แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้มุกหลอกให้กลัว เหยื่อสูญเงินกว่า 200 ล้านบาท

AOC 1441 โชว์เคสตัวอย่างรายสัปดาห์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยังมาแรง หลอกให้กลัว สูญเงิน 200 ลบ.

16 ม.ค. 2566- นางสาววงศ์อะเคื้อ บุญศล โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอี) กล่าวว่า จากการรายงานของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ หรือ ศูนย์ AOC 1441 (Anti Online Scam Operation Center) ระหว่าง วันที่ 8 – 12 มกราคม ที่ผ่านมา มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการถูกหลอกลวงผ่านเครือข่ายออนไลน์ในหลายรูปแบบจำนวน 5 คดี ประกอบด้วย

คดีที่ 1 ข่มขู่ทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) มูลค่าความเสียหาย 200 ล้านบาท รายละเอียดคดี คือ ผู้เสียหายถูกหลอกลวงจากแก๊ง Call Center โดยอ้างว่าผู้เสียหายมีความเกี่ยวข้องกับคดีการฟอกเงิน ได้ติดต่อมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ทำการโอนเงินเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน และจะโอนเงินกลับคืนผู้เสียหายภายหลัง ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปตามคำแนะนำ สุดท้ายไม่มีการโอนเงินคืนกลับมา ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก

คดีที่ 2 คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 11.78 ล้านบาท รายละเอียดคดี พบว่า ผู้เสียหายรู้จักกับมิจฉาชีพโดยติดต่อผ่านช่องทาง Facebook และได้ขอเพิ่มเพื่อน ผ่านช่องทาง Line พูดคุยเรื่อยมาจนสนิทกัน ต่อมามิจฉาชีพชักชวนผู้เสียหายลงทุนเทรดหุ้นซึ่งอ้างว่าให้ผลตอบแทนสูง ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปลงทุนเป็นจำนวนหลายครั้ง แต่ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก

คดีที่ 3 หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ มูลค่าความเสียหาย 5,148,285 บาท รายละเอียดคดี พบว่า ผู้เสียหายพบโฆษณาชักชวนหารายได้พิเศษผ่านช่องทาง Facebook จึงได้ติดต่อไปสอบถามข้อมูล จากนั้นได้เพิ่มเพื่อนผ่านช่องทาง Line กับมิจฉาชีพ และได้มีการให้ทำภารกิจ กด Link ที่หน้า Web ของ Central เพื่อรับค่าคอมมิชชันตอบแทน ผู้เสียหายเชื่อว่าจะได้รับผลตอบแทนจึงได้โอนเงินตามข้อตกลงในการทำภารกิจจำนวนหลายครั้ง แต่เมื่อต้องการถอนเงินออกมา ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก

คดีที่ 4 ข่มขู่ทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน มูลค่าความเสียหาย 1,070,000 บาทรายละเอียดคดี พบว่า มิจฉาชีพโทรหาผู้เสียหาย แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย แจ้งว่ามีการถอนเงินออกจากบัญชีของผู้เสียหาย จากนั้นได้โอนสายให้คุยกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแจ้งความ ต่อมามิจฉาชีพแจ้งว่าผู้เสียหายมีการเปิดบัญชีม้าจะต้องทำการโอนเงินไปตรวจสอบเส้นทางการเงิน ผู้เสียหายจึงได้หลงเชื่อและทำการโอนเงินไป ภายหลังผู้เสียหายไม่ได้รับเงินคืน ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก

และ คดีที่ 5 หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัลหรือวัตถุประสงค์อื่นๆ มูลค่าความเสียหาย 1.4 ล้านบาท รายละเอียดคดี พบว่า ผู้เสียหายได้ถูกมิจฉาชีพติดต่อเข้ามาผ่านช่องทาง Facebook อ้างว่า ผู้เสียหายเป็นผู้โชคดีได้รับรางวัลเป็นจำนวนเงิน 1,000,000 บาท โดยต้องโอนเงินชำระค่าภาษี และ ค่าดำเนินการอื่น ๆ ผู้เสียหายโอนเงินไปก็บอกว่าทำรายการผิดระบบจึงทำการล็อกไว้ ต้องโอนเงินเพื่อทำการปลดล็อกระบบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก รวมมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้ง 5 คดีร่วม 220 ล้านบาท

ดีอี ขอให้ประชาชนระวังการหลอกลวงจากมิจฉาชีพที่ติดต่อเข้ามาผ่านโทรศัพท์ และสื่อสังคมออนไลน์ หากมั่นใจว่าปลายสายเป็นมิจฉาชีพ ให้วางสายทันที และแจ้งเบาะแสกับหน่วยงานที่ดูแล เนื่องจาก 5 คดีที่กล่าวมา มิจฉาชีพได้โทรศัพท์ข่มขู่ให้เกิดความกลัว ก่อนที่จะหลอกให้มีการโอนเงินผ่านออนไลน์ไปยังบัญชีธนาคารของมิจฉาชีพ

“ดีอี ขอเตือนภัยกับทุกท่าน ให้สังเกต และงดรับสายจากหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย รวมทั้งไม่พูดคุยกับคนแปลกหน้าหรือคนที่ไม่รู้จักที่เข้ามาทักทายและขอเป็นเพื่อนผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย ขอให้ท่านอย่าไว้ใจหรือตระหนักเสมอถึงความปลอดภัยของตัวท่านเอง อย่าไว้ใจคนแปลกหน้า เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ ซึ่งอาจจะทำให้ท่านโอนเงินให้กับมิจฉาชีพจนหมดตัวได้” นางสาววงศ์อะเคื้อ กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ

อย่าลงทะเบียนผ่านเฟซบุ๊ก-ติ๊กต็อก-ไลน์ แนะ 3 ช่องทางขอเงินคืนจาก ปปง.

รัฐบาลย้ำ ปปง. ไม่มีระบบคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย ทางเฟซบุ๊ก-ติ๊กต็อก-ไลน์ เตือน ปชช. อย่าหลงเชื่อลงทะเบียนขอรับเงินคืน แนะ 3 ช่องทางที่ถูกต้อง

บุกทลายแก๊งคอลฯ เช่าตึกแถวกลางเมืองมุกดาหาร ยึดซิมบ็อกซ์ คนร้ายไหวตัวหนีทัน

ชุดปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 4 ร่วมกับ ตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร เข้าตรวจค้นตึกแถวห้องหนึ่งบริเวณสถานีขนส่งจังหวัดมุกดาหาร สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเบาะแสจากสายลับว่าที่ตึกห้องแถวบริเวณสถานีขนส่งจังหวัดมุกดาหาร จ

กมธ.ความมั่นคง ชงหลายหน่วยงานสอบ 43 ชื่อบุคคล-บริษัท โยงสแกมเมอร์ข้ามชาติ

"โรม" เผยกมธ.ความมั่นคงเตรียมส่ง 43 รายชื่อให้ทางการสอบ-แบล็กลิสต์ห้ามเข้าประเทศ ไม่ท้อเรียก "นายกฯ-ธรรมนัส" แจงกรรมาธิการฯ

มันมาอีกแล้ว! สตช.เตือนอย่ารับสายเบอร์แปลกตัวเลขเยอะ แนะกด *138*1# โทรออก บล็อกคอลเซ็นเตอร์

เพจสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  โพสต์ข้อความว่า อย่ารับสาย เบอร์แปลกขึ้นต้นด้วย + ตามด้วยตัวเลขเยอะ ๆ กลับมาป่วนอีกแล้วแก๊งคอ