เริ่มแล้ว 'นครพนม' ร้องเรียนผลนับคะแนน อบต.

'นครพนม' ผู้สมัครนายก อบต.นาคู่ ยื่นหนังสือคัดค้านผลคะแนน หลังผีจับยัดคะแนนคู่แข่งพลิกชนะ ชี้เจ้าหน้าที่ลำเลียงหีบวางตัวไม่เป็นกลาง

08 ธ.ค.2564 - บริเวณทางขึ้นศาลากลางจังหวัดนครพนม มีชาวบ้านจากตำบลนาคู่ อ.นาแก ประมาณ 20 คน นำโดยนายเล่ห์ วงศ์ศรีชา อายุ 48 ปี ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาคู่ (อบต.นาคู่) ยื่นหนังสือคัดค้านผลการนับคะแนนนายก อบต.นาคู่ ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ซึ่งนายสมพล พงษ์พิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งฯนครพนม (ผอ.กกต.) เป็นผู้รับมอบหนังสือฉบับดังกล่าว

นายเล่ห์เผยว่า ผลการนับคะแนนนายก อบต.นาคู่ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน 2564 มีพิรุธหลายอย่าง กล่าวคือตนเป็นผู้สมัครฯ หมายเลข 1 ผลการนับคะแนนได้ 1,619 ขณะที่คู่แข่งเป็นอดีตนายก อบต.นาคู่ ได้เบอร์ 3 ได้คะแนน 1,630 ซึ่งห่างกันแค่ 11 แต้ม เชื่อว่าการนับคะแนนไม่เป็นไปด้วยความโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม มีข้อพิรุธหลายๆอย่าง คือ ผลการนับคะแนนที่ปรากฏนั้น จำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ไม่ตรงกับจำนวนบัตรลงคะแนน โดยเมื่อนำบัตรดีจำนวน 3,465 ใบ ไปรวมกับบัตรเสีย 77 ใบ และบัตรผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนนอีก 22 ใบ เท่ากับ 3,564 ใบเท่านั้น แต่เจ้าหน้าที่ได้ลงจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งเป็น 3,684 คน และมีบัตรหายไป 120 ใบ โดยทีมงานมีภาพถ่ายผลรวมคะแนนก่อนมีการแก้ไขเป็นหลักฐาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ลงจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งเป็น 3,684 คนนั้น เป็นการแก้ไขชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ พอมีการทักท้วงเจ้าหน้าที่ได้ไล่ตะเพิดให้ไปฟ้องร้องเอาเอง

ประเด็นต่อมาในหน่วยเลือกตั้งที่ 1 ซึ่งเป็นหมู่บ้านของผู้สมัครนายกฯ หมายเลข 3 และอยู่ห่างจากจุดรวมคะแนนทั้ง 11 หมู่บ้านคือ อบต.นาคู่ เพียง 1,500 เมตรหรือ 1 กิโลเมตรครึ่ง หลังเวลา 17.00 น.ปิดหีบเลือกตั้งแล้ว การนำส่งหีบเลือกตั้งมาที่ อบต.นาคู่เป็นเวลา 20.31 น. เป็นหมู่บ้านเดียวที่ส่งหีบเลือกตั้งล่าช้าที่สุด นอกจากนี้หีบบัตรใบเลือกนายก อบต.ฯ ไม่มีการปิดด้วยเทปกาว และไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำหน่วยเลือกตั้งเดินทางควบคุมการส่งหีบลงคะแนน ที่สำคัญหน่วยเลือกตั้งที่ 1 นี้ มีการลบแก้ไขตัวเลขในตารางคะแนนเลือกตั้งอีกด้วย

นายเล่ห์กล่าวต่อว่า มีข้อพิรุธที่มีหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอและภาพถ่ายว่า ผลการนับคะแนนนายก อบต.นาคู่ ไม่มีการแสดงผลคะแนนของแต่ละหน่วยให้ประชาชนทราบ มีเพียงผลคะแนนของผู้สมัครสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลฯ (ส.อบต.) ของแต่ละหมู่บ้านเท่านั้น อีกทั้งการรวมคะแนนของหน่วยเลือกตั้งทั้งหมดก็งุบงิบทำเป็นความลับ โดยไม่ยอมเปิดเผยต่อสาธารณะ

ประเด็นที่ชวนฉงนของหน่วยเลือกตั้งทั้ง 11 หน่วย ชาวบ้านที่ร่วมสังเกตการณ์ล้วนทราบผลการนับคะแนนแต่ละหน่วยหมดแล้วว่า ผู้สมัครนายก อบต.นาคู่ หมายเลข 1 คือตนเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง แต่พอนำคะแนนมารวมที่ อบต.นาคู่ ปรากฏว่าคะแนนขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง เพราะคะแนนผู้สมัครฯหมายเลข 3 พลิกนำกลายเป็นผู้ชนะอย่างเหลือเชื่อ

“ผมได้โต้แย้งคัดค้านต่อเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง และเจ้าหน้าที่นับคะแนนรวมแล้วแต่ไม่เป็นผล เพราะเจ้าหน้าที่แสดงตัวไม่เป็นกลางไม่ยอมรับเรื่องร้องเรียน และนอกจากการรวมคะแนนของหน่วยเลือกตั้งทั้งหมดกระทำไปโดยไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ มีการแก้ไขผลคะแนนของผู้มาใช้สิทธิ ซึ่งการกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่มีข้อพิรุธสงสัยหลายประการ เชื่อว่าการเลือกตั้งดังกล่าวไม่โปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม จึงยื่นหนังสือร้องเรียนคัดค้านผลคะแนนนายก อบต.นาคู่ เพื่อให้ทางจังหวัดพิจารณาตามข้อเท็จจริง โดยมีคลิปวีดีโอและภาพถ่ายเป็นหลักฐานประกอบการคัดค้านในครั้งนี้”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กกต.ขยับรับสมัครอบต.ใต้เป็น 8-12 ธ.ค. เหตุอุทกภัยกระทบหลายจังหวัด

กกต.ปรับรอบรับสมัครเฉพาะ 5 จังหวัดน้ำท่วม ส่วนจำนวน อบต.ทั่วประเทศลดเหลือ 4,985 แห่งจากการยกฐานะเป็นเทศบาล ต้องแบ่งเขตใหม่ก่อนจัดเลือกตั้งช่วงเมษายน 2569 หลายพื้นที่เปิดรับสมัครวันแรกคึกคัก

ดร.ณัฏฐ์ ชี้ชัดนิยาม ผู้สมัคร อบต. ต้องนับตั้งแต่ ‘เสนอตัว’ ไม่ใช่วันได้สมัครต่อ กกต.

“ดร.ณัฏฐ์ วงศ์เนียม” ผ่าปมกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น หลังนักการเมือง อบต.ฮือฮาแจกของช่วยน้ำท่วมหาดใหญ่ ระบุชัด สถานะ ผู้สมัคร เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ประกาศตัวลงสนาม ไม่ใช่วันที่ยื่นใบสมัครต่อ กกต. พร้อมเตือ

กกต. ขอเชิญชวนสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภา อบต. และนายก อบต. ระหว่างวันที่ 1 - 5 ธันวาคม 2568

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ระหว่างวันที่ 1 – 5 ธันวาคม 2568 เวลา 08.30 – 16.30 น. (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอประชาสัมพันธ์ผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสามารถตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และเตรียมหลักฐานและเอกสารประกอบการ ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมทั้งค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 1.1 มีสัญชาติไทยโดยการเกิด 1.2 ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุ ไม่ต่ำกว่า 25 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง สำหรับผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 1.3 มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลที่สมัครรับเลือกตั้ง ในวันสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง 1.4 วุฒิการศึกษา • สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่ได้กำหนดวุฒิการศึกษา • ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาตำบล สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกรัฐสภา 2. ลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.1 ติดยาเสพติดให้โทษ 2.2 เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต 2.3 เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ 2.4 เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 39 (1) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช (2) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ หรือ (4) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 2.5 อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือ ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.6 ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล 2.7 เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 2.8 เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริต ต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ 2.9 เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็น ของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2.10 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน 2.11 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง 2.12 เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ 2.13 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 2.14 เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ 2.15 เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ 2.16 อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2.17 เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 2.18 ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ไม่ว่าจะได้รับโทษหรือไม่ โดยได้พ้นโทษหรือ ต้องคำพิพากษามายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี 2.19 เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น แล้วแต่กรณี มายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 2.20 อยู่ในระหว่างถูกจำกัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 หรือตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2.21 เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกันหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น 2.22 เคยพ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเหตุมี ส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น หรือมีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการ ที่กระทำกับหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น โดยมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการต่างตอบแทน หรือเอื้อประโยชน์ส่วนตนระหว่างกัน และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.23 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพราะจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ หรือมติคณะรัฐมนตรี อันเป็นเหตุให้เสียหาย แก่ราชการอย่างร้ายแรง และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.24 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะทอดทิ้งหรือละเลยไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่และอำนาจ หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยหน้าที่ และอำนาจ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือมีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแก่ราชการ และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.25 ลักษณะอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3. หลักฐานและเอกสารประกอบการยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครยื่นใบสมัครต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลพร้อมทั้งหลักฐานการสมัคร ดังนี้ 3.1 ใบสมัครรับเลือกตั้งตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/1 3.2 รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก หรือ รูปภาพที่พิมพ์ชัดเจนเหมือนรูปถ่ายของตนเอง ขนาดกว้างประมาณ 8.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 13.5 เซนติเมตร จำนวนตามที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3.3 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 3.4 สำเนาทะเบียนบ้าน 3.5 ใบรับรองแพทย์ 3.6 หลักฐานการศึกษา 3.7 หลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกัน 3 ปี (2565, 2566, 2567) นับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้ง เว้นแต่เป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทำหนังสือยืนยัน การไม่ได้เสียภาษี พร้อมทั้งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษีตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/2 4. ค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง 4.1 นายกองค์การบริหารส่วนตำบล 2,500 บาท 4.2 สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล 1,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ตามมาตรา 120 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลได้ทางเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือ Application Smart Vote หรือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดทุกจังหวัด หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริการสายด่วน 1444

เกมท้องถิ่น 'ลดอายุ-ไร้วาระ' สัญญาณร่วมทางภูมิใจไทยกับพรรคส้ม?

เมื่อกติกาท้องถิ่นถูกขยับจากอายุถึงวาระ การเมืองไทยจึงเผยให้เห็นรอยต่อที่ไม่ธรรมดา ระหว่างความหวังของคนรุ่นใหม่กับเครือข่ายบ้านใหญ่เก่าแก่ และการที่ “ภูมิใจไทย” ขยับเคียงกับ

'บัวแก้ว' แจงไทม์ไลน์ฟ้องเอาผิดเขมร ปมวางทุ่นระเบิดสังหาร

กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงถึงการดำเนินการของไทยต่อกรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention) หรือ อนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Convention)

สพ.รฟ. จี้ 'ภูมิธรรม' ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกา เพิกถอนที่ดินเขากระโดง คืน รฟท.

สุวิช ศุมานนท์ ประธานสมาพันธ์คนงานรถไฟ(สพ.รฟ.) ยื่นหนังสือถึงนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย