอดจากทุนเทาครอบงำร่วมกับคนไทย มีทั้ง เจ้าของคอก ทั้งนักการเมือง ทั้งนายตำรวจ ทั้งนักธุรกิจการเงิน ทั้งนักบัญชีระดับอดีตขุนคลัง และทั้งเจ้าพ่อฝั่งเขมรร่วม
การตรวจสอบความสัมพันธ์และธุรกรรมพบว่า
“ยิม เลียก” เป็นศูนย์กลางรับและกระจายเงินของเครือข่ายสแกมเมอร์
“เบน สมิธ” ทำหน้าที่สนับสนุนในเชิงโครงสร้างธุรกิจและเส้นทางการเงิน
ทั้ง “ยิม เลียก” และ “เบน สมิธ”
ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก “พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี” กษัตริย์เขมร
แต่งตั้งให้ทั้งสองคนนี้ เป็นที่ปรึกษาของ “นายฮุน เซน” ประธานวุฒิสภา!
แต่การทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของนายยิม เลียกนี้ “นายเบน สมิธ” ยังไม่ถูกออกหมายจับ
นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ เชื้อชาติแอฟริกาใต้ หรืออีกชื่อ “นายสมิธ เบน” นอกจากการถือสัญชาติกัมพูชาแล้ว ยังถือสัญชาติฝรั่งเศสและแอฟริกาใต้ด้วย
ในกรุงเทพฯ มีที่อยู่หลายแห่ง เช่น ย่านคลองเตย เขตวัฒนา กรุงเทพฯ และซื้อยกฟลอร์โรงแรมแห่งหนึ่งย่านถนนราชดำริ ไม่ไกลจากโรงแรมเอราวัณ
นอกจากนายยิม เลียก นายเบน สมิธ ที่ปรึกษาฮุน เซน หรือพูดกันตรงๆ “มือทำ” ของฮุน เซน ที่ถูกนายกฯ อนุทิน “เด็ดปีก” แล้ว
ยังมี “นายก๊ก อาน” ชายเชื้อสายจีน สัญชาติเขมร เครือข่ายสายตรง “ฮุน เซน” อีกคน แถมเป็น สว.เขมร
ทำกาสิโน ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ อินเทอร์เน็ต จัดส่งน้ำ และไฟฟ้า ในเขมร
ยังเป็นผู้ถือใบอนุญาตประกอบกิจการกาสิโน “คราวน์ รีสอร์ต กาสิโน” ที่ปอยเปต ติดชายแดนสระแก้ว
ข้อมูลไซเบอร์ สแกม มอนิเตอร์ (Cyber Scam Monitor) ระบุว่า “นายก๊ก อาน” มีส่วนเกี่ยวข้องกับศูนย์อาชญากรรมทางไซเบอร์กลุ่มทุนจีนเทาหลายแห่งในเขมร
พบมีการบังคับใช้แรงงานและค้ามนุษย์ เช่น คราวน์ รีสอร์ต ปอยเปต รวมถึงอาคาร ๑๘ ชั้น และ ๒๕ ชั้น แหล่งเปิดบัญชีม้า พนันออนไลน์
และศูนย์สแกมเมอร์ ที่คนไทยตกลงมาเสียชีวิต รวมถึง คราวน์ กาสิโน
ตำรวจไซเบอร์ ออกหมายจับ “นายก๊ก อาน” และลูกอีก ๓ คน กล่าวหาว่า มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับฐานสแกมเมอร์ออนไลน์
ในฐานะ "เจ้าพ่อปอยเปต"
ถูกอายัดทรัพย์สินมูลค่าหลายพันล้านบาทในกรุงเทพฯ สมุทรปราการ และชลบุรี
“นายเฉิน จื้อ” ชาวจีน สัญชาติเขมร ประธานบริษัท ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป หรือ ปรินซ์กรุ๊ป (Prince Group) ในเขมร
อีกคนที่เป็น “ที่ปรึกษาผู้นำตระกูลฮุน” ที่ถูกสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ คว่ำบาตรและยึดทรัพย์กว่า ๔.๘๘ ล้านบาท เมื่อ ต.ค.ที่ผ่านมา
ฐานเป็นหนึ่งในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
ที่ผมนำมาฟื้นฝอยหาตะเข็บทั้งหมดนี้ ก็เพื่อจะบอกว่า
เหตุที่ “ฮุน เซน” หน้ามืด ส่งทหาร “เขมรแมงเม่า” มาเข้ากองไฟครั้งนี้ เพราะแค้น “นายกฯ อนุทิน”
ที่ทลายแก๊งสแกมเมอร์ ซึ่งเป็นคนในเครือข่ายฮุน เซนทั้งหมด แถมยึด-อายัดทรัพย์เกลี้ยง!
เรียกว่า ในเวทีโลก ก็แพ้แผนไทย
ในสนามรบ ก็แพ้ ถูกทหารไทยยึดดินแดนกลับคืนหมด!
ไม่เกินกุมภา.ฮุน เซนไม่บ้าก็เฉาตาย...ไม่เชื่อก็คอยดู!
-เปลว สีเงิน
๑๐ ธันวาคม ๒๕๖๘
คนปลายซอย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
🛑LIVE ซีเกมส์ 2025 อย่าให้ไทยขายหน้าเขมร!! | จับจ้องมองโลก
ซีเกมส์ 2025 อย่าให้ไทยขายหน้าเขมร!! จับจ้องมองโลก : วันอาทิตย์ที่ 07 ธันวาคม พ.ศ. 2568
🛑LIVE ‘ดร.สุวิชา’ เปิดชัดๆ นิด้าโพล เลือกตั้ง’69 พลิกล็อก.!? พรรคต่อพรรค-ภาคต่อภาค | อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร
‘ดร.สุวิชา’ เปิดชัดๆ นิด้าโพล เลือกตั้ง’69 พลิกล็อก.!? พรรคต่อพรรค-ภาคต่อภาค อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร : วันเสาร์ที่ 06 ธันวาคม พ.ศ.2568
๕ ธันวา ‘ฟ้าอวยชัย’
๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๐ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร”
ประณีต 'ข้าวแบรนด์โลก'
เมื่อ ๘๐-๙๐ ปี ที่แล้ว.... ในหนังสือเรียนชั้นประถมปีที่ ๑ ครูให้ท่อง “สินค้าส่งออกที่ขึ้นหน้า-ขึ้นตาของไทย" ไม่ใช่ “ดินสอพอง” หรือ “แป้งผัดหน้า”
เงิน ‘ประชามติ’ แจกน้ำท่วม
มันเป็น “ความสุขอย่างหนึ่ง” ของคน “บางจำพวก” ที่ได้อาศัย “ความทุกข์” ชาวบ้าน จากน้ำท่วมหาดใหญ่และหลายๆ จังหวัดในภาคใต้ ยกเป็นเหตุ ขยี้ขยำ ตำกระทืบ “นายกฯ อนุทิน”
“มิตรในยามยาก”
“หาดใหญ่”...มันใหญ่ที่ไหน รู้มั้ย? มันใหญ่ที่ “ใจ” นั่นไง! มหาอุทกภัยครั้งนี้ ก็เข้าใจ ว่ามันรากเลือดหนักหนา-สาหัส แต่ทำไงได้

