
10 ส.ค.2568-ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงณ์ ผิวพรรณ ผบช.สอท.พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.3 ร่วมกันแถลงผลเปิดปฏิบัติการ “OPERATION PINKLAO” รวบ 2 วัยรุ่นไทย ขนเครื่อง FBS ขับรถทั่วกรุง ตระเวนส่ง SMS ปลอม แนบลิงก์หลอกดูดเงิน
สืบเนื่องจาก บช.สอท. ได้ร่วมกับ AIS เดินหน้าปฏิบัติการเชิงรุก จนสามารถเข้าจับกุมกลุ่มมิจฉาชีพที่ตระเวนใช้เครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station) เพื่อส่ง SMS ปลอมจาก Sender เป็นชื่อหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยใช้ข้อความที่อ้างคะแนนจะหมดอายุ เพื่อล่อลวงให้ประชาชนคลิกลิงก์แลกรางวัล ทำให้ผู้รับ SMS อาจหลงเชื่อและมีความเสี่ยงโดนหลอกลวงเงินได้ โดยที่ผ่านมาพบว่าได้ก่อเหตุทั้งในพื้นที่ในย่านสาธร พระราม 4 สุขุมวิท และเพชรบุรี และสามารถจับกุมตัวไปได้แล้วหลายครั้ง ทั้งผู้ต้องหาชาวไทยและต่างชาติ
โดยการสืบสวนในครั้งนี้ ทาง AIS ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าได้รับ SMS ปลอมแนบลิงก์น่าสงสัย คาดว่า มาจากมิจฉาชีพ จึงได้ประสานข้อมูลมายังตำรวจไซเบอร์และได้เริ่มทำการสืบสวน โดยมีเจ้าหน้าที่ชุดวิเคราะห์ข้อมูล ศปอส.ตร. นำโดย พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2, พ.ต.ท.ชนะชัย ศิริ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.มักกะสัน, พ.ต.ท.วสันต์ เพิ่มพูล สว.(สอบสวน) สน.หนองแขม และเจ้าหน้าที่ตำรวจในศูนย์ฯ ร่วมสืบสวนกรณีดังกล่าวด้วย
ต่อมา พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 พร้อมเจ้าหน้าที่งานรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ บก.ตอท. จึงได้นำกำลังตำรวจไซเบอร์รวมหลายสิบนาย ร่วมกับทีมวิศวกรจาก AIS กระจายกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยวางกำลังค้นหาคนร้ายที่ก่อเหตุรอบพื้นที่ กทม. โดยเฉพาะถนนเส้นหลักและย่านชุมชน
กระทั่งวันที่ 8 ส.ค.68 เวลาประมาณ 16.00 น. ได้พบรถยนต์ต้องสงสัย ยี่ห้อ มาสด้า สีเทา ขับอยู่บนถนนเพชรบุรี ตัดใหม่ จึงได้ติดตามจนกระทั่งมาถึงบริเวณปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ย่าน ถ.สิรินธร แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กทม. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเข้าขอตรวจค้น เพื่อตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าว พบบุคคลภายในรถเป็นชายไทยจำนวน 2 คน ชื่อ นาย นิรันดร์อายุ 20 ปี และ นายกิตติวรา อายุ 22 ปี เมื่อตรวจสอบภายในรถยนต์บริเวณห้องโดยสารตอนหลัง พบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ลักษณะคล้ายเครื่องจำลองสถานีฐานกำลังทำงานอยู่และมีการเชื่อมต่อกับเครื่องจ่ายไฟเคลื่อนที่ (Power Station) จำนวน 1 ตู้ จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจาก AIS มาตรวจสอบ จึงพบว่า เป็นเครื่องจำลองสถานีฐาน (False base station) เป็นอุปกรณ์เครื่องวิทยุโทรคมนาคมที่ดัดแปลงการส่งสัญญาณในคลื่นความถี่ต่างๆ เข้าอุปกรณ์มือถือที่อยู่ในรัศมี ซึ่งกำลังทำงานอยู่ และมีการเชื่อมต่อกับเครื่องจ่ายไฟเคลื่อนที่ (Power Station) พร้อมอุปกรณ์กระจายสัญญาณจำนวน 1 กล่อง
และโทรศัพท์มือถือจำนวน 4 เครื่อง ตรวจสอบไม่พบการได้รับอนุญาตจาก กสทช. แต่อย่างใด
โดยระหว่างการตรวจค้นนั้น ก็ยังมี SMS แนบลิงก์เข้าสู่เว็บไซต์ปลอมเข้ามาในกล่องข้อความโทรศัพท์มือถือ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างต่อเนื่อง อาทิ เลียนแบบ SMS ธนาคาร เลียนแบบ SMS ค่ายโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
จากการซักถามนายนิรันดร์ ผู้ถูกจับ ให้ข้อมูลว่า ตนเองได้รับการติดต่อจากผู้ว่าจ้างชาวจีนผ่านทางแอปพลิเคชัน Telegram ให้นำอุปกรณ์ดังกล่าวไปตระเวนขับส่ง SMS ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยได้รับค่าจ้างประมาณ 5,000 บาท ส่วนนายกิตติวรา ให้ข้อมูลว่า ตนทำหน้าที่ขับรถพานาย นิรันดร์ ตระเวนไปตามที่ผู้คนพลุกพล่านใน กทม. โดยทำมาแล้วจำนวน 3 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 2, 3 และ 8 สิงหาคม 2568 โดยได้รับค่าจ้างวันละ 1,000 บาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา 1. “ร่วมกัน ทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 6 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 2. ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตตามมาตรา 11 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 3. ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม ตามมาตรา 67(3) ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม 4. ร่วมกันพยายามฉ้อโกงประชาชนฯ ตาม ป.อาญา มาตรา 343, ร่วมกันกระทำโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ.2560 มาตรา 14(1)
5. ร่วมกันดักรับไว้ ใช้ประโยชน์ หรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งข่าววิทยุคมนาคมที่มิได้มุ่งหมายเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติหรือประชาชน ตามมาตรา 17 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 6. ร่วมกันกระทำความผิดฐาน อั้งยี่ ตาม ป.อาญา มาตรา 209”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รู้หมด! 'ชูวิทย์' ชี้นักโทษวีไอพีจีนเทาในคุก แผนวางงานโละอำนาจเก่าไปสู่อำนาจใหม่
ยิ่งเรื่องในคุก หากให้ตรวจกันเองก็เหมือนตำรวจสอบตำรวจ ผลออกมาได้แค่แสดงแอ็คชั่นขึงขัง สร้างภาพไปตรวจ จากนั้นตั้งกรรมการสอบรายชื่อยาวเป็นหางว่าว ปล่อยไปสัก 1-2 เดือน ให้เรื่องเงียบ
'อัยการดาว' เปิดใจยื่นสอบตร.ไซเบอร์ พบพิรุธคดีแก๊งคอลฯหลอกแม่สูญเงิน 7 แสน
เปิดใจอัยการดาวเหตุยื่นสอบตร.ไซเบอร์ หลังพบพิรุธ ประสานบริษัทปุ๋ยที่มีเส้นเงินเเก็งเเฮรี่เข้าบัญชี แต่มีคนประสานเคลียร์คืนเงินอ้างไม่รู้ ตร จัดสอบเป็นพยาน แนวโน้มอาจสอบพยานทุกแถวตลอดสาย เริ่มถอดใจ ประเทศชาติไม่ใช่ของเราคนเดียว
'อัยการดาว' ร้องสอบตร.ไซเบอร์ จับแต่ปลาซิว ปล่อยตัวการใหญ่ลอยนวล คดีแก๊งคอลฯหลอกแม่สูญ 7 แสน
น.ส.สุภาภรณ์ นิปวณิชย์ อัยการผู้เชี่ยวชาญสำนักงานคดียาเสพติด หรือ “อัยการดาว” อัยการมือทำคดีเเตงโม ดาราสาวชื่อดังตกเรือเสียชีวิต เมื่อครั้งนั่งตำเเหน่งอัยการจังหวัดนนทบุรี ได้รับมอบอำนาจจากมารดา ผู้เสียหาย ในคดีโรแมนซ์สแกมถูกหลอกเงิน 7.6 เเสนบาทได้ยื่นหนังสือ ถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอความเป็นธรรมให้ตรวจสอบว่าพนักงานสอบสวน บช.สอท ทำสำนวนการสอบสวนส่อไปในทางช่วยเหลือกลุ่มที่รับเอาเงินหรือประโยชน์ที่ได้จากมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ธ.ก.ส. จับมือ บช.สอท. เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “บริการเเจ้งเตือนภัยมิจฉาชีพ” ยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์ผ่าน LINE Official BAAC Family
ธ.ก.ส. จับมือ บช.สอท. เดินหน้าเสริมแกร่งความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับประชาชนทั่วประเทศ เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “บริการแจ้งเตือนภัยมิจฉาชีพ” บน LINE Official BAAC Family โดยสามารถเช็ก - แจ้ง – เตือนภัยมิจฉาชีพได้สะดวกทุกที่ ทุกเวลา ผ่าน LINE Official BAAC Family โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
‘ชัยชนะ’ จี้ ‘ยธ.-ดีเอสไอ’ ขยายผลปราบจีนเทา จับนอมินีร้านอาหาร ‘รัชดา-เพชรบุรี-RCA’
ขอเรียกร้องไปยังรมว.ยุติธรรม และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและจัดการกับกลุ่มผู้กระทำความผิดอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในพื้นที่ถนนรัชดา ถนนเพชรบุรี และถนนอาร์ซีเอ
ตร.ไซเบอร์ จ่อเอาผิด 'แก็งโอริโอ้' โพสต์ข้อมูลเชื่อมโยงทำความผิดหลายข้อหา
ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. รรท.รอง ผบช.สอท.


