สิงห์น้ำเงินผงาดยกแผง จัดทัพใหญ่รับศึกเลือกตั้ง บิ๊กมท.ขั้วอำนาจเก่ากระเจิง

แม้ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย รหัส “มท.1-สิงห์หนู” จะอ้างว่า การเด้ง-ย้าย-ปรับเปลี่ยนบิ๊กคลองหลอด-มหาดไทย ตำแหน่งสำคัญๆ ผ่านมติ ครม.เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ไม่ใช่การเอาคืน หลังก่อนหน้านี้ สิงห์อ้วน-ภูมิธรรม เวชยชัย เข้ามาเป็น มท.1 แทนอนุทิน ตอนออกไปเป็นฝ่ายค้าน แค่สองสัปดาห์ก็เด้ง-ย้ายอธิบดีที่ขึ้นมาช่วงอนุทินเป็น รมว.มหาดไทยแบบรัวๆ หลายตำแหน่ง มาตอนนี้เมื่อรัฐบาลภูมิใจไทยเข้ามาบริหารประเทศได้ครึ่งเดือน ก็เลยต้องเอาคืน-จัดทัพใหม่ เอาเครือข่าย บิ๊กมหาดไทย-สิงห์น้ำเงิน กลับมา

โดย รมว.มหาดไทย บอกว่า รายชื่อที่เข้า ครม.รวม 45 ตำแหน่ง “อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย” เป็นคนทำโผ ตนเองเป็นเพียงผู้ที่นำเรื่องเข้า ครม.

กระนั้น ในทางการเมือง ของแบบนี้เป็นไปไม่ได้ที่ปลัดมหาดไทยจะทำโผแต่งตั้ง โยกย้าย ปรับเปลี่ยนล็อตใหญ่ขนาดนี้โดยฝ่ายการเมืองไม่ส่งซิก ทำโผส่งให้ปลัดมหาดไทย ตั้งเอาใครไปไว้ตำแหน่งไหน ในความเป็นจริงมันก็คือโผ

สิงห์น้ำเงินผงาด-ล้างบางขั้วบิ๊กมหาดไทยเพื่อไทยยุคภูมิธรรม

เพราะอธิบดีหลายกรมที่ถูกเด้งออกจากไลน์ตำแหน่งหลักของมหาดไทยล้วนขึ้นมาในยุคภูมิธรรม-เพื่อไทยคุมมหาดไทยทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง ที่ภูมิธรรมดันจาก ผวจ.เชียงใหม่ ให้เข้ามาเป็นอธิบดีกรมการปกครอง โดยเป็นที่รู้กันดีว่าได้แรงหนุนจากสายเจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ อดีต รมช.การคลัง-สส.เชียงใหม่ แกนนำเพื่อไทยสายเชียงใหม่ แต่เมื่อขั้วอำนาจเปลี่ยน นิรัตน์เลยต้องโดนเด้งจากอธิบดีกรมการปกครองที่คุมนายอำเภอทั่วประเทศไปเป็น ผวจ.ภูเก็ต ที่ก็ยังดีกว่าเข้ากรุผู้ตรวจฯ มหาดไทย แล้วก็เอาเก้าอี้เกรดเอมหาดไทย อธิบดีกรมการปกครองให้ นฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ที่เป็นอดีต ผวจ.บุรีรัมย์ น้องรักเนวิน ชิดชอบ เพราะอยู่บุรีรัมย์มาตั้งแต่เป็นปลัดจังหวัดบุรีรัมย์ และก่อนหน้านี้ก็เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น แต่โดนภูมิธรรมเด้งเข้ากรุงเป็นผู้ตรวจฯ คราวนี้ได้กลับมาผงาดอีกรอบเป็นอธิบดีกรมการปกครอง ในช่วงที่ปีหน้าจะมีการยุบสภา หาเสียงเลือกตั้งใหญ่ โดยที่ผ่านมา “นฤชา” ก็เคยไปร่วมปรากฏตัวที่พรรคภูมิใจไทย เช่นตอนที่มีการรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้อนุทินเป็นนายกฯ เมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ยังมีการเด้ง เชษฐา โมสิกรัตน์ พ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ไปเป็น ผวจ.นนทบุรี

โดยเชษฐา สมัยเป็นรองปลัดมหาดไทย ฝ่ายการเมืองยุคภูมิธรรมเป็น มท.1 ตั้งให้เป็นประธานกรรมการพิจารณากรณีเขากระโดง บุรีรัมย์ และมีความเห็นให้กรมที่ดินเพิกถอนที่เขากระโดง 5,083 ไร่ จนภูมิธรรม-เดชอิศม์ ขาวทอง อดีต รมช.มหาดไทย เอาผลสรุปดังกล่าวไปแถลงข่าว ซึ่งเดิมทีภูมิธรรมจะให้เป็นอธิบดีกรมที่ดินด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายก็ให้ไปเป็นอธิบดี ปภ.ที่ก็เป็นกรมใหญ่ มารอบนี้โดนเด้งไปเป็น ผวจ.นนทบุรี ที่ก็ถือเป็นจังหวัดใหญ่ ติดกรุงเทพฯ ก็น่าจะทำให้พอทำใจได้บ้าง

ส่วนคนที่มาเป็นอธิบดี ปภ.แทนก็คือ ธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ที่แนบแน่นกับบ้านใหญ่อุทัยฯ ตระกูลไทยเศรษฐ์ ตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนถึงชาดา อดีต รมช.มหาดไทย เลยได้แรงหนุนให้ขยับจากจังหวัดเล็ก อุทัยธานี มาเป็นอธิบดี ปภ.

รวมถึงการเด้ง ขจรเกียรติ รักพานิชมณี พ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดิน ไปเป็น ผวจ.ขอนแก่น ในช่วงปีสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการปีหน้า แม้จะถูกมองว่าเป็นการลดชั้น แต่ต้องไม่ลืมว่าขอนแก่นเป็นจังหวัดใหญ่ มีความสำคัญทางการเมืองและเศรษฐกิจของภาคอีสาน และอาจจะเหมาะกับนายขจรเกียรติที่เติบโตบนเส้นทางพ่อเมืองมาตลอดมากกว่า เพราะเป็นผู้ว่าฯ มาแล้วหลายจังหวัด เช่น อ่างทอง อุทัยธานี ฉะเชิงเทรา นครศรีธรรมราช เลยทำให้รู้จักเครือข่ายคนในพรรคสีน้ำเงินหลายคน ทั้ง บ้านใหญ่อ่างทอง “ปริศนา นันทกุล”-บ้านใหญ่อุทัยธานี ตระกูลไทยเศรษฐ์ จึงทำให้ไม่แปลกที่ไม่โดนเด้งเข้ากรุผู้ตรวจฯ ยังได้เป็นผู้ว่าฯ ขอนแก่น มีการมองกันว่าฝ่ายการเมืองสีน้ำเงินคงมองว่า แม้จะเข้ามาเป็นอธิบดีกรมที่ดินในยุคเพื่อไทย แต่ก็ไม่ได้เข้าไปดำเนินการใดๆ ในเรื่องเขากระโดงตามที่ฝ่ายเพื่อไทยกดดัน จึงน่าจะทำให้ซื้อใจบิ๊กพรรคสีน้ำเงิน แม้จะโดนเด้งจากอธิบดีกรมที่ดิน แต่ก็ยังส่งไปเป็น ผวจ.ขอนแก่น ในปีสุดท้ายก่อนเกษียณ

ส่วนคนที่มาเป็นอธิบดีกรมที่ดินคนใหม่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พรพจน์ เพ็ญพาส อดีตอธิบดีกรมที่ดิน ที่ยุคภูมิธรรมขอย้ายตัวเองออกจากตำแหน่ง แล้วภูมิธรรมส่งไปเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย สุดท้าย พรพจน์ที่เกษียณปีหน้า 2569 ก็ได้คัมแบ็กกรมที่ดินอีกรอบ

หลังก่อนหน้านี้ พรพจน์ ตอนเป็นอธิบดีกรมที่ดิน เคยยืนกรานว่าที่ดินเขากระโดงกว่า 5,000 ไร่ของราษฎรร่วม 995 ราย ที่มีตระกูล "ชิดชอบ” ครอบครองอยู่ด้วยกว่าพันไร่ กรมที่ดินไม่สามารถเพิกถอนได้ เพราะเคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาฯ ก่อนหน้านี้ให้เพิกถอน 35 ราย ผูกพันเฉพาะคู่ความ ไม่ผูกพันบุคคลอื่น การรถไฟฯ ต้องไปฟ้องคดีกันใหม่ก่อน จนได้ข้อยุติถึงจะเข้าข่ายตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 อันเป็นความเห็นที่ "บ้านใหญ่บุรีรัมย์” ยืนกรานแนวนี้มาตลอด จึงไม่แปลกที่เนวินจะดันให้พรพจน์กลับมาคุมกรมที่ดินอีกรอบ

ตลอดจนการเด้ง สุรศักดิ์ อักษรกุล พ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน แล้วส่งไปอยู่อีสาน เป็น ผวจ.หนองบัวลำภูตามเดิม เพราะเป็นตำแหน่งเดิมก่อนหน้าจะมาเป็นอธิบดีกรมพัฒนาชุมชน แล้วก็โยกเอาคนเดิมคือ สยาม ศิริมงคล จาก ผวจ.สมุทรปราการ กลับมาเป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน หลังก่อนหน้านี้ภูมิธรรมมีการย้ายสลับสองคนดังกล่าว ทำให้สยามที่เคยเป็นผู้ว่าฯ ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์มหาดไทยคือ 44 ปี ก็โยกจากผู้ว่าฯ กลับมาเป็นอธิบดีอีกรอบ

และยังมีการเด้ง ร.ต.ท.ภพชนก ชลานุเคราะห์ ที่สมัยภูมิธรรมเป็น มท.1 ก็ขยับ ร.ต.ท.ภพชนก รุ่นน้องสิงห์ดำ รัฐศาสตร์ จุฬาฯ จาก ผวจ.เพชรบุรี ขึ้นมาเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น รอบนี้อนุทินเลยโยกจากอธิบดีฯ ท้องถิ่น ส่งกลับที่เดิมไปเป็น ผวจ.เพชรบุรี แล้วก็โยก ธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล จาก ผวจ.สุราษฎร์ธานี มาเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น คุมงบท้องถิ่นแสนล้าน โดยมีกระแสข่าวว่าธีรุตม์ได้แรงหนุนจากบิ๊กพรรคสีน้ำเงินสายภาคใต้ ที่มีพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม เป็นแกนนำหลัก

ส่วน ผู้ว่าฯ สายสิงห์น้ำเงิน ที่เคยโดนเด้งเข้ากรุ โยกย้ายออกจากตำแหน่งหลัก เช่น จากจังหวัดใหญ่ไปจังหวัดเล็ก ในช่วงภูมิธรรม-เพื่อไทยคุมมหาดไทย พบว่ารอบนี้กลับมาผงาดอีกครั้ง

อาทิ ณรงค์ เทพเสนา ที่สมัยภูมิธรรมเด้งจาก ผวจ.อำนาจเจริญ ไปนั่งตบยุงที่ผู้ตรวจฯ มหาดไทย รอบนี้ก็ได้ออกจากกรุไปเป็น ผวจ.อุบลราชธานี จังหวัดใหญ่ภาคอีสาน ที่ภูมิใจไทยหมายมั่นปั้นมือว่าจะยึดครองที่นั่ง สส.เขต ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นให้ได้เกือบทั้งหมด หลังล่าสุด เกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมช.มหาดไทย บ้านใหญ่เมืองดอกบัว จะมาเสริมทัพที่ภูมิใจไทยด้วยอีกหนึ่งปีกการเมือง

โดยณรงค์ ก่อนหน้านี้เป็นที่รู้กันว่าเป็นสิงห์น้ำเงินแท้ สนิทกับ เจ๊รวย-สุขสมรวย วันทนียกุล สส.อำนาจเจริญ หัวหน้าทีมอำนาจเจริญของภูมิใจไทย ที่เลือกตั้งที่ผ่านมาปี 2566 ทำให้ภูมิใจไทยชนะยกจังหวัด ที่สำคัญช่วงดีเอสไอรุกไล่ทำคดีฮั้ว สว.อย่างหนักเมื่อหลายเดือนก่อนหน้านี้ โดยส่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอลงพื้นที่อำนาจเจริญ เพื่อสอบสวนการเลือก สว.อำนาจเจริญระดับอำเภอ-จังหวัด นายณรงค์ก็ทำหนังสือด่วน ฟ้องปลัดกระทรวงมหาดไทยว่าการสอบสวนของดีเอสไอทำโดยมิชอบ มีการข่มขู่ประชาชนเพื่อกันตัวเป็นพยาน ทำให้ภูมิธรรมที่ตอนนั้นเป็นประธานบอร์ดคดีพิเศษไม่พอใจอย่างมาก จึงทำให้ชื่อของณรงค์ติดโผโดนเด้งมาตลอด แล้วก็โดนเด้งตามคาด แต่เมื่อวันนี้พรรคสีน้ำเงินกลับมาคุมมหาดไทย เขาเลยได้กลับมาผงาดอีกรอบ

ส่วนจังหวัดอื่นๆ ที่น่าสนใจก็เช่น ทศพล เผื่อนอุดม ผวจ.เชียงใหม่ ที่เป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ไม่ถึงสองเดือน ก็โดนแจ็กพอตถูกเด้งเข้ากรุงผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ เพราะเป็นที่รู้กันว่าได้แรงหนุนจากฝ่ายการเมืองในเพื่อไทย ทั้งเจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ และอดีต รมช.การคลัง ส่วนคนที่มาแทนก็มาจากจังหวัดติดกันคือ รัฐพล นราดิศร ผวจ.เชียงราย ที่ได้แรงหนุน จาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรฯ และหัวหน้าพรรคกล้าธรรม ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นญาติห่างๆ กับคนใกล้ชิด ร.อ.ธรรมนัส รวมถึงเสียงเชียร์จาก นเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รมช.เกษตรฯ และ สส.เชียงใหม่ พรรคกล้าธรรม ให้มาเป็นพ่อเมืองเชียงใหม่ ที่เลือกตั้งรอบหน้า กล้าธรรมจะขอแบ่งพื้นที่เชียงใหม่กับเพื่อไทยบางเขต

แล้วก็ยังมีกรณี ชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล อดีต ผวจ.อ่างทอง แนบแน่นบ้านใหญ่ ปริศนา นันทกุล ของภราดร รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ที่ภูมิธรรมเด้งไปเป็นผู้ตรวจฯ และอนุทินเคยประกาศไว้ตอนไปอ่างทองว่าจะคืนความเป็นธรรมให้ สุดท้ายก็ได้ออกจากกรุผู้ตรวจฯ ไปเป็น ผวจ.พระนครศรีอยุธยา จังหวัดใหญ่ภาคกลาง ที่เลือกตั้งรอบหน้า ภูมิใจไทยหมายมั่นปั้นมือจะกวาดยกจังหวัดกรุงเก่า อยุธยา 

รวมถึงการเอา ว่าที่ พ.ต.อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ออกจากกรุผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย หลังโดนภูมิธรรมเด้งเข้ากรุ เพราะไม่พอใจเรื่องการจ่ายเงินเยียวยาประชาชนที่ประสบภัยจากการสู้รบไทย-กัมพูชา รวมถึงเพื่อไทยมองว่าเป็นสายของสิงห์น้ำเงิน ปีกของอิสสระ สมชัย อดีต รมว.การพัฒนาสังคมฯ รอบนี้ก็ได้ออกจากผู้ตรวจฯ ไปเป็นพ่อเมืองที่นครพนม ซึ่งเป็นจังหวัดที่ภูมิใจไทยแข่งกับเพื่อไทยอย่างเข้มข้น ระหว่างสายศุภชัย โพธิ์สุ อดีตรองประธานสภาฯ กับ มนพร เจริญศรี อดีต รมช.คมนาคม จนมนพรทำให้ศุภชัยสอบตก และยังเอาชนะศึกเลือกตั้งนายก อบจ.นครพนม ที่ลูกสาวของศุภชัยแพ้เลือกตั้ง

นอกจากนี้ กลุ่มผู้ว่าฯ ที่เคยถูกมองว่าใกล้ชิดกับขั้วอำนาจเก่า-เพื่อไทยบางคนก็โดนย้ายออกจากตำแหน่งหลัก เช่น ชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผวจ.นครราชสีมา ที่เป็นอดีตผู้ว่าฯ มาแล้วหลายจังหวัด และยังเคยเป็นอดีตอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ก็ถูกโยกมาเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทยที่เป็นตำแหน่งลอย โดยก่อนหน้านี้มีการมองกันว่า นายชัยวัฒน์ระยะหลังได้แรงหนุนจากประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีต รมว.ดิจิทัลฯ และกลุ่มแป้งมันโคราชเพื่อไทย สายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล ที่รวมกันแล้วมี สส.เพื่อไทยโคราชถึง 12 คน แต่สุดท้าย ชัยวัฒน์ อดีตผู้ว่าฯ คนดัง ที่เคยโด่งดังในโซเชียลมีเดียจากหลายกรณี เช่น ปั่นจักรยานไปทำงานตอนเป็นผู้ว่าฯ ก็ถูกโยกเข้าไปเป็นรองปลัดมหาดไทย แล้วก็โยก อนุพงศ์ สุขสมนิตย์ จาก ผวจ.ศรีสะเกษ มาเป็น ผวจ.โคราช ที่เป็นจังหวัดที่มี สส.มากที่สุดเป็นอันดับสองรองจากกรุงเทพฯ และเป็นจังหวัดที่ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ภูมิใจไทยหมายมั่นปั้นมือว่าจะได้ สส.เขตเพิ่มขึ้น หลังได้กำลังเสริมมาหลายทาง เช่น โกศล ปัทมะ สส.โคราช เพื่อไทย ที่เปิดตัวจะเข้าภูมิใจไทยในการเลือกตั้งรอบหน้า โดยมีกระแสข่าวว่า ผู้ว่าฯ อนุพงศ์ก็ได้แรงหนุนจากบ้านใหญ่ศรีสะเกษ ไตรสรณกุล ที่มีไตรศุลีเป็นเลขาธิการนายกฯ นอกจากนี้ ชรินทร์ ทองสุข  ผวจ.ขอนแก่น ที่ได้แรงหนุนจากฝ่ายการเมืองขอนแก่นในเพื่อไทยหลายสาย เช่น เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตปลัดมหาดไทย ก็โดนเด้งเข้ากรุเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม พบว่าโผมหาดไทยรอบนี้ พวกสิงห์มหาดไทยสายที่เคยขึ้นมายุคภูมิธรรมเป็น รมว.มหาดไทย แม้จะโดนย้ายออกจากตำแหน่งหลัก แต่หลายคนก็ยังได้เป็น ผวจ.ในจังหวัดใหญ่ จังหวัดที่มีความสำคัญในแต่ละภาค จึงทำให้ลดแรงกระเพื่อมในมหาดไทยไปได้พอสมควร ว่าไม่ถึงกับเป็นการล้างบาง เช็กบิล เอาคืน แต่เป็นการคืนความชอบธรรมให้บางคนที่เคยโดนเด้งสมัยภูมิธรรมเป็น มท.1.