‘กรมทางหลวง’ผุดทางเลี่ยงเมืองนางรองแก้จราจรติดขัด

‘กรมทางหลวง’ ซาวด์เสียงชาวบุรีรัมย์ หวังแก้ไขปัญหาจราจร พบช่วงเทศกาลปริมาณจราจรหนาแน่น เดินหน้าขยาย4 เลนปรับปรุงถนนทางเลี่ยงเมืองนางรอง (ด้านใต้) เพิ่มประสิทธิภาพการคมนาคมขนส่ง คาดสรุปผลศึกษาภายในต้นปี66

9 ธ.ค.255-นางสาวเพชรรัตน์ ภูมาศ นายอำเภอนางรอง เป็นประธานเปิดการประชุมสรุปผลการคัดเลือกรูปแบบการพัฒนาโครงการ (สัมมนา ครั้งที่ 2) โครงการจ้างวิศวกรที่ปรึกษาสำรวจและออกแบบทางหลวง 4 ช่องจราจรทางเลี่ยงเมืองนางรอง (ด้านใต้) เพื่อนำเสนอความก้าวหน้าผลการศึกษา และสรุปผลการคัดเลือกรูปแบบทางเลือกที่เหมาะสม พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการศึกษาของโครงการ เพื่อนำไปพิจารณาประกอบการศึกษาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรธุรกิจเอกชน และภาคประชาชนเข้าร่วมการประชุม

สำหรับ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นเมืองที่มีอัตราการขยายตัวด้านเศรษฐกิจสูง เนื่องจากมีการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ที่มีแนวโน้มมากขึ้นทุกปี ส่งผลให้ความต้องการเดินทางในโครงข่ายทางหลวงและถนนในเขตเมืองนางรองสูงมากยิ่งขึ้น จึงต้องเตรียมความพร้อมด้านโครงข่ายถนนเพื่อรองรับปัญหาการจราจรและขนส่งในอนาคต โดยมีแนวคิดในการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองนางรอง เพื่อให้เกิดโครงข่ายถนนทางเลือกสำหรับผู้เดินทางระยะไกลที่ไม่จำเป็นต้องผ่านเขตเมืองนางรอง ใช้เป็นเส้นทางเลี่ยงเมือง และช่วยลดปริมาณรถบรรทุกจากภาคตะวันออกเข้าเขตเมืองรวมทั้งเชื่อมโยงกับถนนเส้นต่างๆ ในท้องถิ่น ก่อให้เกิดพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ สร้างรายได้และอาชีพแก่คนในพื้นที่ 

อย่างไรก็ตาม กรมทางหลวง จึงได้ดำเนินการว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย บริษัท เอ 21 คอนซัลแตนท์ จำกัด สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง และบริษัท ลูเซ่ ครีเอชั่น จำกัด ดำเนินการศึกษาโครงการจ้างวิศวกรที่ปรึกษาสำรวจและออกแบบทางหลวง 4 ช่องจราจร ทางเลี่ยงเมืองนางรอง (ด้านใต้) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายคมนาคมให้การเดินทางสะดวกรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยแก่ประชาชนผู้สัญจร

สำหรับการจัดประชุมในครั้งนี้ ที่ปรึกษาโครงการฯ ได้นำเสนอแนวคิดเบื้องต้นในการพัฒนาแนวเส้นทางโครงการ โดยมีจุดเริ่มต้นโครงการบนทางหลวงหมายเลข 24 บริเวณ กม.117+500 และมีจุดสิ้นสุดโครงการที่ บนทางหลวงหมายเลข 218 โดยได้กำหนดแนวเส้นทางเลือกไว้ 5 แนวเส้นทางเลือก โดยจากการพิจารณาเปรียบเทียบแนวเส้นทางที่เหมาะสมใน 3 หลัก ประกอบด้วย ด้านวิศวกรรมและจราจร ด้านเศรษฐกิจและการลงทุน และด้านผล กระทบสิ่งแวดล้อม พบว่า แนวเส้นทางเลือกที่ 2 มีความเหมาะสมที่สุด 

โดยแนวเส้นทางมุ่งไปทางทิศใต้ ประมาณ 2.7 กิโลเมตร ตัดผ่านพื้นที่เกษตรกรรมบริเวณบ้านหนองโบสถ์ จากนั้นมุ่งเบี่ยงไปทิศตะวันออก ตัดผ่านพื้นที่เกษตรกรรมซึ่งอยู่ทางด้านทิศใต้ของวัดสองพี่น้อง มีระยะห่างจากแนวเส้นทางประมาณ 280 เมตร ตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 348 ประมาณ กม.136+400 บริเวณข้างทางเป็นพื้นที่โล่ง ตัดผ่านคลองกำเปรตและลำนางรอง จากนั้นตัดผ่านทางหลวงชนบท บร.3001 ประมาณ กม.22+270 ข้างทางมีอาคารที่อยู่อาศัยบางส่วน และตัดผ่านลำท้องเรือ จากนั้นมุ่งเบี่ยงไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งแนวเส้นทางทับกับแนวเส้นทางเลือกที่ 1 จนถึงจุดสิ้นสุดโครงการเชื่อมกับทางหลวงหมายเลข 218 กม.48+000 รวมระยะทาง 17.95 กิโลเมตร

ส่วนรูปแบบการพัฒนาถนนทั่วไปของโครงการ ได้พิจารณาออกแบบ 2 ช่วง ประกอบด้วย ช่วงที่ 1 ช่วงถนนทั่วไป ออกแบบเป็นถนนขนาด 4 ช่องจราจร ไหล่ทางด้านนอก กว้าง 2.5 เมตร ในเขตทาง 60 เมตร และมีเกาะกลางรูปแบบกำแพงกั้น (Barrier Median) กว้าง 3 เมตร ช่วงที่ 2 ช่วงพื้นที่ชุมชน ออกแบบเป็นจุดกลับรถใต้สะพาน โดยมีถนนเส้นทางหลักบนสะพาน 6 ช่องจราจร ทางขนาน 4 ช่องจราจร (เดินรถฝั่งละ 2 ทิศทาง) ในเขตทาง 70 เมตร

สำหรับการคัดเลือกรูปแบบจุดตัดทางแยก จำนวน 3 แห่ง มีรายละเอียดดังนี้ 1.จุดตัดทางหลวงหมายเลข 24 จุดเริ่มต้นโครงการ พบว่า รูปแบบทางเลือกที่ 2 สะพานยกระดับและจุดกลับรถ (Overpass and U-Turn) มีความเหมาะสมที่สุด โดยเป็นสะพานยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 24 เดิม เพื่อรองรับรถที่ต้องการเดินทางไปอำเภอหนองกี่ (1 ทิศทาง) โดยยกข้ามถนนนทิศทางเลี้ยวขวา ทำให้เข้าสู่ถนนโครงการได้อย่างอิสระ โดยไม่ตัดกระแสจราจร และทิศการเดินออกจากถนนโครงการ ที่ต้องการเลี้ยวขวาไปอำเภอนางรอง ให้ไปใช้จุดกลับรถ

 2.จุดตัดทางหลวงหมายเลข 348 พบว่า รูปแบบทางเลือกที่ 2 สะพานลอยข้ามทางแยกระดับพื้นและวงเวียน (Overpass and Roundabout) มีความเหมาะสมที่สุด โดยเป็นรูปแบบสะพานยกระดับและวงเวียนระดับพื้น โดยเป็นสะพานยกระดับบนถนนโครงการ เพื่อรองรับรถที่ต้องการเดินทางไปอำเภอหนองกี่ และไปอำเภอเมืองบุรีรัมย์ และทางแยกระดับพื้นเป็นลักษณะวงเวียน เพื่อรองรับรถทางตรงและเลี้ยวขวาทุกทิศทาง 

3.จุดตัดทางหลวงหมายเลข 24 ด้านทิศตะวันออก พบว่า รูปแบบทางเลือกที่ 1 สะพานยกระดับแบบต่อเชื่อมโดยตรงข้ามทางแยกระดับพื้นลักษณะวงเวียน (Directional and Roundabout) มีความเหมาะสมที่สุด โดยเป็นสะพานยกระดับบนถนนโครงการข้ามทางหลวงหมายเลข 24 เพื่อรองรับรถที่ต้องการไปอำเภอเมืองบุรีรัมย์และอำเภอประคำ (2 ทิศทาง) และสะพานยกระดับแบบต่อเชื่อมโดยตรง (Directional Ramp) เชื่อมต่อจากสะพานขาไปอำเภอเมืองบุรีรัมย์เพื่อรองรับรถที่ต้องการเลี้ยวขวาไปอำเภอประโคนชัยและทางแยกระดับพื้นมีลักษณะเป็นวงเวียน เพื่อรองรับรถเลี้ยวขวาทุกทิศทาง และ 4.จุดตัดทางหลวงหมายเลข 218 จุดสิ้นสุดโครงการ พบว่า ทางแยกระดับพื้นยังสามารถรองรับปริมาณจราจรได้ในอนาคต จึงออกแบบเป็น รูปแบบทางแยกระดับพื้นควบคุมด้วยสัญญาณไฟจราจร

สำหรับการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในช่วงที่ผ่านมา ที่ปรึกษาได้ดำเนินการรวบรวมข้อมูล สำรวจและเก็บตัวอย่างด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อนำมาประกอบการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น หรือ IEE เพื่อ

คัดกรองปัจจัยที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญครอบคลุม 4 ด้าน ได้แก่ ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ทรัพยากรสิ่งแวดลอมทางชีวภาพ คุณค่าการใช้ประโยชน์ของมนุษย์ และคุณค่าต่อคุณภาพชีวิต สำหรับนำไปศึกษาในชั้น EIA พบว่ามี 24 ปัจจัย โดยลำดับถัดไป ที่ปรึกษาโครงการฯ จะนำทั้ง 24 ปัจจัยนี้ มาประเมินผลกระทบรายละเอียดพร้อมทั้งกำหนดมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และแผนการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมในปัจจัยที่มีผลกระทบต่อไป

อย่างไรก็ตามภายหลังการประชุมครั้งนี้ กรมทางหลวง และบริษัทที่ปรึกษาจะรวบรวมความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนนำมาพิจารณาประกอบการศึกษาของโครงการ พร้อมทั้งจะดำเนินการจัดกิจกรรมการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อประชาสัมพันธ์รายละเอียดข้อมูลโครงการไปสู่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่โครงการได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง 

ทั้งนี้โดยมีกำหนดจัดการประชุมกลุ่มย่อย ครั้งที่ 2 ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม 2566 การประชุมสรุปผลการศึกษาโครงการ (สัมมนา ครั้งที่ 3) ในช่วงประมาณเดือน มีนาคมหรือเมษายน 2566 เพื่อนำเสนอสรุปผลการศึกษาในทุกด้านให้ประชาชนได้รับทราบรายละเอียดขั้นตอนการดำเนินงานต่อไป โดยผู้สนใจสามารถติดตามความคืบหน้าและรายละเอียดของโครงการฯ ได้ 2 ช่องทาง ได้แก่ 1.เว็บไซต์ www.nangrongbypass-south.com 2.Line : @nangrongbypass-south

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชาวบ้านกรวดเริ่มเปิดร้าน หาเงินเลี้ยงชีพ แม้ไม่มั่นใจเขมรหยุดยิงจริง

ชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้าตามแนวชายแดน ในพื้นที่อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ เริ่มกลับไปทำมาหากิน และเปิดร้านขายของชำในหมู่บ้าน เพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัวและชำระหนี้สินกันแล้ว

สมัคร สส.บุรีรัมย์ 10 เขต วันแรกคึกคัก ภท.-ปชน.ลงครบ

เปิดรับสมัคร สส.บุรีรัมย์ 10 เขต วันแรกบรรยากาศคึกคัก หลายพรรคส่งผู้สมัครครบทุกเขต “ไชยชนก” นำทีมภูมิใจไทย ขณะที่ “ศิริกัญญา” นำทัพพรรคประชาชน ขอปักธงส้มในพื้นที่

'ปชน.' กระจายแกนนำสมัคร สส. 'เท้ง' หัวเรือ กทม. 'ไหม' บุกถิ่นน้ำเงิน

'ปชน.' กระจายแกนนำให้กำลังใจผู้สมัครแบบเขตทุกภูมิภาค 'เท้ง' นำทีม กทม. 7 โมงเช้าถึงกีฬาเวสน์ 2 'ไหม' บุกถิ่นน้ำเงินบุรีรัมย์ 'อ.ต้น' ลงใต้ 'ต๋อม' ปักหลักหัวเมืองเหนือ

คนแน่นวัด! นายกฯอนุทิน เป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพ 'จ่าเริง' นักรบเนิน 350

คนแน่นวัดนายกฯเป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพจ่าเริง นักรบ 350 เพื่อนร่วมรบเผยเพลงที่จ่าเริง แต่งมาร้องให้ฟังครั้งแรกก่อนขึ้นเนิน 350 ระบุทุกครั้งออกรบจ่าเริงจะเอาธงชาติคลุมเหมือนซุปเปอร์แมน เสียงสุดท้ายก่อนออกรบ คือโทรศัพท์หาลูกบอกกลับไปจะพาไปกิน KFC

'บุรีรัมย์'จัดใหญ่ใส่เต็ม 3บิ๊กอีเว้นต์กีฬาระดับโลก 'มาราธอน-โมโตจีพี-รอบเทสต์'ฤดู2026

การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) พร้อมด้วยภาคเอกชน ผนึกกำลังจัดการประชุมเตรียมความพร้อมมหกรรมกีฬาสุดยิ่งใหญ่ประจำปี 2569 ได้แก่ “บุรีรัมย์ มาราธอน 2026” ฉลองครบรอบ 10 ปี และรุกหนักแผนรับมือ “พรี-ซีซั่นเทสต์และสนามเปิดฤดูกาล” ต่อเนื่องปีที่ 2 “โมโตจีพี รายการ พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์ 2026”  เพื่อวางรากฐานการบริหารจัดการอย่างเต็มระบบ รองรับคลื่นนักวิ่ง-แฟนความเร็วนับแสนสู่ 3 บิ๊กอีเว้นต์ระดับโลก

ร่าง 'จ่าเริง' วีรบุรุษทหารกล้า เนิน 350 ปราสาทตาควาย ถึงบ้านเกิดบุรีรัมย์

ครอบครัว ญาติพี่น้องรับร่าง จ.ส.อ.สำเริง  คลังประโคน วีรบุรุษทหารกล้า เนิน 350 ปราสาทตาควาย กลับสู่บ้านเกิด ในหลวง–พระราชินี พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ เตรียมพระราชทานเพลิงศพ 24 ธ.ค.นี้ ณ วัด ห้วยปอ ต.ปังกู อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ แม่เผย สุดเศร้าหลังจากนี้จะไม่ได้เห็นหน้าลูกอีกแล้ว  หากชาติหน้ามีจริงขอให้เกิดเป็นลูกแม่อีก