
30 ส.ค.2565- เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 29 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง พล.ต.ท สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปแถลงข่าวเพื่อปิดคดีกรณีที่มีคนร้ายบุกเข้าไปใช้อาวุธปืนจ่อยิงนายสรัลยศ สิทธิโชคหรือหมาก อายุ 29 ปีกับ น.ส. นาถตยา เจ๊กคำหรือเก๋ อายุ 28 ปีสองสามีภรรยาดับคาที่นอนภายในบ้านเลขที่ 243 หมู่ที่ 5 บ้านต้นมะพร้าว ต.บางกุ้ง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา จนกระทั่งมีหลานสาววัย 6 ขวบไปเรียกทั้งสองคนกินข้าวและพบว่ากลายเป็นศพไปแล้ว
ซึ่งคดีนี้ ตำรวจชุดสืบสวนภาค 9 ร่วมกับตำรวจชุดสืบสวนภูธรจ.ตรัง ร่วมกับตำรวจกองปราบกว่า 50 นายได้กระจายกำลังกันออกหาข่าว จนกระทั่งพบพิรุธจากนางอ่อนทิพย์ บุญอ่อน อายุ 52 ปี แม่ของนายหมากผู้ตายที่บอกว่าคืนเกิดเหตุไม่ได้ยินเสียงปืน แต่วันต่อมากลับบอกว่าได้ยินเสียงปืน แต่ไม่รู้ไม่เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประกอบกับจากการไล่ดูภาพจากกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้เคียง ไม่พบการเข้า-ออกของคนนอกพื้นที่ จึงเชื่อได้ว่าบุคคลในครอบครัวต้องมีส่วนรู้เห็น จนกระทั่งนำไปสู่การจับกุมนายภาคภูมิ นิลปักษีหรือภาส อายุ 70 ปีผู้มีศักดิ์เป็นน้าของแม่นายหมากผู้ตายเป็นคนลงมือก่อเหตุ โดยจับกุมได้เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (28 ส.ค.) ที่บ้านเลขที่ 118 หมู่ 5 ต.บางกุ้ง ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 150 เมตร ซึ่งผุ้ต้องหาวัย 70 ปีได้ให้การรับสารภาพว่า ทำไปเพราะความโกรธแค้นที่ผู้ตายกับภรรยา ตกเป็นทาสยาเสพติด ชอบลักเล็กขโมยน้อยจนเป็นที่เอือมระอาของคนในชุมชน ที่สำคัญคือชอบทำร้ายพ่อแม่และคนในครอบครัวไม่เว้นแต่ละวัน
ก่อนลงมือยิงผู้ตายกับภรรยาของผู้ตาย ผู้ก่อเหตุได้ให้แม่ของผู้ตายและคนในบ้านออกไปงานศพในอำเภอห้วยยอด เพื่อจะได้ไม่รู้ไม่เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุจึงเข้าไปถลกมุ้งที่ผู้ตายกับภรรยานอนอยู่ โดยเอาปืน.38 จ่อหัวหลานชาย และเปิดโอกาสให้ผู้ตายรับปากว่าจะกลับตัวกลับใจไม่ตกเป็นทาสยาและไม่ทำร้ายคนในครอบครัวอีก ซึ่งหากผู้ตายรับปาก ผู้ก่อเหตุก็จะไม่ฆ่าทิ้ง แต่ผู้ตายกลับปฎิเสธไม่ยอมรับข้อเสนอและหาว่าถูกปรักปรำ ทำให้ผู้ต้องหาทนไม่ไหว จึงชักอาวุธปืนออกมายิงหลานชายเข้าที่กลางคิ้วทะลุศีรษะด้านซ้ายจำนวน 2 นัดก่อนจะยิงฝ่ายภรรยาเข้าขมับซ้ายจำนวน 1 นัด โดยใช้เวลาเพียง 5 นาทีก่อนจะเดินกลับบ้านรีบถอดเสื้อผ้าให้ภรรยาของผู้ต้องหารับซักทันที
โดยนายภาคภูมิ นิลปักษี ผู้ต้องหาได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ตนจะไปถึงไหนช่างหัวมัน ตนแก่แล้ว นึกจะอยู่ก็อยู่ นึกจะไม่อยู่ก็ไม่อยู่ ซึ่งถ้าตนมีปืนนักข่าวก็ไม่มีการมาสัมภาษณ์ตนได้อย่างแน่นอน ซึ่งตนพูดจากใจ เพราะไม่อยากให้เขาไปสร้างความเดือดร้อนให้ตำรวจเพราะสงสารที่ตำรวจต้องทำหน้าที่ ส่วนสาเหตุจูงใจคือความโมโห ตนยอมรับว่าเป็นคนใจร้อน ถ้าเรื่องไม่ถูกต้องไม่ได้ ตนเป็นคนจริงไม่ใช่คนบ้า แต่เด็กพวกนั้นมันเหลือขอ เรื่องมันมาก แต่ตนคิดว่าทางภาคใต้ไม่เท่าไหร่ ดูข่าวภาคเหนืออีสานมันสลดถึงหัวใจกับเด็กพวกนี้ ซึ่งปัญหามาจากยาเสพติด หลายครั้งแล้วที่ตนต้องไปตามเคลียร์ เดือนร้อนพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายทุกวันทุกคืน โดยท้าให้ตำรวจสายสืบไปสืบดูพฤติกรรมของหลานคนนี้ของตน
นายภาคภูมิ กล่าวอีกว่า ก่อนที่ตนจะยิงหลานคนนี้ตนยังถามเขาอีกว่า ตนไม่ใช่เป็นตาแล้วนะตอนนี้ แต่ตนเป็นยมฑูตแล้ว ให้ผู้ตายรับปากว่าต่อไปจะไม่ทำแล้ว แต่ผู้ตายบอกไม่เคยทำอะไรผิด และถูกปรักปรำตนจึงถามผู้ตายซ้ำอีกครั้งว่าเลิกได้มั้ย และถ้าหากผู้ตายไปแจ้งความว่าตนเอาปืนมาจ่อหัว ตนถือว่าเป็นข้อหาเล็กน้อย คงติดคุกไม่เท่าไหร่ แต่มันหมดปัญญาจริง ๆ จึงลงมือก่อเหตุ เพราะคนอื่นเขาหลบได้ เขาหนีได้ แต่ตนชาติทหารนักรบ ส่วนสาเหตุที่ต้องยิงฝ่ายหญิงเพราะมีพฤติกรรมเหมือนกัน คือลักเล็กขโมยน้อย ซึ่งสอบถามชาวบ้านได้ ซึ่งตนอายุ 70 ปีแล้วเคยบวชมาและล้างมือสะอาดแล้วจึงไม่อยากทำแล้ว แต่ทนไม่ไหวจริง ๆ
สำหรับผู้ต้องหารายนี้ เคยต้องคดีมียาเสพติดให้โทษประเภทเฮโรอีน ทำให้ติดคุกนานถึง 30 ปีก่อนจะพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2545 โดยตำรวจได้แจ้ง 3 ข้อหาคือฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน,มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองและพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับการอนุญาตหรือมีเหตุจำเป็นเร่งด่วน
ด้าน พล.ต.ท สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนในพื้นที่ให้ความสนใจเพราะเป็นคดีอุจอาจที่มีการยิงผู้เสียชีวิตถึง 2 ราย แต่ถ้าไปดูปัญหาคือปัญหาเรื่องครอบครัว หรือเรื่องยาเสพติด จากการที่ผู้ตายและภรรยาเสพยาเสพติดตลอด งานการไม่ทำ ลักเล็กขโมยน้อย ทำร้ายร่างกายญาติพี่น้องและทุบตีพ่อแม่ บีบคอแม่ ซึ่งตัวผู้ตายอยู่ระหว่างการบำบัด แต่ญาติทนไม่ไหว น้าทนไม่ไหวจึงใช้วิธีการแบบนี้เพื่อแก้ปัญหา วันนี้ตำรวจจึงต้องใช้วิธีการแบบใหม่คือกรณีมีเหตุแบบนี้ แล้วตำรวจมีการรับแจ้งเหตุ ตำรวจต้องเข้าไปตรวจสอบทั้งหมด เพื่อไม่ให้เหตุมันบานปลายต่อ เพราะฉะนั้นในชุมชน ผู้กำกับต้องรู้ สวป.ต้องรู้ว่าบ้านนี้ มีลูกหลานติดยาเสพติด มีการทะเลาะทำร้ายร่างกายพ่อแม่ กำนันผู้ใหญ่บ้านจะต้องมีข้อมูล ตัวตำรวจเช่นผู้กำกับและสวป.จะต้องลงไปดูปัญหาและแก้ไขปัญหา ไม่ใช่เพียงรับแจ้งว่าเป็นเหตุทำร้ายร่างกายธรรมดา ต้องลงไปดูปัญหาว่าคนติดยาอยู่ในพื้นที่ มีการลักเล็กขโมยน้อย ก็ต้องเอาคนเหล่านี้ออกจากพื้นที่ แล้วเข้าสู่การบำบัด ถ้าปล่อยเหตุการณ์ไปแบบนี้จะเห็นได้ว่า มันจะบานปลาย เหตุเล็กจะกลายเป็นเหตุใหญ่โดยเฉพาะคนใต้ใจร้อน
อย่างไรก็ตามผู้ต้องหายืนยันที่จะไม่ดำเนินการทำเรื่องขอยื่นประกันตัวโดยเด็ดขาด โดยทางพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่จะดำเนินการนำตัวฝากขังตามขบวนการของกฏหมายต่อไป.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'บิ๊กโจ๊ก' ยื่นฟันวินัย-อาญา ผบ.ตร. ละเว้น ประวิงเวลา ปมตำรวจรับส่วยเว็บพนัน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร.ยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อ พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ประธานคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ หรือ ก.ร.ตร. เพื่อดำเนินการทางวินัยกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) คณะกรรมการสอบสวนตามคำสั่ง ตร.ที่ 177/2568 ซึ
ก.พ.ค.ตร. มีมติเอกฉันท์ ยืนไล่ออก ‘บิ๊กโจ๊ก’ กับพวก
ก.พ.ค.ตร. มีมติ 6 ต่อ 0 ยกอุทธรณ์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และนายตำรวจอีก 4 นาย หลัง ผบ.ตร.มีคำสั่งไล่ออกฐานผิดวินัยร้ายแรงโยงเว็บพนัน BNKMASTER เห็นว่
รมว.สธ. ตอก 'บิ๊กโจ๊ก' เปิดเว็บรับแจ้งศพน้ำท่วม ชี้วัดอะไรไม่ได้ หลักฐานชัดคือใบมรณะบัตร
"พัฒนา" เมิน "บิ๊กโจ๊ก" ปูดตัวเลขผู้เสียชีวิตน้ำท่วมใต้หลักพัน ชี้ตัวเลข 140 รายของสธ. ผ่านขั้นตอนที่ถูกต้อง บอก หลักฐานชัดคือใบมรณะบัตร ตัวเลขในเว็บไซต์ชี้ชัดอะไรไม่ได้
อีกแล้ว ‘โจ๊ก’ จะแฉข่าวใหญ่! หลังโผล่กองปราบ ยันไม่หนีคดีหมิ่น สตช.
อดีตรอง ผบ.ตร. เข้าพบพนักงานสอบสวนด้วยตัวเอง ระบุคดีนี้เป็นการแจ้งความเพื่อปิดปาก ย้ำยังไม่มีหมายเรียก-ไม่มีข้อหาใด พร้อมตั้งคำถามกลับถึงเหตุฟ้องร้อง ชี้ตล
'อนุทิน' เมินดรามา 'บิ๊กโจ๊ก' เปิดแชทไลน์ผู้บริหาร สธ. คุยคนตาย บอกเรื่องปกติถูกโจมตี
นายกฯ เมิน ดรามา ‘บิ๊กโจ๊ก’เปิดแชทไลน์ผู้บริหาร สธ. คุยคนตาย บอก ‘ผมมาทำงาน อยู่แวดวงการเมืองมานาน’ มองเรื่องปกติถูกโจมตี
ผงะ 'บิ๊กโจ๊ก' นับได้ 550 ศพ! จี้นายกฯ เปิดเผยตัวเลขจริงของผู้เสียชีวิต
“บิ๊กโจ๊ก-สุรเชชษฐ์ หักพาล” จี้นายกฯอนุทิน เปิดเผยจำนวนผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมอย่างตรงไปตรงมา ระบุข้อมูลที่มีนับได้ 550 ราย พร้อมขอให้รัฐเร่งจัดระบบส่งมอบศพ เยียวยา และอธิบายขั้นตอนช่วยเหลือให้ประชาชนเชื่อมั่น

