ศิริราชเปิดจองคิวฉีดวัคซีน 'Pfizer' เข็ม 1, 2 และ 3 เริ่ม 27ธ.ค.นี้

21ธ.ค.2564- โรงพยาบาลศิริราช ประกาศเปิดให้ประชาชนเข้าจองวันและเวลาฉีดวัคซีนโควิด 19 ของบริษัทไฟเซอร์ (PZ) เพื่อเป็น เข็ม 1, 2 และ 3 โดยมีเงื่อนไข ดังนี้
ผู้เข้ารับการฉีดวัคซีน

  1. กรณีเข็ม 1 (PZ1) เป็นผู้ที่มีอายุระหว่าง 12 – 17 ปี
  2. กรณีเข็ม 2 (PZ2) เป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็ม 1 ของบริษัทไฟเซอร์มาแล้ว อย่างน้อย 3 สัปดาห์ หรือ
    แอสตร้าเซนเนก้ามาแล้วอย่างน้อย 4 สัปดาห์
  3. กรณีเข็ม 3 (PZ3) ได้แก่ ผู้ที่ได้รับวัคซีนแอสตราเซนเนก้า ครบ 2 เข็ม ในสูตร AZ1 – AZ2 มาแล้ว
    อย่างน้อย 12 สัปดาห์
    วันที่เข้ารับการฉีดวัคซีน
    ตามตารางการจองวันและเวลาการฉีดวัคซีนในเดือนมกราคม 2565 (เปิดฉีดเฉพาะบางวัน) ในแอปพลิเคชันจองฉีดวัคซีนโควิด 19 โดยเริ่มฉีดวันแรกวันที่ 6 มกราคม 2565 ตั้งแต่เวลา 08.30 – 15.00 น. ณ หอประชุมราชแพทยาลัย โรงพยาบาล ศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล (ข้างหอสมุดศิริราช)
    ผู้สนใจสามารถจองการฉีดวัคซีนผ่านทางแอปพลิเคชันศิริราชคอนเน็ค (Siriraj Connect) ได้ ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2564 โดยจะเปิดรับเวลา 12.00 น. ถึงวันที่ 14 มกราคม 2565 หรือ สแกน QR code
    เพื่อเข้าระบบจองคิวฉีดวัคซีนโควิด 19
    สำหรับการจองคิวฉีดวัคซีนในเดือนกุมภาพันธ์ จะเปิดให้จองหลังวันที่ 14 มกราคม 2565 โดยจะประกาศให้ทราบต่อไป
    ประกาศ ณ วันที่ 21 ธันวาคม 2564

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ก้าวใหม่ของวงการการศึกษา ม.กรุงเทพร่วมกับศิริราช สร้างนวัตกรรมเพื่อสังคมไทย

ในยุคที่โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เดินหน้าบูรณาการองค์ความรู้จากศาสตร์ที่หลากหลาย โดยเฉพาะความรู้ทางการแพทย์ร่วมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ถือเป็นแนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนการ

แพทย์ศิริราชรุ่น 93 หนุนมติแพทยสภา ชูจริยธรรมสำคัญกว่าอำนาจ

กลุ่มแพทย์ศิริราช รุ่น 93 กว่า 70 รายชื่อ ออกแถลงการณ์สนับสนุนมติแพทยสภา 8 พ.ค. เชื่อเป็นการตัดสินที่ยึดหลักวิชาชีพ ไม่อิงผลประโยชน์ส่วนตน พร้อมเรียกร้องสังคมเคารพกระบวนการอิสระ

137ปีศิริราชมุ่งสู่ ‘การแพทย์ยั่งยืน’ รับมือโลกยุคใหม่ชูรังสีร่วมรักษาแม่นยำฟื้นไวไร้แผล

ครบรอบ 137 ปี โรงพยาบาลศิริราช สถาบันการแพทย์ของแผ่นดินที่อยู่คู่คนไทย กำลังก้าวสู่บทบาทใหม่ที่ท้าทายยิ่งกว่าเดิม ไม่ใช่แค่การรักษาโรคภัยไข้เจ็บ แต่คือการสร้าง ‘การแพทย์ที่ยั่งยืน’