
การเลือกตั้ง สมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ทั่วประเทศเมื่อวันที่ 11 พ.ค.2568 สิ้นสุดลงด้วยภาพที่ไม่ต่างจากอดีต เพราะการเมือง “บ้านใหญ่” ยังคงครองอำนาจในสนามท้องถิ่นอย่างเหนียวแน่น
โดยเฉพาะในเทศบาลนครและเทศบาลเมืองที่มีเดิมพันสูง ขณะที่ พรรคประชาชน (ปชน.) หรือที่รู้จักในนาม “พรรคสีส้ม” ซึ่งถูกจับตาในฐานะพลังใหม่ของการเมืองไทย กลับคว้าชัยได้เพียง 15% จากเทศบาลที่ส่งผู้สมัครลงแข่งขัน มักจบลงที่อันดับ 2 หรือ 3 ในหลายพื้นที่
การเมืองบ้านใหญ่ในบริบทไทยหมายถึงเครือข่ายอิทธิพลที่ครอบครัวหรือตระกูลที่มีฐานอำนาจในท้องถิ่นครอบครองมานานหลายชั่วคน เครือข่ายนี้ประกอบด้วยนักการเมืองท้องถิ่น ผู้มีอิทธิพลในชุมชน และกลุ่มธุรกิจที่เชื่อมโยงกันผ่านผลประโยชน์
ผลการเลือกตั้งเทศบาล 2568 แสดงให้เห็นว่าผู้สมัครจาก บ้านใหญ่ หรือได้รับการสนับสนุนจากพรรคที่มีรากฐานจากตระกูลการเมือง เช่น พรรคเพื่อไทย ยังคงครองตำแหน่งนายกเทศมนตรีในพื้นที่สำคัญ ตัวอย่างเช่น ในเทศบาลนครเชียงใหม่ นายอัศนี บูรณุปกรณ์ จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับ ตระกูลชินวัตร ชนะด้วยคะแนน 19,738 คะแนนออก ขณะที่ นายธีรวุฒิ แก้วฟอง จากพรรคประชาชน ได้ 15,715 คะแนน
ปัจจัยสำคัญคือโครงสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งของบ้านใหญ่ ซึ่งระดมคะแนนผ่านผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และกลุ่มอาชีพ เช่น สหกรณ์หรือสมาคมชาวนา ความสัมพันธ์แบบอุปถัมภ์ทำให้ประชาชนพึ่งพานักการเมืองบ้านใหญ่ในการเข้าถึงทรัพยากร เช่น งบประมาณพัฒนาท้องถิ่นหรือเงินช่วยเหลือส่วนบุคคล ตัวอย่างชัดเจนในเทศบาลนครนครราชสีมา ซึ่งได้รับงบประมาณ 2 พันกว่าล้านบาท ในปี 2568 นักการเมืองบ้านใหญ่ใช้ทรัพยากรเหล่านี้สร้างความภักดีจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ชื่อเสียงและประสบการณ์ที่สั่งสมมาของบ้านใหญ่ยังเป็นจุดแข็งที่ยากจะต่อสู้ ผู้สมัครจากตระกูลการเมืองมักเป็น “แชมป์เก่า” หรือมีประวัติทำงานในพื้นที่ยาวนาน ทำให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งรู้สึกคุ้นเคยและไว้วางใจ ในเทศบาลนครอุดรธานี นายกตติกร ทีฆธนานนท์ จากกลุ่มนครหมากแข้ง ชนะด้วยคะแนน 18,336 คะแนน ขณะที่ผู้สมัครพรรคประชาชน ได้เพียงอันดับ 3 การผสานชื่อเสียงส่วนตัวเข้ากับการสนับสนุนจากพรรคระดับชาติ เช่น เพื่อไทย หรือภูมิใจไทย ทำให้บ้านใหญ่มีข้อได้เปรียบทั้งทรัพยากรและการรับรู้ของประชาชน
ในทางกลับกัน พรรคประชาชน ซึ่งพัฒนาจากรากฐานของพรรคก้าวไกลและพรรคอนาคตใหม่ พยายามท้าทายอำนาจบ้านใหญ่ด้วยการชูวาระปฏิรูปและนโยบายที่เน้นความโปร่งใสและการกระจายอำนาจ แม้จะคว้าชัย แต่ผลรวมแสดงว่าพรรคชนะเพียง 14 จาก 90 เทศบาลที่ส่งผู้สมัคร หรือ 15% เท่านั้น ประกอบไปด้วยเทศบาลเมือง พรรคประชาชน ชนะจำนวน 5 แห่ง ประกอบด้วย เทศบาลเมืองบางกร่าง จ.นนทบุรี, เทศบาลเมืองปากน้ำ จ.สมุทรปราการ, เทศบาลเมืองบางคูวัด จ.ปทุมธานี, เทศบาลเมืองบางศรีเมือง จ.นนทบุรี และเทศบาลเมืองบางรักพัฒนา จ.นนทบุรี
ขณะที่เทศบาลตำบล ชนะ 9 แห่ง ประกอบด้วย เทศบาลตำบลเหมืองจี้ จ.ลำพูน, เทศบาลตำบลสุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู, เทศบาลตำบลเก่ากลอย จ.หนองบัวลำภู, เทศบาลตำบลสว่างแดนดิน จ.สกลนคร, เทศบาลตำบลหนองแคน จ.มุกดาหาร, เทศบาลตำบลโพนทราย จ.มุกดาหาร, เทศบาลตำบลนาดี จ.สมุทรสาคร, เทศบาลตำบลสำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ และเทศบาลตำบลหนองตำลึง จ.ชลบุรี
สาเหตุหลักคือข้อจำกัดในการสร้างเครือข่ายท้องถิ่น พรรคประชาชนมีฐานเสียงในเมืองจากคนรุ่นใหม่และชนชั้นกลาง แต่ในพื้นที่ชนบท ซึ่งเป็นฐานคะแนนหลักของการเลือกตั้งเทศบาล ขาดกลไกการระดมคะแนนที่แข็งแกร่ง นโยบายที่เน้นอุดมการณ์ เช่น การปฏิรูปการบริหารหรือต่อต้านคอร์รัปชัน อาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการเร่งด่วนของประชาชนที่มองหาผลประโยชน์จับต้องได้ เช่น ถนนหรือไฟฟ้า
อีกปัจจัยที่ทำให้พรรคประชาชนเสียเปรียบคือ การขาดผู้สมัครที่มีชื่อเสียงในท้องถิ่น ผู้สมัครส่วนใหญ่เป็นหน้าใหม่ แม้ได้รับการสนับสนุนจากแกนนำระดับชาติ แต่ยังไม่สามารถแข่งขันกับตระกูลการเมืองที่ครองพื้นที่มานานได้ เช่น ในเทศบาลนครขอนแก่น น.ส.เบญจมาภรณ์ ศรีละบุตร จากพรรคประชาชน มีนโยบายทันสมัย แต่ไม่สามารถเอาชนะกลุ่มท้องถิ่นเดิม อีกทั้งข้อจำกัดด้านทรัพยากรยังเป็นอุปสรรค การเลือกตั้งท้องถิ่นต้องใช้เงินทุนจำนวนมากในการหาเสียง บ้านใหญ่ และพรรคที่สนับสนุนมีงบประมาณและการเข้าถึงทรัพยากรจากทั้งภาครัฐและเอกชน ขณะที่พรรคประชาชน ซึ่งเน้นการระดมทุนจากประชาชนและหาเสียงแบบประหยัด ไม่สามารถแข่งขันในแง่กิจกรรมหาเสียงได้
อีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้พรรคประชาชนเสียเปรียบคือ การที่ประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ทำงานนอกภูมิลำเนา ไม่ได้กลับมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่ย้ายไปทำงานในกรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่ และมักเป็นกลุ่มที่สนับสนุนพรรคประชาชน เนื่องจากวันเลือกตั้งเป็นวันอาทิตย์ และเป็นวันหยุดยาว คนบางกลุ่มเลือกที่จะไปเที่ยวดีกว่าไปเลือกตั้งเทศบาล เพราะมองว่าไม่ใช่การเลือกตั้งระดับใหญ่ หรือบางคนเลือกที่จะไม่กลับบ้าน เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเดินทางสูง ส่งผลให้ฐานเสียงสำคัญของพรรคในพื้นที่ท้องถิ่นลดลง
การเลือกตั้งเทศบาล 2568 สะท้อนว่าโครงสร้างอำนาจท้องถิ่นยังถูกครอบงำโดยการเมืองแบบอุปถัมภ์และ เครือข่ายบ้านใหญ่ ซึ่งฝังรากลึกทั้งในความสัมพันธ์ส่วนบุคคลและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของพรรคประชาชนในบางพื้นที่แสดงถึงศักยภาพของพลังใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งรุ่นใหม่ที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง เพื่อพลิกเกมในอนาคต พรรคประชาชนต้องสร้างเครือข่ายรากหญ้าที่แข็งแกร่ง พัฒนาผู้สมัครที่มีรากฐานในท้องถิ่น และนำเสนอนโยบายที่ตอบโจทย์ประชาชนควบคู่กับวาระปฏิรูป รวมถึงหาวิธีกระตุ้นให้ฐานเสียงที่ทำงานนอกพื้นที่กลับมาใช้สิทธิ์
ส่วน บ้านใหญ่ ก็ไม่อาจนิ่งนอนใจ กระแสเรียกร้องความโปร่งใส และการปฏิรูป ต่อต้านการเมืองเก่ากำลังเติบโต ซึ่งอาจเป็นภัยคุกคามบ้านใหญ่ในระยะยาว
การเลือกตั้งครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การชิงตำแหน่ง แต่เป็นภาพสะท้อนการต่อสู้ระหว่างอำนาจเก่ากับพลังใหม่ ที่แม้บ้านใหญ่จะยังครองชัย แต่สัญญาณแห่งการเปลี่ยนแปลง เขย่าฐานอำนาจบ้านใหญ่เริ่มชัดเจน!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เลขาฯ ปชน. สุดมั่นใจกวาดครบทุกเขต 33 พื้นที่กรุงเทพฯ ใกล้เลือกตั้ง 'เท้ง' คะแนนพุ่ง
เลขาฯพรรคประชาชน มั่นใจ กวาดครบ 33 พื้นที่ กทม. แม้ผลโพลความนิยมพรรคประชาชนลดลง เหตุ หนุน "อนุทิน-ปัญหาชายแดน" เชื่อ เวลาที่เหลือสมามรถชี้แจงได้ โว ใกล้เลือกตั้ง "เท้ง" เจิดจรัสคะแนนนิยมพุ่งแน่ ปัดตอบจุดยืน 112 ห่วงขัดศาล รธน. ชี้ "ณัฐพงษ์" ยังไม่ปิดโอกาสจับมือ 100% แต่ต้องการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ด้าน"กาย" ยัน คว้าชัยกทม.ได้แน่นอน
พรรคเพื่อไทย จัดอีเวนต์สัปดาห์หน้า เปิดตัวผู้สมัครสส.ครบทุกเขต-บัญชีรายชื่อ
ที่พรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค กล่าวว่า ในวันที่ 25 ธ.ค.พรรคเพื่อไทยจะทำการเปิดอีเวนต์ใหญ่ คือ
'ชูวิทย์' ฟันธงเลือกตั้ง พรรคประชาชนต่ำ 100 ชี้เดินเกมผิดพลาดครั้งใหญ่
"ชูวิทย์" วิจารณ์ "ธนาธร" เลือกเดินเกมแก้รัฐธรรมนูญผ่านพรรคภูมิใจไทยคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ ไม่ใช่การประนีประนอม พร้อมคาดผลเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคประชาชนอาจได้ สส. ต่ำกว่า 100 จากกระแสที่เปลี่ยนและความเชื่อมั่นที่ลดลง
ดร.ณัฏฐ์ ชี้ชัดบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เกิดรัฐบาลผสม ไม่มีพรรคใดชนะเบ็ดเสร็จ
“ดร.ณัฏฐ์” ชี้ระบบ “บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ” เกิดรัฐบาลผสม ไม่มีพรรคการเมืองใด ชนะเลือกตั้งเบ็ดเสร็จ เปิดตัวทีม “ว่าที่รองนายกรัฐมนตรี” ไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามไว้
โทรโข่งเพื่อไทย โจมตี 'อนุทิน' โยกย้าย ขรก.มหาดไทย ในจำนวนที่น่าตกใจมาก
"ศึกษิษฏ์" ซัด "อนุทิน" โยกย้าย ขรก.มหาดไทยไม่หยุด ตั้งข้อสังเกตโยงเครือข่ายบ้านใหญ่รับศึกเลือกตั้ง ตอก "ธนาธร" หลังออกโรงป้อง "เสี่ยหนู" เหน็บ ภท.-ปชน.ติดค้างสินน้ำใจกันอยู่หรือไม่
'สุพิศาล' อดีตแกนนำพรรคส้ม ลาออกแล้ว แฉเลือกผู้สมัคร สส. มีลับลมคมใน
พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวกรณีที่ได้ลาออกจากพรรคประชาชน ว่า เป็นเรื่องจริง ซึ่งได้ยื่นลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา

