
ช่วงนี้ เป็นช่วง “พักรบ”
ยังไม่ใช่ช่วง “จบศึก” ระหว่างไทย-เขมร หรอก!
มวย One Championship เขามี ๓ ยก
ศึก “ไทย-เขมร” นี่เหมือนกัน เกจิทางยุทธการบอก น่าจะมี “ยกที่ ๓” แต่ตอนไหน...ไม่รู้
รู้แต่ว่า “ศึกจะจบ-สงบจริงๆ” ก็ราวๆ เมษา.๖๙ โน่นแหละ!
วันนี้ ผมอยากคุยนิด...
คือหลัง “พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์” รมว.กลาโหม ไปลงนามหยุดยิง เมื่อ ๒๗ ธันวา.
เห็นหลายท่าน ใช้ถ้อยคำรุนแรงวิพากษ์ “พลเอกณัฐพล” ที่ไปลงนามหยุดยิงกับเขมร
บางคน ถึงขั้นหาว่าท่าน “มีนอก-มีใน” กับเขมร!
ผมอยากให้เราใช้สติมากกว่าใช้อารมณ์ที่ไร้พื้นฐานปัญญาในการแสดงความคิดเห็น
เพราะการตกลง “หยุดยิง” นั้น ......
มาจากมติ “คณะกรรมการสภาความมั่นคงแห่งชาติ” ที่นายกฯ เป็นประธาน
พลเอกณัฐพล ในฐานะ รมว.กลาโหม เพียงมีหน้าที่ไปลงนามตามมติ สมช.เท่านั้น!
ดังนั้น ทั้งไร้เหตุผล ทั้งไม่ถูกต้อง ที่ใช้ “ความไม่รู้” ไปบริภาษผู้ใหญ่ระดับรัฐมนตรีกลาโหม ด้วยถ้อยคำสะท้อน “ต่ำทางภาวะสำนึก” เช่นนั้น
การตกลง “พักยก” ครั้งนี้ มันมีเหตุผล
๑.เราได้แผ่นดินคืนเกือบ ๑๐๐% ถือว่าบรรลุเป้าหมาย
๒.เป็นช่วงปีใหม่ นักท่องเที่ยวที่ปักหมุดมาเคาต์ดาวน์ที่เมืองไทย จะได้มาจับจ่ายใช้เงินกันแบบสบายใจ
๓.ชาวบ้านตามศูนย์อพยพจะได้กลับไปฉลองปีใหม่กันที่บ้านอย่างมีความสุข
๔.ทหารในแนวหน้า แม้ต้องอยู่ในที่ตั้ง จะได้ถอดเสื้อ-ถอดผ้า-อาบน้ำกันให้ฉ่ำใจซะที
หลักจาก หมักเปรี้ยว-หมักเค็ม ด้วยชุดรบ-ชุดนอน “ชุดเดียวกัน” โดยไม่ได้ถอดจนหนอนขึ้น มา ๒๐ วันเต็มๆ
และจะได้พักรบ นอนในที่แห้งๆ โทร.คุยกะแฟน กะพ่อ-แม่ที่บ้าน ไม่ต้องหมอบๆ คลานๆ กอดปืนเฝ้าผืนแผ่นดินไทยตลอด ๒๔ ชั่วโมง
และจะได้ฉลองปีใหม่กันให้เต็มพิกัดในป่า มีเสียงเฮฮาแทนเสียงวี้ดดดบึ้ม!
๕.เพื่อไม่ให้การปะทะชายแดนเป็นอุปสรรคต่อการเลือกตั้งได้ครบทุกจังหวัดในอาทิตย์ ที่ ๘ กุมภา. การหยุดยิงจึงเหมาะสม
ประเด็นที่ผมอยากคุยก็มีเท่านี้
ต่อจากนี้ เป็น “ประเด็นที่ควรรู้” คู่ควรกับชนชั้นปัญญาผู้เสพข่าวสารการบ้าน-การศึก ดังต่อไปนี้
................................................
“Prapatchot Thanavorasart”
ข่าว CNN, ดิการ์เดียน, อัลจาเซียรา เสนอกันโครมๆ....(crying) แต่นักข่าวไทย คงอ่านภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง
ก็เลยไม่เอามาเสนอให้อ่าน
ต้องให้ท่านนายพล แปลมาให้พวกเราอ่านและรับรู้
(fire) จบเกมเขมรแล้ว (ตอนที่ ๑)
๑) ช่องบก……ยับ
ทหารเขมร ทหารบ้าน ทหารป่า ทหารหลัก เสียหายหนัก
(กลับแดนเขมรที่เดิม)
๒) ช่องอานม้า…….
ทหารเขมรเสียหายหนักกลับอยู่ในแดนเขมรเหมือนเดิม
๓) ภูผี ……ทหารเขมร ทหารบ้าน ทหารหลัก
สูญเสียไปเกือบ ๒๐๐ กลับไปอยู่ข้างล่างเหมือนเดิม
๔) เขาพระวิหาร…..
ทหารเขมรติดเกาะ ขังไว้ในตัววิหาร
ทางขึ้นเขาพระวิหารที่เป็นหน้าผาสูงชัน เป็นบันไดเหล็ก ถูกทำลายเสียหาย เหลือทางขึ้นฝั่งไทย
๕) วัดแก้ว………
ทหารไทย ชักธงชาติไทยยึดไว้ ทหารเขมรหมดทางขึ้น ขังทหารไว้ในตัวเขาพระวิหาร
๖) ภูมะเขือ………
ฐานเขมรถูกทำลายเรียบ ทางขึ้นส่งเสบียงทางกระเช้า ถูกทำลายหมด รวมทั้งทำลายอุปกรณ์ส่งสัญญาณ สมาร์ทโฟน
๗) ปราสาทตาเมือนธม
ทหารไทยยึดไว้ ไม่มีเขมรอยู่แล้ว “ฐานเขมร” หน้าปราสาท ประมาณ ๓๐๐ เมตร ถูกทำลายไม่เหลือซาก ร่างทหารเขมรเกลื่อนหน้าปราสาท
#ควรปิดทางขึ้นแบบถาวร
๘) ปราสาทตาควาย....
ถึงแม้ทหารไทยเสียเปรียบพื้นที่ แต่สุดท้าย ยึดคืนได้หมด ครึ่ง ชม.สุดท้าย ทอ. (F16) ทิ้งไข่ ๒,๐๐๐ ปอนด์ ๒ ลูก และ ๕๐๐ ปอนด์ ๔ ลูก ต้นไม้ล้อมรอบๆ ปราสาทโล่งทันที
ร่างทหารเขมร “เป็นร้อย” เกลื่อนบริเวณ
#ควรปิดทางขึ้นทางฝั่งเขมรถาวร ตลอดแนวถึงตราด
#เขมรถอยกลับเข้าแดนเขมรทั้งหมด
# ฮีโร่ คือทหาร / ตำรวจ / อาสาสมัครทุกหน่วยที่มีหน้าที่แตกต่างกันไปในการรักษาราชอาณาจักรไทย
(ตามกฎกติกาสากล “หยุดยิง” ต้องจบ-ต้องนิ่ง ก่อนประกาศ หยุดยิง “ทั้งคู่” ใครอยู่ตรงไหน ก็ “อยู่ตรงนั้น”)
จบสงครามเขมรแล้ว มีคนไทยกี่คนจะรู้ว่า
1.ทั่วโลกยกย่องการจัดการสนามรบของไทยว่า……..
“เต็มเปี่ยมประสิทธิภาพ แม่นยำ รวดเร็ว และใช้เทคโนโลยี ที่บางชาติในนาโตยังกำลังวางแนวคิด”
แต่ไทยใช้จริง
2.ทางการ “ทหารโลก” ยกย่อง “ยุทธวิธีทหารไทย” ว่า เร็ว ชัดเจน และ “ปิดจบ” การรบที่ใช้เวลาแค่ 6 ชั่วโมงด้วยการรุก 3 ระลอก
โจมตีจุดยุทธศาสตร์ สั่งการ ทำลายอำนาจการยิง และล้มล้างระบบส่งกำลังบำรุงที่ทำให้ “กองทัพทหารเขมร” กว่าสามหมื่นนาย
“หมดอำนาจการทำสงคราม สูญเสียการบังคับบัญชาและการสื่อสาร” ขวัญเสียและไม่รู้ว่า จะต้องทำอย่างไรต่อไป
4.ไทยจัดการหลังแนวรบ มีมนุษยธรรม ค่ายผู้อพยพไทยถูกยกย่องว่า มีระเบียบ เพียงพอ ปลอดภัยที่สุดในโลก ในการจัดการในสภาพสงคราม
นี่คือ เรื่องดีๆ ที่คนไทย น่าจะมีแค่ 1 หรือ 2% ได้รับรู้
เพราะที่ผมติดตามข่าวมา ทั้งอินฟลูเอนเซอร์และสื่อมวลชนไทยได้ออกข่าว ทำสกู๊ป คือ “ขยะ” ที่ผมเรียกว่า
“ขยะเปียก” ที่เป็นขยะพิษ ยัดใส่สมองคนไทย
เรื่องดีๆ แบบนี้ ผมต้องไปหาอ่านจาก CNN อัลจาเซียรา ดิการ์เดียน
ทหารไทยมีไว้ทำอะไร ยุทธศาสตร์ที่ชายแดนเขมร ลึกซึ้ง ฉลาด รวดเร็ว และแม่นยำ
ระดับ “วงการทหารทั่วโลก” ยกให้เป็น “กองทัพที่เก่ง” ระดับ อิสราเอล และสหรัฐอเมริกา
โดยใช้เงินน้อยกว่ามากมาก มันมากเกินกว่าคนที่ถามว่า #ทหารมีไว้ทำไม จะเข้าใจ และรู้ได้ เพราะสติปัญญามันแตกต่างกัน
-อู๊ด-พลเอกนินนาท เบี้ยวไข่มุกข์
สรุปมาให้อ่าน
.........................................
พีระชาติ อินตา
ล่าสุดมีข้อมูลหลุดในโซเชียลเรื่องพิกัดพื้นที่ที่ไทยยังเข้าควบคุมไม่ได้เบ็ดเสร็จก่อนเจรจาหยุดยิง
ในฐานะที่ผมพอจะทราบข้อมูลหน้างานบ้าง ขออนุญาตบอกเล่า "ข้อเท็จจริงทางยุทธวิธี" เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
ข้อมูลที่มีการพูดถึงทั้ง “วัดแก้ว-ช่องคานม้า” (โซนเขาพระวิหาร) หรือ เนิน 745, เนิน 402, ช่องโชกและช่องปลิง (โซนช่องบก)
ทางนิตินัยและตาม "เส้นสันปันน้ำ" (Watershed Line) พื้นที่เหล่านี้คือ "อธิปไตยของไทย" อย่างไม่ต้องสงสัยครับ
ใครที่บอกว่าไม่ใช่ คือ “เข้าใจผิด”
แต่ในทาง "ยุทธวิธี" (Tactical Reality) ทำไมทหารเราถึงยังไม่บุกยึดให้จบๆ?
คำตอบคือ "ภูมิประเทศบังคับ" ครับ
*ฝ่ายตรงข้าม: พื้นที่หลังแนวรบของเขาเป็นที่ราบและถนนลาดยาง สามารถส่งกำลังบำรุงด้วยยานยนต์ (Motorized Logistics) ได้ตลอด 24 ชม.
* ฝ่ายเรา: พื้นที่หน้าแนวคือหน้าผาสูงชันและป่าทึบ ทหารเราต้อง "เดินเท้าแบกเป้" ขึ้นเขาที่เต็มไปด้วยกับดักระเบิดเก่า
* สรุป: การบุกตะลุยในสภาพที่เสียเปรียบทางภูมิศาสตร์ คือการส่งทหารไปละลาย ชีวิตคนไทยมีค่าเกินกว่าจะเอาไปแลกกับความสะใจชั่ววูบครับ
2.เจาะลึกความยาก: เนิน 402 - ช่องโชก - ช่องปลิง ชื่อเหล่านี้ ไม่ใช่แค่จุดในแผนที่ แต่มันคือ "Killing Zone"
* เนิน 745 และ 402: เป็นพื้นที่ที่ฝ่ายตรงข้ามเข้ามาสร้างระบบสนามเพลาะและอุโมงค์เชื่อมต่อ (Fortified Network) ไว้ก่อนหน้านี้
* ช่องโชก-ช่องปลิง: สภาพป่ารกทึบดงดิบ เหมาะแก่การซุ่มโจมตี (Ambush) และวางระเบิดแสวงเครื่อง
การเคลื่อนที่ผ่านจุดนี้ ต้องใช้เวลาเคลียร์เส้นทางเป็นวันๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนในหนัง
3.ดาบสองคมของ "ข้อมูลหลุด" (USB/เอกสารลับ): เส้นแบ่งบางๆ ระหว่าง "ตาสว่าง" กับ "อันตราย"
การที่ผมออกมาพูดเรื่อง "เนิน 745 หรือ วัดแก้ว" วันนี้ คือการชี้ให้เห็นว่า "ข้าศึกยึดครองพื้นที่ไหนอยู่"
สิ่งที่น่าเป็นห่วงและผมต้องขอเตือน คือ
การที่มีบางท่านนำข้อมูลจาก “เอกสารลับ” ทางการทหารมาเปิดเผยในลักษณะที่ระบุว่า "ทหารไทยวางกำลังจุดไหน"
"เรามีแผนจะเข้าตีเมื่อไหร่-อาวุธเราขาดแคลนตรงไหน"
ข้อมูลเหล่านี้แหละครับ คือ "การชี้เป้าสังหาร" ของจริง!
ขอร้องให้ "งดแชร์แผนการรบ/พิกัดวางกำลังฝ่ายเรา"
เพราะนั่นคือ “ลมหายใจ” ของพี่น้องทหารครับ
บทสรุป: ทำไมต้อง "หยุดยิง" ทั้งที่ยังไม่จบ?
การหยุดยิง ไม่ใช่การยอมแพ้ แต่คือการ "ดึงเกม" จากสนามรบที่ฝ่ายตรงข้าม “ได้เปรียบเรื่องชัยภูมิ” เข้าสู่ "โต๊ะเจรจา" ที่เรามีความชอบธรรมเรื่อง “กฎหมายและแผนที่”
การที่เรา "เงียบ" ไม่โวยวายเรื่อง “พื้นที่ทับซ้อน” เป็นยุทธวิธีทางการทูต เพื่อไม่ให้เข้าทางเกมยั่วยุ
แต่ภารกิจกู้ชาติ ต้องทำด้วย "สมอง" และ "ความรัดกุม"
ในทางยุทธศาสตร์ความมั่นคง มีเหตุผลซับซ้อนกว่าการ "ปั้นตัวเลข" ลองมาดูเบื้องลึกกันครับ
1.กับดักคำว่า "ยึดครอง" (Definition of Control)
“ความเข้าใจของประชาชน” กับ “ภาษาทางทหาร” คำว่า "ควบคุมพื้นที่" บางครั้งความหมาย “ไม่เหมือนกัน” ครับ
*ประชาชนเข้าใจว่า: ทหารไทยต้องขึ้นไปปักธง ยืนถ่ายรูปบนยอดเนิน 745 หรือกลางวัดแก้วฯ ได้
* ทางทหาร (Fire Control): บางจุด เราส่งคนขึ้นไปไม่ได้ (เพราะภูมิประเทศเสียเปรียบ)
แต่เราใช้วิธี "ยิงปืนใหญ่คุมพื้นที่" หรือ "วางกำลังล้อมกรอบ" ไว้ คือข้าศึกอยู่บนนั้นจริง แต่โงหัวไม่ขึ้น ขยับไม่ได้
แบบนี้ ทางทหารเขานับว่า "ควบคุมสถานการณ์ได้"
*เหตุผลที่รัฐพูดแบบนั้น: เพื่อลดความตื่นตระหนกและรักษาขวัญกำลังใจ
ถ้าประกาศว่า "เรายังยึดไม่ได้" จะเข้าทางฝ่ายตรงข้ามทันที
เขาจะเอา “คลิปข่าวเรา” ไปโฆษณาชวนเชื่อว่า “ไทยยอมรับความพ่ายแพ้”
2.เหลี่ยมการทูต: "ไม่ยอมรับ = ไม่เสียสิทธิ"
นี่คือเหตุผลสำคัญที่สุดครับ
*ถ้าเราหลุดปากยอมรับออกสื่อเป็นทางการในตอนนั้นว่า
"ตอนนี้ที่นั่น-ที่นี่ ยังมีทหารเขายึดอยู่" เราจะเข้าไปตี
*ผลเสีย: จะกลายเป็นการ "รับรองสถานะ" (De facto recognition) ให้ฝ่ายตรงข้ามทันทีว่า “เขามีตัวตนอยู่ตรงนั้นจริงๆ”
ใน “เวทีโลก” เขาจะอ้างคำพูดรัฐบาลไทยเนี่ยแหละ ไปบอกศาลโลกว่า "เห็นไหม... ไทยยังยอมรับเองเลยว่าฉันอยู่ตรงนี้ ฉันมีสิทธิ"
* ทางแก้: เราต้องยืนกระต่ายขาเดียวว่า "พื้นที่เป็นของไทย เราคุมได้หมด" เพื่อรักษาสิทธิทางกฎหมาย (Legal Claim) ไว้ก่อน
ส่วน “หน้างาน” จะยิงกันเละแค่ไหน เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แล้วเขาจะแก้ไขสถานการณ์จริงยังไง ในเมื่อ "เดินหน้าฆ่ามัน" ขึ้นไปตรงๆ ไม่ไหว (เพราะติดหน้าผาและกับดัก)
กองทัพจึงใช้โมเดล "งูเหลือมรัดเหยื่อ" ครับ
1.ตัดเส้นเลือดใหญ่ (Logistics Cut)
“จุดตาย” ของฝ่ายตรงข้ามที่อยู่บนเนิน 745 หรือวัดแก้ว คือ "ข้าวและกระสุน" ครับ
* วิธีแก้ ไม่ใช่การเอาทหารราบวิ่งชาร์จขึ้นเขา (เสี่ยงตายฟรี)
* แต่คือการ "ทำลายเส้นทางส่งเสบียง" บริเวณภูมะเขือ หรือทางขึ้นช่องคานม้า ถ้าไทยยิงถล่มถนน หรือส่งหน่วยรบพิเศษไปตัดเส้นทางลำเลียงได้
ต่อให้เขายึดเนินได้ เขาก็อยู่ไม่ได้ถ้า “ไม่มีข้าวกิน” สุดท้ายต้องถอยร่นลงไปเอง
2.ใช้การ "หยุดยิง" บีบทางอ้อม
การเจรจาหยุดยิง (27 ธ.ค.68) ไม่ใช่การ “ยอมแพ้” แต่คือการ "แช่แข็ง"
* เมื่อเซ็นหยุดยิง จะมีคณะกรรมการสังเกตการณ์ชายแดน
* ไทยจะใช้จังหวะนี้กดดันว่า "ถ้าคุณบอกว่าหยุดยิงจริง คุณต้องถอนกำลังออกจากพื้นที่ทับซ้อนตามข้อตกลง"
* เป็นการใช้กติกา “ไล่เขาออก” แทนการใช้ “ลูกปืน” ซึ่งประหยัด “ชีวิตทหารเรา” กว่ามาก
บทสรุป “สำหรับประชาชน”
สิ่งที่เราเห็นวันนี้ แท้จริงแล้วมันคือ "สงครามข่าวสาร"
เขาทำเพื่อรักษาหน้าและรักษาสิทธิของชาติในเวทีโลก
แต่ในทางปฏิบัติ "กองทัพรู้ดีที่สุด" ว่าตรงไหน “ยังไม่จบ” ตรงไหนสำคัญที่สุดที่ “ต้องยึดไว้ก่อน”
และเชื่อเถอะครับว่า เราใช้วิธี "บีบให้คาย" (ล้อมกรอบ/ตัดเสบียง) แทนวิธีกินเลือดเนื้อ ซึ่งมันก็ได้ผลจริงในพื้นที่เหล่านี้
อาจจะไม่ทันใจคนดูที่อยากเห็นการบุกยึดแบบหนังแอ็กชัน แต่มันปลอดภัยกับลูกหลานเราที่สุดครับ
✍️ พีระชาติ อินตา
...................................
เรื่องบ้านเมือง อย่าเอามันอย่างเดียว
ต้องเอา “สาระ” ด้วยนะครับ!
-เปลว สีเงิน
๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๘
คนปลายซอย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
🛑LIVE ‘ซินแสภาณุวัฒน์’ ไขรหัสดวงเมือง’69 ‘ทักษิณ’ ไม่สิ้นกรรม ‘อนุทิน’ นายกฯ 2 สมัย | อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร
‘ซินแสภาณุวัฒน์’ ไขรหัสดวงเมือง’69 ‘ทักษิณ’ ไม่สิ้นกรรม ‘อนุทิน’ นายกฯ 2 สมัย อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร : วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ.2568
'ยึดคืน' แล้ว 'พักยก'
โปรดทราบ.... ประชุม GBC ไทย-เขมร ได้ข้อตกลง “หยุดยิง” แล้ว! “การหยุดยิง” จะเกิดขึ้นวันนี้ (๒๗ ธ.ค.๖๘)
แผน ‘ทัพไทย’ ร้ายลึก
เจรจา....ก็เจรจากันไป รบ...ก็รบกันไป ถามว่า “แล้วพิพาทไทย-เขมร มันจะไปจบกันตรงไหน?”
‘พระเอกเค้ามาแล้ว’!
คนอื่นหลบไป..... “พระเอก” เค้ามาแล้ว! ไม่ใช่ ณเดชน์ หรือ เจมส์ จิ แต่เป็น “นายกฯ หนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” เขามาเปิดตัว “ผู้ช่วยพระเอก” และดาราในคณะภูมิใจไทยที่ “โรงละครอักษรา” คิงเพาเวอร์ เมื่อวาน (๒๔ ธ.ค.๖๘)
'กษัตริย์จิกมี' สะท้อนไทย
วันนี้...... มีเรื่องอุ่นไอสายใยรักและผูกพัน ระหว่าง ๒ ชาติ "ภูฏาน-ไทย" มาให้อ่าน เมื่อ ๒๒ ธันวา.๖๘
การทูต “มือคนละชั้น”
เขมรท่องแต่คำว่า “ไทยรุกราน” แต่เมื่อวาน เป็นวันประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนในเรื่องสันติภาพแท้ๆ ที่มาเลย์

