'แกงหน่อส้ม' เมนูเด็ดชาวไทดำ ขึ้นทำเนียบอาหารถิ่นหนุนเศรษฐกิจชุมชน

รู้จักอาหารเลิศรสเมืองพิจิตร“แกงหน่อส้ม”เมนูอาหารถิ่นของชาวไทดำสู่ 1 จังหวัด 1 เมนูเชิดชูอาหารถิ่นหนุนเศรษฐกิจชุมชน

1 ก.ย.2567 – ชาวไทยทรงดำ ที่บ้านหนองหลวง ในพื้นที่ตำบลไผ่รอบ อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร มีการปลูกต้นไผ่ชูกิ่งก้าน ลำต้นสูงใหญ่ที่ขึ้นเรียงรายอยู่เต็มพื้นที่ เป็นที่มาของชื่อตำบลไผ่รอบ และมีหน่อไม้ เป็นวัตถุดิบสำคัญในเมนูอาหารพื้นถิ่นของชาวไทดำ กลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนี้มาอย่างยาวนาน 

เมนูอาหารพื้นถิ่นที่สำคัญของที่นี่ คือ แกงหน่อส้ม หรือ แกงหน่อไม้ดอง ที่ได้รับการสืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งเป็นเมนูสำคัญที่ขาดไม่ได้ในประเพณีการไหว้บรรพบุรุษของชาวไทดำ เพราะชาวไทยทรงดำเรียกหน่อไม้ดองว่า หน่อส้ม ซึ่งจุดเด่นของหน่อไม้ที่นี่ก็กรรมวิธีในการเก็บ และการดองหน่อไม้ เพราะในบริเวณพื้นที่ของบ้านหนองหลวงเป็นแหล่งหน่อไม้ที่มีคุณภาพดี และชาวบ้านก็จะเข้าไปตัดเก็บกันเฉพาะตอนที่หน่อไม้กำลังอ่อนๆ พร้อมรับประทาน

เมื่อได้หน่อไม้มาแล้วก็จะเอาหน่อไม้มาเตรียมปอก และสับให้เป็นเส้น และนำไปดองเพื่อเก็บรักษาไว้รับประทานได้นานๆ เมื่อหน่อไม้ดองจนพร้อมทานแล้ว ก็จะนำหน่อไม้ดองมาประกอบอาหารกัน โดยเมนูที่ชาวบ้านมักจะทำกันเป็นวัฒนธรรมนั่นคือ แกงหน่อส้ม วิธีทำคือ เอาหน่อที่ดองไว้มาล้างให้สะอาด จากนั้นหั่นเป็นท่อนเล็กๆ แล้วเอาไปต้มจนเดือด ถ้าเป็นสมัยอดีต จะใส่เนื้อสัตว์อะไรก็ตามที่หามาได้ลงไปในแกง แต่ปัจจุบัน จะใส่เนื้อไก่หรือเนื้อหมูตามชอบลงไป นำเครื่องแกงที่ประกอบด้วยหัวหอม พริก กระเทียมและปลาร้าเล็กน้อย  จนเดือดทั้งหมดเป็นอันเสร็จพร้อมรับประทาน

นอกจากนี้แกงหน่อส้ม ยังเป็นอาหารที่ใช้ในพิธีเสนเรือนของชาวไทยทรงดำ เป็นพิธีที่แสดงออกถึงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษไทยทรงดำ ในการทำพิธีเสนเรือนจะประกอบด้วยอาหารคาวหวานหลายอย่าง แต่ที่ขาดไม่ได้ก็คือ แกงหน่อส้ม นั่นเอง

สำหรับหน่อไม้ของชาวบ้านหนองหลวง มีให้กินได้ตลอดปีหน่อไม้จะขึ้นเองตามธรรมชาติจะแตกหน่อเพื่อที่จะเป็นลำต้นไผ่ต่อไป หน่อไม้ที่พบ หน่อไม้ลวก ปัจจุบันมีการปลูกหน่อไม้ไว้รับประทานเอง แทนที่จะไปหาตามแนวป่า การทำหน่อไม้ดองเอาไว้รับประทานนอกฤดูของชาวไทยดำ นั้นถือเป็นการถนอมอาหารเก็บไว้รับประทานให้ได้นานๆ

 นางอมร สระทองอ๊อต ปราชญ์ชาวบ้านไทดำไผ่รอบ ให้สัมภาษณ์ว่า  แกงหน่อส้ม ที่เคยเป็นเพียงเมนูอาหารพื้นถิ่น สู่การได้รับคัดเลือกจากกระทรวงวัฒนธรรม ตามโครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่นสู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best Local Food รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste) ประจำปี 2567 กลายเป็นความภาคภูมิใจของพี่น้องชาวไทดำและจังหวัดพิจิตร ที่จะส่งต่อเมนูแกงหน่อส้มไปสู่สากล

ด้านณิชกมล ฮิโตะ  ประชาสัมพันธ์ศูนย์อนุรักษ์วัฒนธรรมไทดำไผ่รอบ ระบุว่า ชาวตำบลไผ่รอบ  อยากเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวให้ได้มาชิมแกงหน่อส้ม เมนูอาหารพื้นถิ่นที่ดูเหมือนจะเป็นเมนูธรรมดา แต่ความอร่อยไม่ธรรมดา  นอกจากนี้อยากชวนมาท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เรียนรู้อัตลักษณ์ของชาวไทดำไผ่รอบ ผ่านพิพิธภัณฑ์ไทดำ อยู่ภายในวัดไผ่รอบ อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร และยังมีที่พักที่ร่มรื่นสวยงาม มีของที่ระลึกของชาวไทดำด้วยจำหน่ายให้เลือกซื้อไปเป็นของฝากของที่ระลึกอีกด้วย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' ลุยน้ำท่วมพิจิตร สั่งเยียวยาเพิ่มเติม ชี้เป็นความผิดรัฐบาลระบายน้ำไม่ทัน

"อนุทิน" นำคณะ ลงพื้นที่น้ำท่วม จ.พิจิตร ย้ำ รัฐบาลไม่ละเลยดูแลประชาชน เร่งจ่ายเงินเยียวยาล็อตแรกภายในสัปดาห์หน้า มอง 9,000 ไม่คุ้มค่าความเสียหาย มอบ “ภราดร” หาวิธีการเพิ่มเติม ก่อนบอกตัวเอง เป็นนายกฯ ที่ เป็น สส.ทิ้งประชาชนไม่ได้ ลั่น ”ต่อให้ตายโหงตายอหิวา ก็ไม่มีวันลาออก“

'เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร' ออกงานแล้ว! ยันบริสุทธิ์ พร้อมให้สอบปม 'สีกากอล์ฟ'

'เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร' ยืนยันความบริสุทธิ์ ปม 'สีกากอล์ฟ' พร้อมเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ ปัดหลบหน้า อ้างไปทำงาน มจร.พิจิตร

เสริมทักษะ-เติมโอกาส! มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ สนับสนุนแผงโซลาร์เซลล์และรถเข็นวีลแชร์ จ.พิจิตร

เพราะการให้ไม่สิ้นสุด มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ร่วมกับบริษัท EA สนับสุนนแผงโซลาร์เซลล์แก่สำนักพัฒนาฝีมือแรงงานพิจิตร นำไปใช้ในการฝึกอบรมหลักสูตรการติดตั้งและบำรุงรักษาแผงโซลาร์เซลล์

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ มอบทุนการศึกษาเยาวชน เพิ่มทักษะด้านอาชีพ จ.พิจิตร

วันที่ 24 มิถุนายน 2568 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อมด้วยทีมงานจากมูลนิธิยังมีเรา ลงพื้นที่จังหวัดพิจิตร เพื่อมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนช่างที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพ จำนวน 5 ทุน ทุนละ 6,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 30,000 บาท โดยมีนายนพพร มานะ

ชาวสวนมะม่วงพิจิตร โอดราคาผลผลิตตกต่ำหนัก

ชาวสวนมะม่วงพิจิตรโอดครวญราคาผลผลิตตกวูบอย่างน่าใจหายจากเคยขายส่งออกต่างประเทศ กก.ละ 60 บาท วันนี้ราคาเหลือแค่ 30-40 บาท/กก. ส่วนราคาขายในประเทศเหลือแค่ กก.ละ 22-25 บาท ชี้สาเหตุกำลังการซื้อของต่างประเทศลดลงประกอบกับปีนี้อากาศหนาวหนัก