
แชร์สนั่น! ครูผู้น้อยโฟสต์คลิป ผอ.รร. ให้เด็กเชิญธงชาติขึ้นเสา ท่ามกลางสายฝนกระหน่ำอย่างหนัก ผู้ปกครอง-ภารโรงสุดทน เปิดหน้าสู้พร้อมขับไล่
19 พ.ค. 2568 – จากกรณีที่ครูสาวของโรงเรียนแห่งหนึ่งได้โพสต์คลิป ผู้อำนวยการโรงเรียนสั่งให้นักเรียนไปเชิญธงชาติขึ้นเสาในช่วงเช้าของวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก โดยในคลิปครูผู้น้อยคนดังกล่าวได้ใส่ข้อความว่า “ฝนตกหนักก็ต้องเชิญธงชาติกลัวเขตตำหนิ ห่วงธงแต่ไม่ห่วงเด็ก ความเป็นครูไม่หวัง แต่ความเห็นอกเห็นใจควรมีนะคะอายุไม่ใช่น้อยๆ ขณะที่ครูทำอะไรก็นึกถึงเด็กก่อนเป็นอันดับแรกเสมอ ร่มคันเล็กๆ 1 คัน/เด็ก 2 คน ถามจริงคิดแล้วหรอคะ ยังไงเด็กก็เปียกและก็เปียกไปทั้งตัว ในฐานะครูใจสลายมากกับเหตุการณ์เมื่อวาน ทำเต็มที่แต่ปกป้องเด็กเราไม่ได้เลย เพราะเป็นแค่ครู เราไม่มีอำนาจขนาดนั้นและครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก หนักหนามากๆ สิ่งที่ทำกับครูพอทนได้ แต่กับนักเรียนรับไม่ได้ค่ะ แจ้งทางต้นสังกัดไปเรื่องก็เงียบ เราควรปล่อยให้อนาคตของชาติอยู่กับผู้บริหารแบบนี้จริงๆหรอค่ะ”
นอกจากนี้ยังใส่ข้อความอีกว่า “ถ้าไม่หมดหนทางคงไม่ทำแบบนี้ อยากให้เด็กๆ ได้รับความช่วยเหลือ เพราะเขาคือบุคคลที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ทำยังไงได้บ้างค่ะ ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ”
หลังจากที่ครูผู้น้อยได้โฟสต์คลิปลงในสื่อโซเชียลไป หลายคนที่เห็นโฟสต์ดังกล่าวต่างแชร์กันเป็นจำนวนมากและขยายวงกว้าง และต่างก็ได้โพสต์ข้อความและมีคนเข้ามาคอมเมนต์ต่อว่าถึงพฤติกรรมของ ผอ.รร. คนดังกล่าวว่า เสมือนไร้วุฒิภาวะของความเป็นผู้บริหาร
ต่อมาวันที่ 18 พ.ค. ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวจังหวัดชุมพรได้เดินทางลงพื้นที่ พบว่าโรงเรียนที่เป็นกระแสข่าวทางโซเชียลอยู่ในขณะนี้ คือ โรงเรียนที่ตั้งอยู่ ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร เป็นโรงเรียนขนาดกลาง เปิดการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล 1 – 3 และระดับ ป.1 – ป.6 มีนักเรียนทั้งหมด 85 คน ทั้งนี้ได้พบกับนักการภารโรงกำลังปรับปรุงห้องเก็บของอยู่เพียงคนเดียว เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์โรงเรียนปิด และยังพบว่าบริเวณสนามหญ้าซึ่งมีเสาธงที่ตั้งตระหง่านหน้าอาคารเรียนยังเจิ่งนองไปด้วยน้ำฝนที่ท่วมขัง
โดยนักการภารโรง เล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 16 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยวันนั้นได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักมีฟ้าร้องลั่นเป็นระยๆะ ทำให้เด็กนักเรียนต้องยืนเข้าแถวบริเวณหน้าห้องเรียน ณ อาคารเรียนกันทุกชั้น โดยตนเองนั้นได้ยืนอยู่ข้างอาคารเรียน และมาสังเกตเห็นน้องนักเรียนจำนวน 3 คน เป็นเด็กผู้ชาย 1 คน และผู้หญิง 2 คน ซึ่งเป็นนักเรียนอยู่ชั้น ป.6 เดินลงมาจากบันไดอาคารแล้วเดินฝ่าสายฝน โดยมีร่มเพียงคันเดียวกาง 3 คนไปที่เสาธง โดยนักเรียนชายและหญิง 2 คน ทำหน้าที่เชิญธงชาติขึ้นเสาและเด็กผู้หญิงอีกคน เป็นคนยืนถือร่มให้
ซึ่งเห็นแล้วหดหู่ใจว่า ฝนตกหนักขนาดนี้ ทำไมปล่อยให้เด็กนักเรียนมาเชิญธงชาติขึ้นเสาด้วย รอให้ฝนซาก่อนก็ได้ หลังจากที่เห็นก็ต้องเดินไปพร้อมร่มอีก 2 คัน ไปคอยกางให้ และคอยเงยหน้าดูธงชาติให้ว่าถึงไหนแล้ว เพื่อจะให้พอดีกับเพลงชาติที่จบลงพร้อมธงสุดยอดเสา ตอนเองยอมรับว่าทำใจไม่ได้ เพราะไม่รู้ฟ้าฝนจะเป็นอย่างไร ฟ้าจะผ่าหรือไม่ แล้วถ้าผ่าลงมาถูกเด็กใครจะรับผิดชอบ มันไม่สมควรที่จะปล่อยเด็กให้ออกมากตากฝนเลยแม้จะกางร่มก็ตาม แต่ก็ไม่รอดน้องทั้งสามเปียกปอนไปตามๆ กัน
“ผมเป็นศิษย์โรงเรียนนี้ และที่ผ่านมาไม่เคยพบเจอผู้บริหารคนไหนจะกระทำลักษณะนี้เลย และยอมรับว่า ตั้งแต่ ผอ.คนนี้มาดำรงตำแหน่งอยู่ที่นี้ ครูหลายคนอึดอัดเป็นอย่างมาก เพราะมักจะทำอะไรก็จะให้ได้ดังใจ จะถูกผิดหรือไม่เขาทำได้รึเปล่าไม่สนใจ จนครูหลายๆคนขอย้ายไปก็มีและยิ่งมาเรื่องนี้อีก ผู้ปกครองหลายคนพูดในทำนองเดียวกัน คือจะขอย้ายโรงเรียนไปอีกโรงที่อยู่ห่างไป” นักการภารโรง ระบุ
จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับนักเรียนที่เชิญธงชาติท่ามกลางสายฝนซึ่งบ้านอยู่ห่างจาก โรงเรียนเพียง 200 เมตร ได้พบกับ ด.ช.อ้น (นามสมมุติ) และ ด.ญ.อึ่ง (นามสมมุติ) คนกางร่มให้ โดยมีมารดาของเด็กทั้งสองคนอยู่ด้วย
โดยเด็กทั้งสองคนยอมรับว่า วันนั้นกลัวมากแต่ไม่กล้าที่จะปฏิเสธ เพราะเกรงว่า ผอ.จะไปต่อว่าครูของพวกตนว่าสอนเด็กอย่างไรทำไมไม่เชื่อฟังคำสั่ง จึงจำต้องกางร่มฝ่าสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเพื่อไปเชิญธงชาติตามที่ ผอ.ได้ดึงตัวไปอย่างไม่สมัครใจ และเมื่อไปยืนเชิญธงชาติ ก็กลัวว่าฟ้าจะผ่าลงมา เพราะร่มเป็นเหล็กไม่รู้ว่าจะเป็นชนวนล่อฟ้าหรือเปล่า
ด้านผู้ปกครอง กล่าวว่า มารู้หลังจากที่ได้ร่วมประชุมกับ ผอ.โรงเรียนแล้ว โดยครูประจำชั้นได้มาบอกว่าเมื่อเช้าได้เกิดอะไรขึ้น และให้ตนเองดูคลิปที่ถ่ายไว้ โดยครูประจำชั้นทั้งเล่าให้ฟังและร้องไห้เพราะสงสารเด็ก และตนรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เห็นมันไม่สมควรจะให้เด็กออกไปแบบนั้น ที่ผ่านมาไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เลย ขนาดผู้ใหญ่ยังไม่กล้าออกไปเดินหรือยืนอยู่กลางสายฝนเลย ถ้าเกิดฟ้าผ่าลงมาใครจะรับผิดชอบ
ทั้งนี้เคยเจอพฤติกรรมที่ไม่ดีของผู้อำนวยการคนนี้มาแล้ว ตอนนั้นลูกชายเป็นแผลที่เท้าเวลาไปโรงเรียนจึงไม่ให้ใส่รองเท้านักเรียนไปเรียนเหมือนปกติ แต่ผู้อำนวยการคนนี้ ไม่ฟังเหตุผล กลับลงโทษด้วยการตีลูกชายตนเอง และอีกหลายๆ เรื่องวีรกรรมของผู้อำนวยการคนนี้ ซึ่งผู้ปกครองทุกคนได้พูดคุยกันแล้วหากไม่ย้ายผู้อำนวยการคนนี้ไป ก็จะย้ายโรงเรียนกัน ไปอยู่โรงเรียนซึ่งอยู่ห่างไปเพียงเล็กน้อย ซึ่ง ผอ.คนโรงเรียนแห่งนั้นใจดีและอาใจใส่เด็ก แต่ที่ต้องทนตรงนี้ก็เพราะไม่อยากให้โรงเรียนยุบเพราะนักเรียนไม่มี
ด้านผู้ปกครองอีกคน กล่าวว่า ไม่อยากให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นมาอีก เพราะหากเกิดความสูญเสียแล้วใครจะรับผิดชอบ ทางโรงเรียนอย่างมากก็ออกมาแสดงความเสียใจก็เท่านั้น ดังนั้นผู้อำนวยการน่าจะปรับตัวให้เข้ากับชุมชนให้ได้ และวันที่ 19 พ.ค. ทุกคนก็จะไปรวมตัวกันที่โรงเรียนเพื่อขอให้ย้าย ผอ.ไปจากพื้นที่ และขอเปลี่ยน ผอ.ใหม่ที่เข้ากับชุมชมได้ ให้ครบองค์ประกอบคำว่า “บวร” บ้าน วัด โรงเรียน จะต้องอยู่คู่ชุมชน หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ความสมบูรณ์ของชุมชนก็จะไม่มี.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วันแรกคึกคัก 'ลูกหมี' นำทัพภูมิใจไทย ล้นห้องประชุมชุมพร
วันแรกรับสมัคร สส.ชุมพร เขต 1-3 “ลูกหมี” บ้านใหญ่ชุมพร นำทีมภูมิใจไทยลงครบทั้ง 3 เขต ท่ามกลางกองเชียร์แห่ให้กำลังใจแน่นห้องโถง ขณะ
อุตุฯ เตือนอากาศเย็น อุณหภูมิลด 1-3 องศา ใต้ฝนเพิ่มตกหนักถึงหนักมาก
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า ภาคใต้ตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
อุตุฯ เตือนอากาศเย็น ยอดดอยหนาวจัด ใต้ฝนฟ้าคะนอง 10%
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า ภาคเหนือยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้
ฝนเริ่มซา เทศบาลหาดใหญ่ขึ้นธงเขียว สถานการณ์น้ำเข้าสู่ภาวะปกติ
ภายหลังเมื่อวานนี้ (18 ธ.ค. 68) มีฝนตกลงมาต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ส่งผลให้เทศบาลนครหาดใหญ่ต้องประกาศระดับการแจ้งเตือน “ยกธงเหลือง” ในหลายจุดเสี่ยงน้ำท่วม อาทิ ถนนสามสิบเมตร ถนนศุภสารรังสรรค์ ถนนธรรมนูญวิถี ถนนประชาธิปัตย์
อุตุฯ เตือนอากาศเย็น อุณหภูมิลด 1-2 องศา ใต้ฝนตกหนัก
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงอีก 2 องศาเซลเซียส เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็น

