จบศึกสัประยุทธ์-เลือกตั้งซ่อม เดิมพันศักดิ์ศรี 'ปชป.VSพปชร.' แมตช์ชี้ชะตา 'จุรินทร์-ธรรมนัส'

คาดหมายกันว่าไม่เกินช่วง 21.00 น.ของคืนวันอาทิตย์ที่ 16 ม.ค.นี้ จะทราบผลการนับคะแนนเสียงเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการของการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ชุมพร เขต 1 และ ส.ส.สงขลา เขต 6 ที่ลงคะแนนเสียงกันวันอาทิตย์ที่ 16 ม.ค.

หลังช่วงโค้งสุดท้าย สัปดาห์สุดท้าย พบว่าบรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่ทั้งที่ชุมพรและสงขลา ทำเอาแวดวงการเมืองกล่าวขาน ซี้ดปากกันไม่น้อย กับการหาเสียงเข้มข้นดุเดือดอย่างมากทั้งที่เป็นการเลือกตั้งซ่อม ซึ่งหากนับอายุของสภาชุดนี้ที่จะครบวาระสี่ปีในเดือนมีนาคมปีหน้า ก็เท่ากับเหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึง 14 เดือนด้วยซ้ำ หากกรณีสภาอยู่ครบเทอม แต่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง-พรรคการเมืองต้นสังกัดก็สู้กันเต็มที่

ผลการเลือกตั้งซ่อมชุมพร-สงขลา ที่จะรู้ผลอย่างไม่เป็นทางการคืนนี้ไม่เกินสามทุ่ม ถือได้ว่าเป็นแมตช์ชี้ชะตาการเมือง เป็นเดิมพันสำคัญทางการเมืองของจุรินทร์-ประชาธิปัตย์ และธรรมนัส-พลังประชารัฐ อย่างแท้จริง บนเดิมพันที่แพ้ไม่ได้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย.

และที่สำคัญคู่ต่อสู้หลักที่อยู่ในสมรภูมิการสัประยุทธ์การเมือง-การหาเสียง กลายเป็นการสู้กันระหว่าง พรรคร่วมรัฐบาล กันเองเสียด้วยคือ พลังประชารัฐ พรรคแกนนำรัฐบาลในฐานะผู้ท้าชิงพื้นที่ กับ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคร่วมรัฐบาล ที่ลงป้องกันพื้นที่เดิมของตัวเอง ทั้งที่ชุมพรและสงขลา แต่การหาเสียงในพื้นที่โดยเฉพาะช่วงสัปดาห์สุดท้าย พบว่าท่าทีและเนื้อหาคำปราศรัยของแกนนำและ ส.ส.ของทั้งพลังประชารัฐและประชาธิปัตย์ เรียกได้ว่า

เปิดหน้า-แลกหมัดกันดุเดือด

จนแวดวงการเมืองหรือแม้แต่คนจากทั้งสองพรรค โดยเฉพาะกับประชาธิปัตย์ ก็ยังออกมาบอกเองว่า ไม่คิดว่าการหาเสียงจะเข้มข้นขนาดนี้ เพราะดุเดือดยิ่งกว่าพรรครัฐบาลสู้กับฝ่ายค้านเสียอีก

อย่าง นิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย-รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ปราศรัยบนเวทีใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์นัดสุดท้ายที่สงขลา เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 14 ม.ค. ตอนหนึ่งว่า

"ไม่เคยเห็นการเลือกตั้งซ่อมครั้งไหนจะต่อสู้กันดุเดือดถึงขนาดนี้ ครั้งนี้เป็นการสู้กันเพื่อศักดิ์ศรีของคนสงขลา ซึ่งหากใช้ตรรกะเหมือนไอ้บ้านั้น ที่บอกให้เลือกคนรวย ถ้าตรรกะแบบนั้นที่ให้เลือกคนรวย นายชวน หลีกภัย ลูกแม่ค้า ไม่มีทางได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะนายชวนเสียอย่างเดียวไม่ได้ค้าแป้ง แต่ประชาชนก็เลือกนายชวนมาเป็นนายกรัฐมนตรีสองสมัย อยากบอกว่าอย่ามาทำให้ประชาธิปไตยต้องวิบัติ ที่มาบอกให้เลือกคนรวย

พวกเราชาวสงขลายอมไม่ได้ ให้มันรู้กัน พวกมันคนรวยกับพวกเราที่ไม่รวย ให้มันรู้กันสักที

พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคการเมืองเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนใครเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วก็เลิก ประชาธิปัตย์สู้กับหลายพรรคการเมืองมามาก ตอนนี้หลายพรรคตายหมดแล้ว ที่ประชาธิปัตย์สู้กับพรรคพลัง.... ไม่ใช่ว่าเรากลัว แต่วันไหนหมดพลเอก.... พรรคนั้นก็ตาย

สมัยประชาธิปัตย์เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล เวลาหากมีการเลือกตั้งซ่อม เราจะไม่ให้พรรครัฐบาลแข่งกันเอง แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าประชุม ครม.อังคารหน้า หากต้องมาเจอหน้ากัน จะทำหน้ากันอย่างไร แต่ยังดีที่ได้ข่าวว่าประชุม ครม.อังคารนี้ ให้ประชุมอยู่ที่บ้านผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ก็บอกเขาไปแล้วว่าเลือกตั้งซ่อมอย่าส่งคนมาลงแข่งกัน เพราะจะกระทบกับเสถียรภาพรัฐบาลโดยไม่จำเป็น แต่พวกนี้มันไม่เข้าใจมารยาททางการเมือง" นิพนธ์ รมช.มหาดไทย ระบุบนเวทีปราศรัยใหญ่ดังกล่าว ท่ามกลางเสียงปรบมือและโห่ร้องดังกึกก้อง 

ซึ่งฟังและอ่านเนื้อหาคำปราศรัยของนิพนธ์-มท.2 แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้ ข้างต้นมันคือการตอกย้ำที่ทำให้เห็นถึงสถานการณ์การแข่งขันในพื้นที่ทั้งที่ชุมพร-สงขลา ว่าดุเดือดเข้มข้นอย่างมาก ที่ชัดว่ารอบนี้เป็นการแข่งขันกันระหว่างประชาธิปัตย์แชมป์เก่ากับพลังประชารัฐเท่านั้น

ค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 16 ม.ค. จึงเป็นการลุ้นผลการนับคะแนน ที่ต้องลุ้นกันแล้วว่าสุดท้ายผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 ชุมพรของทั้งสองพรรค ที่ก็คือในส่วนของประชาธิปัตย์ ได้แก่ อิสรพงษ์ มากอำไพ หลานภรรยาของลูกหมี-ชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพร ที่ชนกับ ชวลิต อาจหาญ หรือทนายแดง อดีตนักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งรอบที่แล้วก็ลงสมัคร แต่แพ้ให้กับลูกหมี-ชุมพล รอบนี้เลยลุ้นแก้มืออีกรอบ สุดท้ายแล้วคนชุมพรจะเลือกใครระหว่างประชาธิปัตย์หรือพลังประชารัฐ

ส่วนที่ สงขลา ก็เป็นการชิงกันระหว่าง น้ำหอม-สุภาพร กำเนิดผล อดีตรองนายก อบจ.สงขลา ภรรยานายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้และ ส.ส.สงขลา ที่สู้กับ อนุกูล พฤกษานุศักดิ์ จากพลังประชารัฐ เด็กปั้น อนุมัติ อาหมัด อดีต ส.ว.สงขลา นักธุรกิจวงการค้าน้ำมันภาคใต้ ที่รับผิดชอบพื้นที่เลือกตั้งภาคใต้ตอนล่างให้พลังประชารัฐ

พบว่าช่วงโค้งสุดท้ายที่ผ่านมา การหาเสียงของคู่นี้ สุภาพรกับอนุกูล ทีมงานหาเสียงสู้กันอย่างดุเดือดสูสีมาก จนยากจะคาดการณ์ได้ว่าฝ่ายไหนจะชนะ 

ศึกเลือกตั้งซ่อมที่ชุมพร-สงขลารอบนี้ จึงเป็นเดิมพันศักดิ์ศรีทางการเมืองของประชาธิปัตย์กับพลังประชารัฐ สองพรรคร่วมรัฐบาลอย่างแท้จริง เพราะเมื่อต่างฝ่ายต่างบอกว่า

ศึกนี้แพ้ไม่ได้          

การสัประยุทธ์ทางการเมืองจึงเกิดขึ้นบน เดิมพันการเมือง ที่สูงด้วยกันทั้งสองพรรค

ผลทางการเมืองที่จะตามมาหลังรู้ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการในช่วงหัวค่ำคืนวันที่ 16 ม.ค.

อ่านทิศทางการเมืองได้ว่า ในส่วนของภาพใหญ่ เรื่องเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันของสองพรรคร่วมรัฐบาล พลังประชารัฐกับประชาธิปัตย์ คงไม่ส่งผลอะไรถึงขั้นทำให้เกิดความขุ่นข้องใจกันจนสองพรรคแยกจากกันในรัฐบาล เชื่อได้เลยว่าแกนนำทั้งสองพรรคจะบอกตรงกันว่า

มันจบไปแล้ว-เป็นเรื่องปกติของการหาเสียงที่ต้องกระทบกระทั่งกันบ้าง  

หลังจากนี้ก็มาทำงานแก้ปัญหาให้กับประชาชนต่อไป ถึงต่อให้มีเสียงกระตุกจากคนในประชาธิปัตย์บางคนเรียกร้องให้ประชาธิปัตย์ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลหลังเลือกตั้งซ่อม โดยเฉพาะหากพรรคแพ้เลือกตั้ง เพราะแกนนำประชาธิปัตย์โดยเฉพาะพวกที่เป็นรัฐมนตรี ซึ่งล้วนเป็นแกนนำพรรคทั้งสิ้น คงไม่ยอมที่จะลุกจากเก้าอี้ง่ายๆ แน่นอน

และที่ผ่านมาประวัติศาสตร์การเมืองไทยก็ยังไม่เคยเห็นพรรคร่วมรัฐบาลพรรคไหนถอนตัวจากรัฐบาลง่ายๆ เพียงเพราะแพ้เลือกตั้งซ่อมให้กับพรรคร่วมรัฐบาล

แต่แน่นอนว่า ยังไงก็คงมีร่องรอยความขัดข้องใจกันบ้างระหว่างคนของประชาธิปัตย์กับพลังประชารัฐ โดยเฉพาะฝ่ายที่แพ้ แต่เรื่องนี้ก็เข้าทำนอง ทั้งสองพรรคแม้จะกินข้าวคนละหม้อ หม้อใครหม้อมัน แต่เวลากินข้าว แกนนำสองพรรคก็กินข้าวบนโต๊ะเดียวกัน-ทำงานร่วมกัน ตอนประชุม ครม.-การเป็นรัฐบาลร่วมกัน จึงทำให้ไม่มีใครยอมล้มโต๊ะง่ายๆ เพียงเพราะแพ้เลือกตั้ง แต่หากคนไหนในพรรคข้องใจมากก็ไปรอเอาคืนในสนามเลือกตั้งรอบต่อไป

แต่ที่จะมีผลมากกว่าก็คือ แรงสั่นสะเทือนภายในพรรค ทั้งกับพลังประชารัฐและประชาธิปัตย์ เพราะรอบนี้ประชาธิปัตย์ต้องเอาชนะให้ได้ทั้งสองเขตเท่านั้น ไม่ใช่แค่ชนะเขตเดียว และหากชนะทั้งสองเขต ในความเป็นจริงมันก็แค่ เสมอตัว เพราะเป็นพื้นที่เดิม เป็นฐานหลักของพรรคอยู่แล้ว แต่หากแพ้เลือกตั้งขึ้นมาแม้แค่เขตเดียว จะเกิดเอฟเฟ็กต์การเมืองในประชาธิปัตย์ และยิ่งหากไม่ชนะทั้งสองเขตจะเกิด after shock การเมืองในประชาธิปัตย์รุนแรงแน่นอน

จริงอยู่แรงสั่นสะเทือนดังกล่าวอาจจะเกิดขึ้นบ้างกับ นายกชาย-เดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ดูแลพื้นที่ภาคใต้ ที่รับบทแม่ทัพใหญ่ของพรรคครั้งแรก หากไม่ประสบความสำเร็จก็คงมีผลต่อบารมีการยอมรับจากคนในพรรคระดับหนึ่ง โดยเฉพาะหากแพ้ที่สงขลา ที่ส่งภรรยาตัวเอง น้องน้ำหอม-สุภาพร ลงเลือกตั้งซ่อม แล้วแพ้เลือกตั้ง หากผลออกมาแบบนี้ นายกชาย-เดชอิศม์ ก็ต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ

แต่ที่จะหนักกว่ามากก็คือ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ยิ่งเมื่อไปดูก่อนหน้านี้จะพบว่า นับแต่จุรินทร์ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคยังไม่เคยนำทัพประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้งเลย ทั้งการเลือกตั้งซ่อมที่นครปฐม-นครศรีธรรมราช หากรอบนี้จุรินทร์ยังไม่สามารถทำให้ประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้งทั้งสองเขต ก็คงทำให้คนในพรรคอาจต้องตั้งคำถามถึงการนำทัพประชาธิปัตย์ของจุรินทร์หลังจากนี้ตามมาแน่นอน แต่หากประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้งซ่อมทั้งสองเขต ผลจะออกมาตรงกันข้ามเลยคือ จะเป็นการเพิ่มบารมีให้กับจุรินทร์อย่างมาก

ที่สำคัญจะทำให้ขวัญ-กำลังใจคนในประชาธิปัตย์กลับคืนมา และมั่นใจว่าเลือกตั้งรอบหน้า ประชาธิปัตย์จะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในภาคใต้ได้อีกครั้ง หลังเลือกตั้งรอบที่แล้วพลาดให้กับทั้งพลังประชารัฐ-ภูมิใจไทย-ประชาชาติ จนเสียที่นั่งไปร่วมกว่ายี่สิบเก้าอี้

ขณะที่ในส่วนของ พลังประชารัฐ ว่ากันตามจริง หากชนะสักหนึ่งเขต แพ้หนึ่งเขต ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่หากชนะทั้งสองเขตก็จะยิ่งสร้างความฮึกเหิมให้พลังประชารัฐมากขึ้น โดยหากพลังประชารัฐทำได้ คนที่ได้เครดิตไปเต็มๆ ย่อมไม่ใช่ สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน-สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง สอง ผอ.เลือกตั้งซ่อมของพลังประชารัฐที่สงขลาและชุมพร ตามลำดับ แน่นอน แต่จะเป็น ธรรมนัส เลขาธิการพรรค ที่สองสัปดาห์สุดท้ายทุ่มสุดตัว เทหมดหน้าตัก ฝังตัวอยู่ในพื้นที่ เป็นตัวปราศรัยหลักบนเวทีทั้งที่ชุมพรและสงขลา

โดยหากออกมาแบบนี้ ธรรมนัสติดปีกเลย จะยิ่งทำให้บทบาทในพลังประชารัฐของเขาแข็งแกร่งขึ้นอีกมาก จนพลเอกประวิตรจะยิ่งไว้เนื้อเชื่อใจ-เกรงใจธรรมนัสมากขึ้น และอาจมีผลต่อเก้าอี้นายกฯ และเส้นทางการเมืองของพลเอกประยุทธ์ นายกฯ หลังจากนี้ตามมาด้วย

ผลการเลือกตั้งซ่อมชุมพร-สงขลา ที่จะรู้ผลอย่างไม่เป็นทางการคืนนี้ไม่เกินสามทุ่ม ถือได้ว่าเป็นแมตช์ชี้ชะตาการเมือง เป็นเดิมพันสำคัญทางการเมืองของจุรินทร์-ประชาธิปัตย์ และธรรมนัส-พลังประชารัฐ อย่างแท้จริง บนเดิมพันที่แพ้ไม่ได้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ลากไส้องค์กร'สีกากี'ยิ่งแฉยิ่งเละ ถึงเวลาปฏิรูปตำรวจกู้ภาพลักษณ์

เละ! ตายตามกันไปข้าง ศึกภายในรั้ว “กรมปทุมวัน” ถึงแม้ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.และ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.จะถูกโยกไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี แต่ศึก “นอมินี” แทงฟันกันเลือดสาดไม่มีใครยอมใคร อย่างที่ ทีมทนาย “รองฯ โจ๊ก” เตือนก่อนที่ความขัดแย้งจะบานปลายมาจนถึงปัจจุบัน “ไม่ยอมตายเดี่ยว”

เดินหน้าแจกดิจิทัลวอลเล็ต หลังเพิ่มทางเลือกแหล่งเงิน

หลังเมื่อวันจันทร์ที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง” เปิดแถลงข่าวไทม์ไลน์นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะเดินหน้านโยบายดังกล่าวต่อไป และจะสามารถแจกเงินให้ประชาชน 10,000 บาท ได้ภายในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ คือประมาณ ตุลาคม-ธันวาคม 2567

กางไทม์ไลน์‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ รัฐบาลได้‘ไฟเขียว’แจกเงิน?

โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท นโยบาย เรือธง ของพรรคเพื่อไทย โยกเยก ไร้ความชัดเจนตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ

ทักษิณรุกคอนโทรล พท. ยิ่งขยับ ยิ่งเข้าทาง ก้าวไกล

การเดินทางเข้าพรรคเพื่อไทยของ ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะ เจ้าของพรรค-หัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริง วันอังคารที่ 26 มี.ค.นี้ ถ้าไม่มีการยกเลิกเสียก่อน แต่ก็พบว่า กระแสข่าวดังกล่าวค่อนข้างคอนเฟิร์มว่าทักษิณไปแน่

สภาสูงVSเศรษฐา เปิดแผนสว.จัดทัพถล่ม

ระเบิดศึกการเมือง “สมาชิกวุฒิสภาVSรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน” กันในวันจันทร์ที่ 25 มีนาคมนี้แล้ว เพราะจะเป็นการประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณาญัตติให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153

ลายแทงอำนาจหลังศึก'สีกากี' ชิงจัดทัพเก้าอี้ตำรวจ-ทหาร

หลังจากนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งเด้ง บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล