เบตงฝนตกต่อเนื่อง ระดับน้ำขึ้นสูง เส้นทาง 410 ยะลา-เบตง ดินสไลด์ทับเส้นทางหลายจุด ถนนบ้านวังใหม่ ทางไปสกายวอล์กทะเลหมอกทรุดพัง ยาวประมาณ 15 เมตร ลึกกว่า 20 เมตร รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้
28 พ.ย.2567 - จากสถานการณ์ฝนตกต่อเนื่องติดต่อกันทั้งกลางวันกลางคืน ในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา ทำให้ระดับน้ำในคลองต่างๆ ทั้งในเขตเมืองและรอบนอก เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ น้ำยังคงเป็นสีแดงขุ่นและไหลเชี่ยวอย่างแรง จนทำให้บางพื้นที่เกิดน้ำกัดเซาะตลิ่ง บางช่วงน้ำก็เอ่อล้นคลองท่วมพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน และยังทำให้เกิดดินอุ้มน้ำไม่ไหว จนสไลด์ลงมาทับเส้นทางหลายจุด โดยเฉพาะเส้นทาง 410 ยะลา-เบตง มีดินสไลด์เกือบ 10 จุด ทั้งในพื้นที่ ต.ตาเนาะแมเราะ ต.ยะรม ต.อัยเยอร์เวง และ ต.ธารน้ำทิพย์ บางช่วงก็มีต้นไม้ล้ม หักโค่นลงมาทับสายไฟ เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอเบตง ต้องส่งเจ้าหน้าที่ออกสำรวจและตัดต้นไม้ที่หักมาทับสายไฟออก เพื่อไม่ให้กระแสไฟฟ้าขัดข้องจนดับ ชาวบ้านจะได้รับความเดือดร้อน
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภูธรเบตง ตชด.445 เบตง. ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็จัดกำลังลาดตระเวน เฝ้าดูระดับน้ำตามคลองต่างๆ และสำรวจพื้นที่ที่เกิดเหตุดินสไลด์ ต้นไม้ล้มทับถนนหนทาง และถนนทรุดตัว ให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบและเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนในช่วงนี้ให้เพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่เป็นพิเศษ เพราะตามท้องถนน อาจมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆยืนปฏิบัติหน้าที่แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน
ด้านนายอมร ชุ่มช่วย นายอำเภอเบตง ลงพื้นที่ตรวจสอบดินสไลด์ถนนทรุดตัว ในพื้นที่ ม.3บ้านกาแป๊ะซาลัง ต.ธารน้ำทิพย์ ซึ่งเป็นถนนเชื่อมต่อไปยังหมู่บ้าน ม.5 บ้านราโมง ตำบลยะรม หลังเกิดดินสไลด์ถนนทรุดตัวของไหล่ทางเป็นเหวลึกกว่า 4 เมตร ทำให้พื้นถนนเกือบขาดออกจากกันเป็นแนวยาว 15 เมตร และใต้ถนนยังเกิดโพรงลึกที่พร้อมจะถล่มลงมาทุกเมื่อหากไม่มีการซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้เข้าสำรวจพื้นที่ทางการเกษตร หลังได้รับความเสียหายจากบ่อปลาของชาวบ้านบ้านกาแป๊ะซาลัง ถูกน้ำท่วม จนปลาที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้หลายพันตัว หลุดหายไปกับกระแสน้ำ
นอกจากนี้ นายอำเภอเบตง ยังได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนเฝ้าระวังและออกประกาศเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยใกล้กับภูเขาและเนินเขาให้เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากสภาพอากาศที่ยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่องในบางพื้นที่อาจทำให้สถานการณ์ดินสไลด์รุนแรงขึ้นได้ โดยให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เฝ้าระวังสถานการณ์ท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง ดินถล่ม น้ำล้นตลิ่ง และคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 28 พ.ย. - 4 ธ.ค. 67 โดยให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยงและบริเวณที่มีฝนตกสะสม พร้อมเตรียมบุคลากร อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้สามารถเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดสถานการณ์ภัยขึ้น รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบ ล่วงหน้า และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนปฏิบัติตามประกาศแจ้งเตือนภัยจากทางราชการอย่างเคร่งครัด สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ หากมีความเสี่ยงเกิดสถานการณ์ภัย ให้ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่ พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง และขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชาวเบตงชุดแรก กลับสู่อ้อมอกครอบครัว หลังติดน้ำท่วมหาดใหญ่ 4 วัน
ชาวอำเภอเบตงชุดแรก 67 ราย สภาพอิดโรย หอบข้าวของจำเป็นและสัตว์เลี้ยงฝ่ากระแสน้ำ เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย ท่ามกลางครอบครัวมารอรับอย่างอบอุ่น
ตร.เร่งช่วยนักท่องเที่ยวต่างชาติติดค้างในหาดใหญ่กว่าพันคน!
ตร.เร่งช่วยเหลือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ติดค้างในพื้นที่หาดใหญ่กว่า 1,000 คน
สภาสูงป้องรัฐบาลทำงานไม่ช้าแค่คาดการณ์ผิดพลาด!
'บิ๊กเกรียง' เปิดศูนย์วุฒิสภาช่วยน้ำท่วม ส่งมอบของอุปโภค-บริโภคให้ชาวใต้ ป้องรัฐบาลทำงานไม่ช้า แต่อาจคาดการณ์ผิดพลาด จึงเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน เชื่อหลังน้ำลดรัฐบาลเตรียมเยียวยาเต็มที่ ฟื้นฟูทั้งบ้านและจิตใจ
'กองทัพบก' ระดมสรรพกำลังช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้
ทบ.ระดมเฮลิคอปเตอร์ อากาศยาน หน่วยแพทย์ และหน่วยรบพิเศษ เต็มสรรพกำลัง สนับสนุนศูนย์บรรเทาสาธารณภัยภาค 4 ส่วนหน้า เร่งช่วยเหลือประชาชนจากอุทกภัยภาคใต้ให้ผ่านพ้นวิกฤต
ตร.แนะเช็กก่อนบริจาคช่วยน้ำท่วมทิพย์!
ตร.แนะ 'เช็กก่อนเชื่อ-ชัวร์ก่อนโอน!' ระวังตกเป็นเหยื่อข่าวปลอมและแก๊งหลอกเรี่ยไร ช่วยน้ำท่วมทิพย์
'หัวหน้าเท้ง' จี้รัฐบาลเอาให้ชัดใครคุมแก้น้ำท่วมหาดใหญ่
'ณัฐพงษ์' ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ ห่วงรัฐไร้หัวโต๊ะ-ศูนย์กลางข้อมูลที่ชัดเจน สร้างความสับสนหน้างาน-ช่วยเหลือได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ


