ลุ้น! อ่านฎีกาครั้งที่ 9 ธาริต กับพวก ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แจ้งข้อหามาร์ค อภิสิทธิ์ - ลุง สุเทพ สั่งฆ่าปชช. เหตุสลายม็อบ นปช.ปี 53
15 มิ.ย.2566 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน เวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณา 902 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ครั้งที่ 9 คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หมายเลขดำ อ.310/2556 ที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และ สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ผอ.ศอฉ.) ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), พ.ต.ท. วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐ จากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553, พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ. ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 200 วรรคสอง กรณีนายธาริตกับพวกแจ้งข้อหาดำเนินคดีนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ฐานสั่งฆ่าประชาชน ในการสลายม็อบ นปช.เมื่อปี 53
จำเลยทั้งสี่ ให้การปฏิเสธต่อสู้คดี
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ลงโทษพวกจำเลย โดยศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า พวกจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษากลับให้จำคุกจำเลยคนละ 3 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยไว้คนละ 2 ปี ไม่รอลงอาญา
จำเลยทั้งสี่ ยื่นฎีกา ขอให้ยกฟ้อง
ต่อมาวันที่ 2 ก.พ. 2566 ศาลนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาคดีนี้เป็นครั้งที่ 7 แต่ธาริต
มอบหมายให้ทนายความยื่นคำร้องพร้อมใบรับรองแพทย์ ขอเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปก่อน เนื่องจากต้องเข้ารับการผ่าตัดนิ่วในไต ที่โรงพยาบาลโดยแพทย์ให้รักษาและรอดูอาการเป็นเวลา 3 เดือน
อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ธาริต จำเลยที่ 1 ขอเลื่อนฟังคำพิพากษาฎีกาโดยอ้างว่าป่วยมาแล้วหลายครั้งนานกว่า 1 ปี มีเจตนาประวิงคดีให้ล่าช้าและมีพฤติการณ์หลบหนี จึงให้ออกหมายจับนายธาริตเพื่อมาฟังคำพิพากษาฎีกาและนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งที่ 8 เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา
โดยในวันดังกล่าวนายธาริต พร้อมทนายความเดินทางมาศาล
ทั้งนี้ทนายความนายธาริตจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ส่งสำนวนคืนศาลฎีกา เพื่อพิจารณาสั่งให้ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปรับปรามการทุจริต มาตรา 4 ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่ใช้บังคับแก่คดีขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 5 วรรคแรก มาตรา 26, 27, 29 วรรคแรก ส่งผลให้กฎหมายดังกล่าวเป็นอันใช้บังคับกับคดีไม่ได้ ตามคำร้องฉบับลงวันที่ 23 มีนาคม 2566 รวมทั้งนายธาริตจําเลยที่ 1 ขอถอนคำให้การฉบับเดิม และขอให้การใหม่เป็นรับสารภาพตลอด ข้อกล่าวหาเพื่อขอให้ศาลฎีกาลงโทษสถานเบา หรือรอการลงโทษด้วย
ซึ่งวันที่ 16 มิ.ย.ศาลอาญาได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาอีกครั้งซึ่งเป็นครั้งที่ 9
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หิ้ว 'นานา ไรบีนา' ฝากขังค้านประกันตัว!
ตำรวจสอบาวนกลางคุมตัว 'นานา ไรบีนา' ฝากขังคัดค้านการประกันตัว
ศาลฎีกาพิพากษายืน คุกตลอดชีวิต สมาขิกเเก๊งค้ายาเล่าต๋า
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำที่อย.5907/2559 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ ยื่
เทพไท ไม่แปลกใจ 'อภิสิทธิ์-ปชป.' ฉุดกระแสใต้คืนชีพ ห่วง สส.เขต โดนกระสุนดินดำเอาไปกิน
เทพไท ชี้ ผลการสำรวจของนิด้าโพล อาจวัดความนิยมของพรรคการเมือง และจะบ่งบอกถึงส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ แต่สำหรับส.ส.ในระบบเขต ยังเชื่อว่าพรรคการเมืองที่มีทรัพยากรพร้อม มีกระสุนดินดำเป็นจำนวนมาก และยิงเข้าเป้า ก็จะมีโอกาสชนะการเลือกตั้ง
นิด้าโพลชี้ ปชป. มาแรงในภาคใต้ คะแนนนิยม อภิสิทธิ์ นำ อนุทิน
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “กระแสการเมือง ภาคใต้” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 18 - 24 พฤศจิกายน 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในภาคใต้ (จำนวน 14 จังหวัด ประกอบด้วย ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี
ศาลรับอุทธรณ์คดี ม.112 ให้ 'ทักษิณ' ยื่นคำแก้อุทธรณ์ภายใน 15 วัน
พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 ได้ยื่นคำอุทธรณ์คดี ที่ศาลอาญายกฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
ศาลฟันหนัก! ขัง 11 คน เปิดบัญชีม้า ปั่นเหยื่อโอน 21 ล้าน โดนยาว 14-18 ปี
ศาลลงดาบจำเลยทั้ง 11 ราย คดีบัญชีม้าให้แก๊งหลอกโทรปั่นเหยื่ออ้างเป็นดีเอสไอ มองเป็นขบวนการทำร้ายสังคม-เศรษฐกิจ ย้ำต้องลงโทษแรงเพราะพฤติการณ์ร้ายแรง ไม่สนคำรับสารภาพ สั่งจำคุกตั้งแต่ 14 ถึง 18 ปี พร้อมให้คืนเงินผู้เสียหายกว่า 21 ล้านบาท


