
29 ส.ค. 2568 – ผู้สื่อข่าวจังหวัดบุรีรัมย์รายงานว่า ที่ อ.บ้านกรวด มีพ่อแม่ลูกครอบครัวหนึ่ง ยังคงใช้ชีวิตอยู่ ด้วยความหวาดระแวง ไม่เว้นแม้แต่ลูกชายคนเล็กวัยเพียง 2-3 ขวบ หากได้ยินเสียงดัง ทั้งเสียงของเครื่องบิน และเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า
โดยนายสุพิณ งามแก้ว อายุ 43 ปี กับ น.ส.เจนจิรา โคประโคน อายุ 35 ปี สองสามีภรรยาชาว ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ที่ได้อยู่อาศัยกัน 4 คน พ่อแม่และลูกๆ อีก 2 คน ซึ่งมีบ้านพักอาศัยอยู่ใกล้กับบริเวณจุดที่ระเบิด BM21ของกัมพูชา ตกลงมาแล้วสะเก็ดระเบิดโดนวัวของเพื่อนบ้านเสียชีวิตจำนวน 2 ตัว บอกว่าตั้งแต่เกิดเหตุการณ์จนถึงทุกวันนี้ ครอบครัวของตนเองยังคงใช้ชีวิตประจำวันอยู่ด้วยความหวาดวิตก และหวาดระแวง
โดยเฉพาะบุตรชายคนเล็กที่มีอายุเพียง 2-3 ขวบ จะไม่ค่อยสดชื่นแจ่มใสเหมือนเมื่อก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ และจะมีความตื่นกลัวกับการได้ยินเสียงดัง ไม่ว่าจะเป็นเสียงของเครื่องบินที่บินผ่าน เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า เขาก็จะพูดว่าเสียงอะไรๆ หรือในวันบางวันเขาก็จะนั่งเหม่อลอยแล้วพูดขึ้นมาว่าระเบิดๆ โดยลูกสาวคนโตก็ยังถามว่าเสียงดังที่ได้ยินเป็นเสียงอะไรเฉยๆแต่ก็ไม่ได้วิตกกังวลอะไร แต่ลูกชายคนเล็กถ้าได้ยินเสียงเครื่องบิน เสียงฟ้าร้อง เขาก็จะรีบวิ่งมากอดตนเองทันที
ซึ่งความหวาดระแวงนี้ไม่เว้นแม้แต่พวกตนเอง ที่ยังระแวงกับเสียงฝนตกฟ้าร้อง โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่มีพายุฝนลมกระโชกแรง ยิ่งทำให้เกิดความหวั่นวิตก และหวาดระแวงเข้าไปอีก ไม่รู้ว่าจะมีเหตุการณ์ปะทะกันเกิดขึ้นอีกหรือไม่ เพราะเสียงที่ได้ยินนั้นไม่รู้ว่าเป็นเสียงระเบิดหรือเสียงฟ้าร้องกันแน่ ด้วยความสับสนยิ่งทำให้แยกเสียงไม่ออกว่าที่ได้ยินนั้นเสียงอะไรกันแน่ เนื่องจากช่วงที่มีการสู้รบกันก็มีลูกปืนใหญ่ ตกลงมาห่างจากบ้านของพวกตนประมาณ 100 เมตรเท่านั้น
ส่วนที่ยังทำให้ครอบครัวของตนยังมีความหวาดระแวงอยู่นั้น นอกจากไม่มั่นใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกวัน อีกทั้งก็ไม่รู้ว่าฝ่ายกัมพูชาจะมีการหยุดยิงตามข้อตกลงกันจริงหรือไม่ และจะมีการยิงปะทะกันเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ทำให้ทุกวันนี้กินไม่ค่อยได้นอนไม่ค่อยหลับ และต้องคอยตื่นนอนกลางดึกตลอดเวลา เพราะช่วงที่มีการหยุดยิงกันใหม่ในพื้นที่พบมีโดรนบินหลายลำ ยิ่งกลางดึกได้ยินเสียงดังอะไรก็จะสะดุ้งตื่นตลอดเวลา เพราะเป็นห่วงลูก 2 คน ที่ยังเล็กกับภรรยา รวมถึงความปลอดภัยของคนในชุมชนและหมู่บ้านด้วย
พร้อมกันนี้ยังได้เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่าย ได้เร่งเจรจาหาข้อยุติกันโดยเร็ว เพื่อให้ทั้งสองประเทศเกิดความสงบสุข ยิ่งมีพายุฝนตกฟ้าร้องบ่อยในช่วงนี้ยิงทำให้หวาดระแวงเข้าไปอีก และถ้าการเจรจาไม่เป็นผล หรือฝ่ายกัมพูชายังคงเปิดเกมยั่วยุอยู่แบบนี้อยู่ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ขอให้ดำเนินการ เพื่อให้มันจบสิ้นไปในที่รุ่นของเราไปเลยดีกว่าที่จะมายืดเยื้ออยู่เหมือนทุกวันนี้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ
นายกฯ ลั่นหากเกิดเหตุชายแดนหลังยุบสภา รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจสนับสนุนเต็มที่
นายกฯ ย้ำไม่มีปัจจัยบอกเหตุ ก็ต้องมีแผนป้องกัน โดยเฉพาะตามแนวชายแดน มั่นใจผู้ว่าฯ ดูแลได้ หากอยู่ในช่วงยุบสภา ปฎิเสธข่าวการเจรจาที่ออตตาวาไม่เป็นผล
นายกฯ สวมชุด อส. นำคณะบินตรวจราชการ จ.บุรีรัมย์ มอบนโยบาย ชรบ.
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี , พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม
ชาวบ้านรวมกลุ่มปลูกพืชผักสวนครัว-เมล่อนญี่ปุ่น โกยรายได้งาม
ชาวบ้าน เกษตรกร ชาวอำเภอพลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ รวมกลุ่มปลูกผักและปลูกเมล่อนญี่ปุ่น ปลอดสารพิษ 100% มีตลาดรับซื้อชัดเจน จากอาชีพเสริมกลายเป็นอาชีพหลัก สร้างรายได้หาเลี้ยงครอบครัว ได้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น
ทรงพลัง! สื่อกัมพูชาทำโพลล์ ‘คนเขมร’ สนับสนุนคว่ำบาตรสินค้าไทยอย่างล้มหลาม
เปืดผลสำรวจของ Khmer Times สื่อภาษาอังกฤษ ภายใต้การกับของรัฐบาลกัมพูชา แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนอย่างล้นหลามต่อการคว่ำบาตรสินค้าไทย หลังจากเหตุการณ์รุ
บุรีรัมย์รวมใจ ส่งรถบรรทุกสิ่งของ ช่วยพี่น้องใต้ฝ่าน้ำท่วมใหญ่
เทศบาลนครบุรีรัมย์จับมือมูลนิธิสว่างจรรยาธรรม ระดมของจำเป็นใส่สิบล้อ 2 คัน พร้อมเงินบริจาคกว่าแสนบาท มุ่งหน้าช่วยชาวใต้ที่กำลังเผชิญอุทกภัยรุนแรง


