ชาวบ้านหอบหลักฐานแจ้งเอาผิดผู้ใหญ่บ้านปลอมลายเซ็นลูกบ้านกระทำการทุจริต ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านยืนยันทำทุกอย่างถูกต้องชี้แจงได้ทุกข้อกล่าวหา
21 พฤษภาคม 2568 - ที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอพล จ.ขอนแก่น นายกฤษฏ์ อะนันต์ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80 บ้านห้วยว่านหอม ม.11 ต.หนองแวงนางเบ้า อ.พล จ.ขอนแก่น พร้อมด้วยชาวบ้านเดียวกันเป็นตัวแทนชาวบ้านนำหลักฐานการปลอมลายเซ็น คลิปวีดีโอและสมุดบันทึกบัญชีรายรับรายจ่ายโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน หรือ SML ตู้น้ำมันหยอดเหรียญประชารัฐ พร้อมรายชื่อชาวบ้านจำนวนดังกล่าวที่เข้าร่วมในการยื่นหนังสือร้องเรียนกับ นาย เสกสม ลินดาพรประเสริฐ นายอำเภอพล ให้ตรวจสอบและเอาผิดทางวินัยกับ นาย จรูญ โคตรศักดิ์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.11 ต.หนองแวงนางเบ้า , นางสุภาพร โคตรศักดิ์ แพทย์ประจำตำบล และ นายบุ่น ทองบุ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ให้พ้นจากตำแหน่ง
พร้อมทั้งขอให้ตรวจสอบงบประมาณทุกอย่างที่ผู้ถูกร้องทั้ง 3 ได้ยื่นขอและได้รับการอนุมัติโอนเงินแล้วทั้งหมด , ขอให้ตรวจสอบสารเสพติดผู้ถูกร้องที่ 1 และที่ 3 , ขอให้ตรวจสอบการได้รับเงินค่าเก็บเกี่ยวของผู้ถูกร้องทั้ง 3 มีการส่งเอกสารหรือข้อมูลเท็จหรือเปล่า และตรวจสอบคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะในข้อนี้ที่มีหลักฐานในการปลอมแปลงลายเซ็น
นายกฤษฏ์ อะนันต์ อายุ 41 ปี ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่าชาวบ้านได้มีการรวบรวมรายชื่อชาวบ้าน 34 คนพร้อมหลักฐานทั้งคลิปวีดีโอและสมุดบันทึกบัญชีรายรับรายจ่าย เข้าร้องเรียนกับนายอำเภอพลเพื่อต้องการให้ผู้ใหญ่บ้านพร้อมพวกรวม 3 คนดังกล่าวพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากมีพฤติกรรมส่อทุจริต ลุแก่อำนาจ หากมีแหล่งเงินที่เกี่ยวกับงบประมาณของหมู่บ้านก็จะเข้าไปดำเนินการเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเองมากว่าส่วนรวม โดยบีบกรรมการที่ดูแลออกแล้วเอาคนของตัวเองเข้าไปดูแลแทน ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านไม่มีหลักฐานที่จะนำไปร้องเรียน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1 พ.ค.2568 ที่ผ่านมา ในการประชุมประจำเดือนของหมู่บ้าน ตนเองและชาวบ้านได้มีการขอดูสมุดบันทึกรายรับรายจ่ายเกี่ยวกับโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน หรือ SML ตู้น้ำมันหยอดเหรียญประชารัฐ และพบว่าคณะกรรมการที่ดูแลโครงการถูกปลอมลายเซ็นเพื่อเซ็นชื่อรับทราบว่า
"ผมพ้นจากการเป็นกรรมการโครงการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2563 ประกอบด้วยนางดอกรัก ดงน้อย ภรรยาตนเอง,นางสังเวียน ทุมเที่ยง และนางจันทร์เพ็ญ น้อยชัย โดยนางสังเวียนและนางจันทร์เพ็ญ มีคลิปวีดีโอหลักฐานยืนยันว่าถูกปลอมแปลงลายเซ็นต์ในสมุดบันทึกดังกล่าวที่ระบุว่าให้พ้นจากการเป็นกรรมการ ซึ่งไม่ได้ลาออกและไม่ได้ยินยอมเพื่อลาออก และยังพบว่ามี การเซ็นชื่อของภรรยาตนเองคือ นางดอกรัก ด้วย ทั้งที่อยู่กับตนเองที่ต่างจังหวัด และให้นายบุ่น ทองบุ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.11 ต.หนองแวงนางเบ้า มาดำเนินการแทนโดยไม่ผ่านการเห็นชอบของชาวบ้าน โดยมีการอ้างจากทางผู้ใหญ่บ้านว่า ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านไม่ได้รับค่าตอบแทนมาทำหน้าที่ แต่กลายเป็นว่าเงินทุกบาทของโครงการอยู่ในบัญชีของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านดังกล่าว และไม่รู้ว่ามีเงินเข้าออกและคงเหลือเท่าไหร่"
นายกฤษณ์ กล่าวต่ออีกว่านอกจากนี้ยังมีเรื่องพฤติกรรมที่ขัดต่อคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งคือเรื่องกาติดตั้งกล้องวงจรปิดที่วัดในหมู่บ้าน เนื่องจากทางชาวบ้านเห็นว่ามีคนไปขอเงินกับทางเจ้าอาวาสวัดแบบมีพฤติกรรมน่าเป็นห่วง เพื่อความปลอดภัยชาวบ้านจึงมีมติร่วมกันถวายเงินซื้อกล้องวงจรปิดมาติดตั้งที่วัดในราคา 5,000 บาท แต่ทางผู้ใหญ่บ้านขอดำเนินการเองโดยที่ใช้งบประมาณไม่ถึงที่เบิกไป โดยพบกล้องที่นำมาติดตั้งในวัด 2 ตัว เป็นกล้องคุณภาพต่ำราคาตัวละ 230 บาท ค่าช่าง 1,200 บาท และค่าเลาเตอร์กับซิมเน็ต 3,068 บาท รวมเป็นเงินไม่ถึง 5,000 แต่เรื่องที่ติดใจนั้นไม่ใช่เรื่องเงิน โดยเป็นเรื่องที่มาติดตั้งกล้องแล้วแต่เจ้าอาวาสไม่สามารถใช้งานกล้องเพื่อดูผ่านโทรศัพท์ได้ กลายเป็นภรรยาผู้ใหญ่บ้านที่สามารถดูกล้องได้เพียงคนเดียว โดยช่างที่ติดตั้งให้ยืนยัน ทำให้เจ้าอาวาสต้องให้ช่างมาถอดกล้องออกเพราะมองว่าที่ติดกล้องไปนั้นไม่เกิดประโยชน์หากเจ้าอาวาสไม่สามารถดูได้ ในวันนี้รวมตัวกันเป็นตัวแทนชาวบ้านเข้าร้องเรียนให้ทางนายอำเภอดำเนิดการเอาผิดผู้ใหญ่บ้านกับพวกรวม 3 คน ให้พ้นจากตำแหน่ง"
ขณะที่ นางดอกรัก พันชิตธ์ อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 5 ม.11 ต.หนองแวงนางเบ้า อ.พล จ.ขอนแก่น อดีตคณะกรรมการโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน หรือ SML ตู้น้ำมันหยอดเหรียญประชารัฐ กล่าวว่า มาทราบจากทางผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหลังไปขอดูหนังสือบันทึกดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบพร้อมกับสามีพบว่าตัวเองโดนปลอมลายเซ็น จึงถามกรรมการอีก 3 คน ก็ยืนยันเหมือนกันว่าไม่ได้มีการเซ็นชื่อเช่นกัน รวมทั้งยอดเงินที่ระบุในหนังสือบันทึกว่าคงเหลือกว่า 18,000 บาท ก็ไม่ตรงตามความเป็นจริง และในวันที่ประชุมกันล่าสุดเรื่องดังกล่าวทวงถามไปก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ แต่ได้ยินช่วงที่มีการประชุมว่ามาเซ็นชื่อให้ถูกต้องเดี๋ยวจะหาว่าปลอมลายเซ็น ทำให้คิดไปได้ว่าจะร้อนตัวหรือไม่ และคนที่เซ็นนั้นเชื่อว่าจะเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเพราะสมุดเล่นนี้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเป็นคนดูแลเก็บรักษาติดตัว
" ยืนยันว่าตนเองไม่ได้เต็มใจที่จะออก และการบริหารสามารถเดินหน้าต่อไปได้ไม่สะดุด และการดำรงตำแหน่งคณะกรรมการก็มาจากการโหวตเลือกของชาวบ้าน ในเรื่องเงินของโครงการนั้นได้สอบถามฝนวาระการประชุมมาตลอด ได้รับคำตอบว่าไม่มี จนสุดท้ายบอกมี 1,000 บาท จึงได้มีการขอสมุดบันทึกที่เป็นหลักฐานมา ซึ่งพบว่าในสมุดบันทึกระบุว่ามีเงินเหลือกว่า 18,000 บาท การดำเนินการต่างๆชาวบ้านไม่เคยได้รู้ หากไม่มีการสอบถามก็จะเงียบไป ส่วนพฤติกรรมอื่นๆของผู้ใหญ่บ้าน หากมีแหล่งที่จะได้เงินก็จะเข้าหาทันทีโดยที่ชาวบ้านจะไม่มีใครรู้ และนำไปใช้ส่วนตัว กระทั่งชาวบ้านมารู้ว่าเบิกเงินกองกลางของหมู่บ้านไปใช้ 5,000 บาท จะขอชดใช้ผ่อนเดือนละ 1,000 บาท ซึ่งชาวบ้านมองว่าไม่สมควร จึงอยากให้ทางอำเภอดำเนินการทางวินัย เอาผู้ใหญ่บ้านออกจากตำแหน่ง เพราะการปลอมแปลงเป็นเรื่องที่ไม่ควรไม่ถูกต้อง"
นาย จรูญ โคตรศักดิ์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.11 ต.หนองแวงนางเบ้า นางสุภาพร โคตรศักดิ์ แพทย์ประจำตำบลประธาน อสม. ซึ่งเป็นภรรยาผู้ใหญ่บ้าน และ นายบุ่น ทองบุ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.11 โดยทั้ง 3 คนยืนยันว่าตัวเองบริสุทธิ์และดำเนินการถูกต้องตามระเบียบทั้งหมด พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบของทางอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายจรูญ กล่าวว่าในเรื่องปลอมลายเซ็นนั้น ส่วนตัวไม่ทราบ ซึ่งจะมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเป็นคนดูแลทั้งหมด ข้อเท็จริงนั้นหลังจากที่ผู้ใหญ่บ้านคนเก่าเสียชีวิต ก็ได้มอบหมายให้ทางผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเป็นคนดูแลทั้งหมด ทางผู้ใหญ่บ้านเองก็จะไม่ทราบในรายละเอียดกำไรหรือรายจ่าย พอผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบริหารดูแลต่อก็เจอสถานการณ์น้ำมันแพง จึงมีมติให้หยุดโครงการดังเนื่องเนื่องจากทำต่อไปก็จะมีแต่ขาดทุน และที่มีการดำเนินการมาก็จะมีการลงบันทึกไว้ทั้งหมดโดยตนเองและผู้ใหญ่บ้านก็ได้ดูเป็นพยานด้วยเช่นกัน และเงินที่เหลือนั้นก็อยู่กับทางคณะกรรมการที่มาร้องเรียนตนเองส่วนเรื่องของเรื่องที่เกิดเป็นปัญหาข้อพิพาทกันนั้น เชื่อว่าเป็นเรื่องส่วนตัว หาทางกลั่นแกล้งพวกตนเองมาโดยตลอด กระทั่งหนักสุดครั้งนี้ที่เข้าร้องเรียนกับทางอำเภอ และในส่วนของกล้องวงจรปิดนั้นตนเองก็มีการติดตั้งถูกต้องตามปกติ และใช้เงินตัวเองออกเพิ่มในส่วนต่างที่เหลืออีก 800 บาท และที่บอกว่าตนเองสามารถดูกล้องได้คนเดียวนั้น ได้มีการชี้แจงอธิบายเหตุผลไปแล้วว่าให้ทางหลวงพ่อแจ้งช่างไป เพื่อเข้าไปติดตั้งระบบการดูผ่านโทรศัพท์จะได้ดูได้ทั้งของตนเองและของหลวงพ่อ แต่ไม่มีการติดต่อไปและก็ไม่ทราบว่าติดขัดอะไร ซึ่งคิดว่าจบไปแล้วกระทั่งมาเกิดเรื่องร้องเรียนดังกล่าวขึ้นครั้งนี้
"ส่วนรถอีแต๋น รถสีข้าว และโรงสีนั้น เป็นโครงการตั้งแต่ผู้ใหญ่บ้านคนเก่า เงินของหมู่บ้านหรือเงินตนเองก็ไม่มี จึงไม่สามารถที่จะซ่อมแซมได้เพราะเป็นมูลค่าที่สูงหากจะมาบริหารจัดการ และเงินที่ได้จากโครงการทั้งสองนี้ก็ไม่ได้ไปสืบสาวราวเรื่องว่าเหลือเท่าไหร่และเงินอยู่กับใครก็ไม่คิดว่าจะนำมาเป็นประเด็นเกิดขึ้น เพราะเวลาพูดขึ้นมาเรื่องนี้ก็จะมีการทะเลาะกันตลอดแต่ตนเองสามารถชี้แจงได้ทั้งหมดหากมีการตรวจสอบเกิดขึ้น และเรื่องทั้งหมดนั้นมีการอธิบายและทำเพื่อหมู่บ้านมาตลอด แต่อีกฝ่ายไม่รับฟังและไม่สนใจ พยายามหาเรื่องมาโจมตีให้ออกจากตำแหน่ง พอให้ร่วมบริหารก็หาแต่เรื่องไม่สามารถบริหารร่วมกันได้ ในเรื่องขอความเป็นธรรมนั้น ส่วนตัวเชื่อว่าตนเองทำดีมาตลอด ชาวบ้านไม่เห็นก็ขอให้เทวดาเห็น ก็ว่ากันไปตามกระบวนการ"
ด้านนายบุ่น ทองบุ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.11 ที่ถูกกล่าวหาว่าปลอมลายเซ็นให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องการปลอมลายเซ็นนั้นมีที่มาที่ไป ยอมรับว่าเซ็นเองจริงๆ แต่เนื่องจากบอกจ้าตัวมาเซ็นแต่ไม่ยอมเซ็น ยืนยันเสียงแข็งว่าไม่เซ็น และให้ตนเองเซ็นแทนไปเลยหรือใครเซ็นแทนก็ได้ ตนเองก็ถือใจซื่อว่าเป็นคนบ้านเดียวกันก็เซ็นลงไป ไม่คิดว่าจะนำมาเป็นเรื่องร้องเรียนตนเองในครั้งนี้ และในการเซ็นนั้นเป็นการเซ็นเพื่อปิดงบโครงการเพราะไปต่อไม่ไหว ทำต่อก็มีแต่ขาดทุนเนื่องจากราคาน้ำมันที่แพง รวมทั้งมีการขโมยน้ำมันไปใช้แต่จับมือใครดมไม่ได้ แต่ตนเองเซ็นให้มีเพียงนางดอกรักเท่านั้น นอกนั้นคณะกรรมการคนอื่นเป็นคนเซ็นเองทั้งหมด และมีการทำความเข้าใจชี้แจงตลอดแต่กลุ่มดังกล่าวไม่รับฟัง และเงินที่เหลือก็อยู่กับคณะกรรมการชุดดังกล่าวทั้งหมด ไม่ได้มีการมาจ่ายคืนกองกลางเก็บไว้ รวมทั้งบัญชีก็ถือเอง และเงินกองกลางที่เหลือกับตนเองนั้นมีเพียง 3 พันกว่าบาทนัดจะจ่ายกันแต่ก็มามีเรื่องร้องเรียนเกิดขึ้นก่อน ทั้งที่สามารถคุยกันได้ ถ้าให้ออกจริงๆก็ยอมออก แต่ทุกอย่างสามารถชี้แจงได้ทั้งหมด
ด้านนาย เสกสม ลินดาพรประเสริฐ นายอำเภอพล ได้ทราบเรื่องแล้วและได้สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาเพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย โดยการพิจารณาก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่ปรากฏ หากพบมีมูลความผิดก็จะมีการตั้งกรรมการเอาผิดทางวินัยผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และหากเข้าข้อกฎหมายอาญาหรือแพ่งก็จะได้ประสานร่วมกับทางตำรวจในการดำเนินคดีตามขั้นตอนควบคู่กันไป ยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ถูกผิดว่ากันไปตามหลักฐาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตั้งรางวัลนำจับ 2 พันบาท แจ้งเบาะแส 3 โจรแสบขโมยลำโพงบลูทูธแบรนด์ดัง
ตั้งรางวัลนำจับ 2,000 บาท 3 โจรแสบทำทีจำนำโทรศัพท์ก่อนฉกลำโพงแบรนด์ดังหลบหนีลอยนวล
ญาติสงสัย เห็นศพหลานสาวตกตึกเสียชีวิตที่ปอยเปต อาจเป็นฆาตกรรม
จากกรณีพบศพหญิงวัย 27 ปี เสียชีวิตอยู่ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.กนกวรรณ หรือน้องใบหม่อน อายุ 27 ปี ชาวขอนแก่น ล่าสุดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าช่วยเหลือรับศพกลับมาที่ประเทศไทยตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
เกมท้องถิ่น 'ลดอายุ-ไร้วาระ' สัญญาณร่วมทางภูมิใจไทยกับพรรคส้ม?
เมื่อกติกาท้องถิ่นถูกขยับจากอายุถึงวาระ การเมืองไทยจึงเผยให้เห็นรอยต่อที่ไม่ธรรมดา ระหว่างความหวังของคนรุ่นใหม่กับเครือข่ายบ้านใหญ่เก่าแก่ และการที่ “ภูมิใจไทย” ขยับเคียงกับ
ทลายปาร์ตี้มั่วยาตัวใหม่ 'แฮปปี้วอเตอร์' ในร้านดังกลางเมืองขอนแก่น
นายชินกร แก่นคง นายอำเภอเมืองขอนแก่น ในฐานะ ผอ.ศป.ปส.อ. เมืองขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอำเภอเมืองขอนแก่น ร่วม ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดขอนแก่น, กองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ตำรวจสถา
ตลาดสดกลางเมืองขอนแก่น ประดับธงชาติไทยผืนยาวที่สุดในจังหวัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ตลาดสดบางลำภู จ.ขอนแก่น ได้นำ ธงชาติไทยขนาดความกว้าง 3 เมตร และยาว 50 เมตร ถูกนำมาประดับไว้ที่บริเวณซุ้มประตุทางเข้าตลาด ฝั่งถนนกลางเมือง เขตเทศบาลนคร
ฮือฮา! นักวิจัย มข. ค้นพบบึ้งแคระชนิดใหม่ของโลก ไทย-ลาวร่วมตั้งชื่อ 'บึ้งคำแพง'
ผศ.ดร.นรินทร์ ชมภูพวง อาจารย์คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข.เปิดเผยว่าทีมวิจัย สาขากีฏวิทยา และโรคพืชวิทยา คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ลงพื้นที่สำรวจและศึกษาวิจัย นำมาสู่การค้นพบบึ้งแคระใหม่ของโลกที่มีชื่อว่า บึ้งคำแพง จากพื้นที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว


