'บิ๊กเด่น' สั่งตรวจสอบนักท่องเที่ยวจีนที่ใช้ VOA เข้าไทย พร้อมสั่งเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงก่อเหตุอาชญากรรม
05 เม.ย.2566 - พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ได้เชิญ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) มาพูดคุยเพื่อวางแนวทางแก้ไขปัญหานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาไทย โดยใช้ Visa on Arrival หรือ VOA เบื้องต้นได้มีการเน้นย้ำเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งมีทั้งกลุ่มที่ใช้วีซ่า VOA 15 วันและวีซ่าท่องเที่ยว วีซ่าทำงาน กลุ่มคนเหล่านี้จะเดินทางเข้าไทยแล้วก็จะต้องติดตามและเข้มงวดกับการขออนุญาตอยู่ต่อ โดยเฉพาะกลุ่มที่คนที่อยู่เกินกว่ากฎหมายกำหนด หรือ Over Stay และกลุ่มเสี่ยงที่อาจจะก่ออาชญากรรม ทางตำรวจก็มีการบูรณการร่วมกันทั้งตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจท่องเที่ยวรวมทั้งพื้นที่ใช้มาตรการเชิงรุกตรวจสอบบ้านเช่า ที่พัก อพาร์ตเม้นต์ และเกสเฮาส์ต่างๆ ตามข้อมูลที่ได้แจ้งไว้ เบื้องต้น ส่วนการขอเปลี่ยนวีซ่าเพื่ออยู่ต่อให้นานขึ้น ขั้นตอนเหล่านี้ก็ได้เน้นย้ำเจ้าหน้าที่โดยจะนำบทเรียนเก่าๆ มาใช้ในการทำงานเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการก่ออาชญากรรมให้ดียิ่งขึ้น
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวต่อว่า การที่มีนักท่องเที่ยวใช้วีซ่า VOA มองว่าเป็นประโยชน์มากกว่าเสีย เพราะประเทศไทยเป็นเมืองท่องเที่ยว แต่ต้องมีมาตรการเชิงรุกที่ตรวจสอบในประเทศมากขึ้น ส่วนเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการกำชับมาอย่างต่อเนื่อง หากเข้ามีส่วนเอื้อประโยชน์ เรียกรับผลประโยชน์กับนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ผ่านมาก็ได้มีการลงโทษไปแล้วจำนวนมากเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และสถานการณ์ปัจจุบันก็ดีขึ้น สำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาไทยโดยใช้วีซ่า VOA ระหว่างที่อยู่ในประเทศทางการไทยก็จะมีการประสานข้อมูลกับทางการจีนเพื่อทราบข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับประวัตินักท่องเที่ยวว่ามีประวัติก่อคดีอาชญากรรมมาก่อนหรือไม่เพื่อเฝ้าระวัง
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ยังกล่าวถึงความคืบหน้าคดี 3 ผู้ต้องหาชาวจีนและหญิงไทยร่วมกันอุ้มฆ่านักศึกษาสาวชาวจีน ยัดถุงทิ้งร่องน้ำที่จังหวัดนนทบุรี ว่า ขณะนี้ตำรวจไทยที่เดินทางไปถึงประเทศจีนแล้ว ยังไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 รายที่ถูกควบคุมตัว โดยตำรวจไทยจะไม่ได้ร่วมสอบผู้ต้องหาชาวจีนแต่อย่างใด ซึ่งการสอบสวนตำรวจไทยจะต้องส่งประเด็นข้อสงสัยทั้งหมดเกี่ยวกับคดีรวบรวมให้ทางการจีนไปสอบปากคำผู้ต้องหา และทางการจีนก็จะส่งผลการสอบปากคำให้ ตำรวจไทยเพื่อใช้ในการทำคดี ซึ่งขณะนี้ตำรวจไทยอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและคำให้การของผู้ต้องหาหญิงชาวไทยที่เป็นนางนกต่อ เพื่อประกอบคำให้การของผู้ต้องชาวจีนว่าตรงกันหรือไม่พร้อมกับยืนยันว่าขณะนี้ตำรวจไทยมีวัตถุพยานและนิติวิทยาศาสตร์ครบถ้วนสมบูรณ์กับการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'บิ๊กต่าย' ลงหาดใหญ่ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุกทกภัย
ผบ.ตร.ลงพื้นที่ติดตามการช่วยเหลือประชาชนประสบภัยน้ำท่วมหนักพื้นที่หาดใหญ่
'อนุทิน' การันตี 'บิ๊กต่าย' พร้อมรับการตรวจสอบ!
'อนุทิน' เผย 'บิ๊กต่าย' พร้อมรับการตรวจสอบ ปมเพจดังแฉตำรวจวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง ย้ำต้องดูหลักฐานก่อน หากตรวจสอบทุกเรื่อง ไม่เป็นอันทำงาน บอกรัฐบาลชุดนี้โกงน้อยลง ลั่นตั้งใจเป็นศัตรูกับคอร์รัปชัน
ตำรวจพร้อมเสริมกองทัพรักษาอธิปไตยชายแดนไทย-กัมพูชา
ผบ.ตร.ย้ำ ตำรวจพร้อมสนับสนุนทหารป้องกันประเทศ พร้อมเสริมกองทัพรักษาอธิปไตยชายแดนไทย - กัมพูชา ดูแลพื้นที่ส่วนหลัง
ศึกตำรวจ! งานนี้ 'โจ๊ก' ไม่ยอมตายเดี่ยว แต่พ่วงระเบิดมาพร้อมตายหมู่
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตผู้ประกอบธุรกิจ อาบอบนวด ฉายา "เสี่ยอ่าง" และอดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ ศึกตำรวจ มีเนื้อหาดังนี้ ดูจะเป็นหนังเรื่องยาวของวงการตำรวจ เมื่อ “บิ๊กโจ๊ก” ออกโรงทิ้งระเบิดครบเครื่องทั้งข้อมูล และลีลาลากไส้วงใน
'บิ๊กต่าย' โต้กลับนิ่มๆ ให้สำนึกบุญคุณอย่าเผาบ้านตัวเอง!
'บิ๊กต่าย' ไม่ขอเอ่ยชื่อคนนอกโจมตีองค์กรตำรวจ ขอก้มหน้าก้มตาทำงาน แต่ฝากถึงอดีตคนกรมปทุมวัน อย่าทำร้ายบ้านตัวเอง พูดอะไรต้องรับผิดชอบ
คุก 3 ปี! นำสิทธิ 'คนละครึ่งพลัส' ไปแลกเงินสด
สตช.เตือน นำสิทธิ 'คนละครึ่งพลัส' ไปแลกเงินสด โดยไม่มีการซื้อขายจริง เข้าข่ายฉ้อโกง มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 60,000 บาท


