พรรคร่วมรุมทึ้งเลือกตั้งซ่อม ‘ภท.’ แชมป์เก่า แพ้ไม่ได้

สนามเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีธรรมราช เคยมีประเด็นระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลมาแล้วครึ่งหนึ่ง สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ครั้งนั้นศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นายเทพไท เสนพงศ์ สส.นครศรีธรรมราช เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ ขาดคุณสมบัติ สส. กรณีถูกศาลพิพากษาให้จำคุก พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งร่วมรัฐบาลที่มีพรรคประชารัฐเป็นแกนนำ ตัดสินใจส่ง ‘พงษ์สินธุ์ เสนพงศ์’ ลงป้องกันแชมป์แทนพี่ชาย

ในขณะที่พรรคประชารัฐ ซึ่งคว้าอันดับ 2 ในเขตเลือกตั้งดังกล่าวตอนการเลือกตั้งปี 2562 ตัดสินใจส่ง ‘อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ’ ที่แพ้ ‘เทพไท’ เพียงนิดเดียว ท้าชิงอีกหน

ขณะนั้น ‘ประชาธิปัตย์’ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นแชมป์เก่า แต่สุดท้าย ‘พลังประชารัฐ’ ตัดสินใจส่ง ‘อาญาสิทธิ์’ คนเดิมล้างตา

ผลออกมา ‘พลังประชารัฐ’ ชนะขาด

มาครั้งนี้การเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีธรรมราช เป็นประเด็นระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลอีกหน หลังศาลฎีกาพิพากษาเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง ‘มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล’ สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 พรรคภูมิใจไทย โดยให้จัดตั้งการเลือกตั้งซ่อมในวันที่ 27 เมษายน

ประเด็นคล้ายกับการเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีธรรมราชเหมือนสมัยที่แล้ว นั่นคือ มีพรรคร่วมรัฐบาลชุดปัจจุบันต้องการจะลงแข่ง

โดยเฉพาะ ‘ประชาธิปัตย์’ ที่ ‘ชินวรณ์ บุณยเกียรติ’ อดีต สส.นครศรีธรรมราชหลายสมัย แสดงความประสงค์จะลงชิงชัย แม้ "เฉลิมชัย ศรีอ่อน" รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรค และแกนนำนครศรีธรรมราชคนอื่นๆ จะไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าใดนัก

อีกอย่างในการเลือกตั้งปี 2566 พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งส่ง ‘ปุณณ์สิริ บุณยเกียรติ’ ลูกสาว "ชินวรณ์" ลง ทำได้เพียงอันดับ 4 เท่านั้น ขณะที่อันดับ 2 เป็นผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐที่ปัจจุบันอยู่ฝ่ายค้าน และไม่ได้ส่งผู้สมัครลงแข่งในครั้งนี้

แต่เมื่อ ชินวรณ์ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ในพรรค และมีอาณาจักรของตัวเองในจังหวัด แสดงความต้องการอย่างชัดเจน จึงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

และเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลไม่หลบ มันจึงเปิดทางให้พรรคน้องใหม่อย่าง ‘พรรคกล้าธรรม’ ของ ‘ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า’ สส.พะเยา ประธานที่ปรึกษาพรรค อีกหนึ่งพรรคร่วมรัฐบาล มีข้ออ้างในการส่งผู้สมัครลงแข่งด้วย

ในสนามภาคใต้ โดยเฉพาะ จ.นครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่ที่พรรคกล้าธรรมมุ่งหวังเช่นกันในการเลือกตั้ง สส.ครั้งหน้า โดยวางตัว ‘ก้องเกียรติ เกตุสมบัติ’ ลูกเขยของ ชินวรณ์ ลงแข่งขัน ซึ่งถือว่าเป็นผู้สมัคร สส.คนแรกอย่างเป็นทางการในสนามเลือกตั้งของพรรค  

ขณะที่ ‘ภูมิใจไทย’ ในฐานะแชมป์เก่า แม้จะไม่พอใจอยู่บ้าง แต่พร้อมลุยไม่เกรงกลัวพรรคร่วม โดยอยู่ระหว่างเลือกว่า จะให้ ‘ไสว เลื่องสีนิล’ สามี มุกดาวรรณ หรือ ‘สุนทร รักษ์รงค์’ ดีกรีอันดับ 2 ในเขตดังกล่าว ซึ่งเพิ่งย้ายมาจากพรรคพลังประชารัฐลงรักษาที่นั่ง

วัดกันปอนด์ต่อปอนด์ ไม่ว่าสุดท้ายแชมป์เก่าอย่าง ‘ค่ายสีน้ำเงิน’ จะส่งใครลงรักษาที่นั่งในสภา แต่ยังถูกยกให้เป็นเต็ง 1 อยู่

 ‘พิพัฒน์ รัชกิจประการ’ รมว.แรงงาน แม่ทัพภาคใต้ของภูมิใจไทย ไม่ยอมเสียหน้าแน่ เพราะถ้าสนามนี้แพ้มีผลต่อเครดิตทางการเมืองภาพใหญ่ที่กำลังเข้มข้น โดยเฉพาะศึกภายในพรรคร่วมรัฐบาล

นอกจากนี้ยังมีความได้เปรียบ ไม่ว่าจะเป็นกระสุนดินดำที่ยี่ห้อ ‘พิพัฒน์’ รับรู้กันดีในแดนสะตอ รวมไปถึงกระแสข่าวที่ว่า พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคที่มีฐานที่มั่นในภาคใต้ กับ ‘พลังประชารัฐ’ ที่แม้ปัจจุบันจะเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งไม่ได้ส่งคนลงแข่งในครั้งนี้ทั้งคู่ คอยซัพพอร์ตเรื่องทรัพยากรบุคคลในพื้นที่ให้กับทีมงานค่ายสีน้ำเงิน เพื่อรักษาแชมป์

ขณะที่ ‘ชินวรณ์’ เป็นรองเยอะ แม้จะเป็นบิ๊กเนมก็ตาม เพราะต้องยอมรับว่า ปัจจุบันแบรนด์ประชาธิปัตย์ไม่ค่อยเข้มขลังเหมือนในอดีต โดยเฉพาะเมื่อเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย อีกอย่างแกนนำในพรรคที่รับผิดชอบนครศรีธรรมราชก็ไม่น่าจะให้การช่วยเหลือสักเท่าไหร่ เนื่องจากเจ้าตัวประสงค์จะลงเอง

อีกอย่างการเพิ่มจำนวนที่นั่ง สส.อีก 1 ที่นั่ง ไม่ได้มีนัยทางการเมืองต่อพรรคสักเท่าไหร่ จึงไม่คุ้มค่ากับการทุ่มทรัพยากรลงไป

ด้าน ‘พรรคกล้าธรรม’ พยายามเปิดตลาดภาคใต้ และตลาดที่พรรคเพื่อไทยไม่ลงเล่น หนนี้แม้จะเป็นโอกาสดีในการได้แสดงแสนยานุภาพของ ร.อ.ธรรมนัส ในวันที่ออกมาตั้งพรรคเอง ประกอบกับตัวผู้สมัครอย่าง ‘ก้องเกียรติ’ ที่ถือว่าไม่ธรรมดา แต่แบรนด์นี้อาจยังไม่ถูกจริตคนใต้สักเท่าไหร่ 

โดยเฉพาะการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพรรคเพื่อไทย รวมถึงบทบาทของ ร.อ.ธรรมนัส ทั้งปัจจุบันและอดีต อาจจะเป็นข้อเสียเปรียบพรรคภูมิใจไทยอยู่

ดูแล้วแชมป์เก่าอย่าง ‘ค่ายสีน้ำเงิน’ น่าจะเข้าวินไปได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“พิพัฒน์” ลงพื้นที่ปัตตานี ชื่นชมฟื้นตัวเร็ว ยันรัฐบาลเร่งเยียวยา–เตรียมพร้อมมาตราการรับฝนรอบใหม่

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี เพื่อติดตามสถานการณ์หลังอุทกภัย โดยการกำชับจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้ดูแลพี่น้องที่ประสบภัยทุกครัวเรือนอย่างเต็มที่

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน