แฟ้มภาพ
"โฆษกราชทัณฑ์" เผยอธิบดีราชทัณฑ์เตรียมสั่ง 2 ผู้คุม"เสี่ยแป้ง" ออกจากราชการไว้ก่อน หลังศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชออกหมายจับ ระบุทั้งคู่อยู่ระหว่างเข้ามอบตัวกับตำรวจ ขณะที่ คกก. ราชทัณฑ์ ยังไม่พบหลักฐานว่ามีการร่วมวางแผนหลบหนี และทั้งคู่ยังยืนกรานปฏิเสธไม่เกี่ยวข้อง ด้าน "น.ส.ไหม" คนเฝ้าไข้ ไม่ถูกบันทึกในสมุดเข้าเยี่ยม ถือเป็นความบกพร่อง
3 พ.ย.2566 - จากกรณีเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครศรี ธรรมราช ได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 ออกหมายจับ 2 ผู้คุมราชทัณฑ์เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ประกอบด้วย 1.นายวรินทร ทองประจง อายุ 41 ปี 2.นายเอก ลักษณ์ ไชยกาญจน์ อายุ 35 ปี ในฐานความผิดตามมาตรา 157 และเป็นเจ้าพนักงานผู้มีตำแหน่งหน้าที่ควบคุมผู้ต้องขังตามอำนาจศาลตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป กระทำการใดๆ ให้ผู้อยู่ระหว่างการควบคุมหลุดพ้นจากการคุมขังไป โดยทั้งคู่รับหน้าที่ดูแลควบคุมนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ"เสี่ยแป้ง นาโหนด" ก่อเหตุหลบหนีออกจากการควบคุมตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนคร ศรีธรรมราช ด้วยการใช้กุญแจผีสะเดาะตรวนข้อเท้า เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา และขณะนี้นายเชาวลิต ยังอยู่ระหว่างหลบหนีกบดาน ซึ่งศาลได้ออกหมายจับในความผิดฐานหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาล นอกจากนี้ ยังมีรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยว่า นายเชาวลิต พร้อมด้วยภรรยาและลูกเล็ก อาจหลบหนีไปถึงประเทศมาเลเซียเรียบร้อยแล้ว ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ ว่า กรมราชทัณฑ์ เพิ่งได้รับการประสานมาว่ามีหมายจับของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชต่อเจ้าพนักงานเรือนจำทั้ง 2 ราย ซึ่งเป็นผู้คุมในผลัดบ่ายช่วงคืนเกิดเหตุ แม้ขณะนี้ทั้งคู่จะอยู่ระหว่างการปฎิบัติหน้าที่ที่กรมราชทัณฑ์ จังหวัดนนทบุรี แต่ก็ได้รับคำสั่งให้เดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรี ธรรมราช และให้ปากคำตามขั้นตอน
ส่วนในเรื่องของคณะกรรมการราชทัณฑ์ที่มีการตรวจสอบเรื่องวินัยร้ายแรงนั้น เร็วๆนี้จะมีคำสั่งจากนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ให้เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ราย ออกจากราชการไว้ก่อน เนื่องจากถูกดำเนินคดีทางอาญา ส่วนเรื่องการตรวจสอบทางอาญาจะเป็นหน้าที่ของตำรวจ และตนทราบว่าตำรวจได้มีการแจ้งข้อหาแก่ผู้คุมราชทัณฑ์ทั้งคู่ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะมีการปล่อยให้ผู้ต้องขังที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาลหลบหนีไปได้ แต่ก็ยังไม่ได้มีพยานหลักฐานใดยืนยันได้ว่า ทั้งคู่เกี่ยวข้องในเรื่องของการให้ความร่วมมือวางแผนช่วยให้นายเชาวลิต หลบหนี ดังนั้น ตรงนี้จะเป็นหน้าที่ของเจ้าที่ตำรวจที่จะต้องทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริง
โฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวอีกว่า ตามระเบียบแล้วหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ (ผู้คุม) ที่มีหน้าที่ในการเฝ้าผู้ต้องขังป่วย ซึ่งจะต้องมีการเฝ้าอยู่ตลอดเวลา แต่อาจจะมีบางช่วงจังหวะที่ทั้งคู่ไม่ได้อยู่ หรือลุกเดินไปที่อื่นจึงเป็นโอกาสให้ผู้ต้องขังใช้ช่วงเวลานั้นหลบหนี นอกจากนี้ คำให้การของทั้งคู่ที่แจ้งกับคณะกรรมการฯ ระบุว่า ในช่วงที่นายเชาวลิตไขตรวนกุญแจข้อเท้า ทั้งคู่ลงมาที่ข้างล่างของอาคาร เพราะปกติแล้วที่ด้านล่างโรงพยาบาลจะมีตู้คอนเทนเนอร์ของเรือนจำฯ สำหรับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เพื่อสามารถพักระหว่างปฏิบัติหน้าที่ แต่ระหว่างนั้นก็ได้มีการเดินขึ้นไปด้านบนห้องพักผู้ป่วยเพื่อไปตรวจเวรอย่างเป็นระยะ แต่ก็ไม่ได้อยู่ข้างบนตลอด ทั้งนี้ ตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์นั้น การเฝ้าผู้ต้องขังนั้นผู้คุมราชทัณฑ์จะต้องดำเนินการเฝ้าอยู่ตลอดเวลา แม้ผู้คุมคนหนึ่งไม่อยู่แต่อีกคนจะต้องอยู่ เพราะว่าได้มีการกำหนดสัดส่วนว่าผู้คุมราชทัณฑ์ 2 รายต่อผู้ต้องขัง 1 ราย แต่ในทางปฏิบัติทั้งสองผู้คุมได้มีการปล่อยปละละเลยจึงจึงเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
โฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวเสริมว่า และด้วยกายภาพสภาพแวดล้อมของโรงพยาบาลแต่ละแห่งไม่เหมือนกัน ข้อจำกัดแตกต่างกัน บางโรงพยาบาลหากไปอยู่ในห้องผู้ป่วยรวม เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็ไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ของเรือนจำฯเข้าไปข้างใน หรือบ้างก็ให้เจ้าหน้าที่อยู่ข้างนอกเท่านั้น ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ต้องไปอยู่ข้างนอกห้อง จึงทำให้อาจจะต้องไปนั่งเก้าอี้ที่อื่น หรือไปนั่งอยู่บริเวณระเบียงอาคาร เพื่อคอยตรวจตราดูคนเข้า-ออก และดูว่าผู้ต้องขังมีการเดินเข้า-ออกห้องหรือไม่ ซึ่งข้อจำกัดเหล่านี้บางครั้งก็เป็นปัญหาต่อการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เช่นเดียวกัน อีกทั้งบางโรงพยาบาล ห้องผู้ป่วยรวมสามารถเข้า-ออกได้หลายทาง เจ้าหน้าที่ของเราเฝ้าประตูอีกทางหนึ่งแต่ผู้ต้องขังอาจไปใช้ช่องทางหลบหนีอีกทางหนึ่งก็เป็นได้
โฆษกกรมราชทัณฑ์ เผยต่อว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ผ่านมาของคณะกรรมการฯ ทั้ง 2 ผู้คุมยังให้คำยืนยันโดยยืนกรานว่าไม่มีส่วนในการช่วยเหลือเอื้อประโยชน์หรือร่วมวางแผนต่อการหลบหนีของนายเชาวลิต ซึ่งในเรื่องนี้คณะกรรมการฯยังไม่ได้มีพยานหลักฐานใดที่จะระบุเช่นนั้นได้ อีกทั้งเรื่องของภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลก็อยู่ที่ตำรวจ ดังนั้น คณะกรรมการฯ จึงทำหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นเท่านั้น ส่วนผลสรุปรายงานการสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้น ทราบว่าได้มีการนำเรียนไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์เรียบร้อยแล้ว ส่วนคำสั่งหลังจากนี้ก็จะอยู่ระหว่างการพิจารณาของอธิบดีที่จะมีคำสั่งให้ทั้งคู่ออกจากราชการไว้ก่อน
ส่วนกรณีมีผู้หญิง(น.ส.วิลาวัลย์ หมื่นรักษ์ หรือไหม) ที่นายเชาวลิตได้ว่าจ้างมาให้เฝ้าไข้นั้น โฆษกกรมราชทัณฑ์ ระบุว่าคณะกรรมการฯได้ตรวจสอบจากรายชื่อผู้อนุญาตให้เข้าเยี่ยมเรียบร้อยแล้ว ไม่พบชื่อของ น.ส.วิลาวัลย์ แต่อย่างใด จึงต้องยอมรับว่าเป็นข้อบกพร่องของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ไม่มีการตรวจสอบว่าบุคคลใดเดินทางเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังบ้างและไม่มีการทำสมุดบันทึกเข้าเยี่ยม ถือเป็นการปล่อยปละละเลย ส่วนประเด็นที่มีข้อสงสัยว่าทำไมเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เพิ่งมีการนำตรวนข้อเท้าของกลางที่นายเชาวลิตสะเดาะไปมอบให้กับพนักงานสอบสวนนั้น เนื่องมาจากราชทัณฑ์เพิ่งได้รับแจ้งจากเจ้าที่ตำรวจว่าต้องการของกลางดังกล่าว จึงได้นำไปมอบให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งหากพนักงานสอบสวนร้องขอ ทางเรือนจำฯ ก็ต้องส่งให้อยู่แล้ว เพียงแค่เพิ่งได้รับแจ้งว่าเจ้าที่ตำรวจต้องการจึงนำไปมอบให้เมื่อวานนี้ (2 พ.ย.)
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการหลบหนีของนายเชาวลิตนั้น ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ออกหมายจับ 7 ผู้ช่วยเหลือเสี่ยแป้ง ได้แก่ 1.น.ส.ยุวเรศ กลศึก หรือหมวย (คนว่าจ้าง น.ส.วิลาวัลย์) 2.น.ส.วิลาวัลย์ หมื่นรักษ์ หรือไหม (คนเฝ้าไข้เสี่ยแป้ง) 3.นายจักรี แป้นน้อย หรือบิ๊ก 4.นายจีระวุฒิ ชุมศรี หรือปอย 5.นายคเนศ ทองประจง หรือบอยสลัม 6.น.ส.วิลาวัลย์ บุญจันทร์ หรือทราย (แฟนสาวนายบิ๊ก) และ 7.นายสุทธิวัฒน์ ขุนณรงค์ หรือหนอน ฐานความผิดร่วมกันกระทำการด้วยประการใดให้ผู้ถูกคุมขังตามอำนาจศาลซึ่งเป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกตั้งแต่สิบห้าปีขึ้นไปหลุดพ้นจากการคุมขังไป โดยล่าสุดจับกุมได้ครบทั้งหมด 7 รายแล้ว และทั้งหมดไม่ได้รับการประกันตัวชั่วคราวแต่อย่างใด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ภราดร' ท้า 'รัฐบาล' ถ้าบริสุทธิ์ใจทำไมไม่มีหมายจับ 'เบน สมิธ–ยิม เลียก'
'เสธ.แมว' ท้า 'รัฐบาล' ถ้าบริสุทธิ์ใจตอบให้ได้ ทำไมยังไม่มีหมายจับ 'เบน สมิธ–ยิม เลียก' มองเงินอายัดพุ่ง 26,000 ล้าน แต่ ก.ล.ต.กลับนิ่ง เผยบางคนในเครือข่ายสแกมเมอร์เริ่มหมอบ เตรียมแยกตัวเป็นพยาน
ดีเอสไอเผยคืบหน้าคดีคุกวีไอพี อธิบดีราชทัณฑ์ ยันขรก.ทุจริตต้องถูกลงโทษ
"ดีเอสไอ" เร่งสอบเส้นทางเงินผู้ต้องขังชาวจีน พร้อมเรียกเจ้าหน้าที่และอดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ให้ปากคำครบทุกฝ่าย
วุ่น! หลังน้ำลด ติดล็อกเอกสารหาย อุปสรรคลงทะเบียนเยียวยา
ชาวหาดใหญ่–สตูลเดือดร้อนหนักหลังน้ำลด เร่งลงทะเบียนเยียวยาท่ามกลางอุปสรรคด้านเอกสาร
ท่วมหนักซ่อนยา! รวบ 'ไข่นุ้ย' หนีน้ำขนยาบ้าเข้าบ้าน
ตำรวจ-ปปส.บุกบ้านหมู่ 8 ไทยบุรี ท่าศาลา รวบผู้ต้องสงสัยค้ายารายใหญ่ หลังลำเลียงยาบ้า 38,750 เม็ดหนีน้ำท่วมมาซ่อนไว้ในบ้าน ก่อนพบซุกแนบเนียนในกระป๋องคอลลาเจนหลายใบ
ป.ป.ช. สอบคุกวีไอพี ไล่เช็กกล้อง-เส้นทางนำคนนอกเข้าเรือนจำ
ป.ป.ช.ลุยตรวจเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เปิดปฏิบัติการเชิงรุกสอบสิทธิพิเศษ “ผู้ต้องขังจีนเทา” ไล่เช็กกล้อง-เส้นทางนำคนนอกเข้าเรือนจำ จ่อรายงานบอร์ดป.ป.ช.พิจารณาต่อ
กสม. มีมติสอบ 'คุก VIP' ส่อละเมิดสิทธิ เรียกหน่วยเกี่ยวข้องแจง
'กสม.' มีมติตรวจสอบ กรณีพบห้องวีไอพีของผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่อเลือกปฏิบัติละเมิดสิทธิ จ่อเชิญหน่วยเกี่ยวข้องให้ข้อมูล


