'กสทช.' คลอดระเบียบใหม่เงียบ! ปลดออก-เข้าโครงการเกษียณก็ได้บำเหน็จ?

อึ้ง! กสทช.ออกระเบียบบำเหน็จฉบับใหม่เอี่ยมอ่อง มีผลบังคับใช้แล้ว พนักงานเข้าโครงการเกษียณก่อนกำหนด-ปลดออก-ไม่ต่อสัญญาจ้างก็ได้บำเหน็จด้วย

27 เม.ย.2565 – พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ทำหน้าที่ประธาน กสทช.ได้ออกระเบียบ กสทช.ว่าด้วยการจ่ายบำเหน็จพนักงานและการสงเคราะห์ภายหลังออกจากงาน (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2565 ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 139 ตอนพิเศษ 95 ง และมีผลบังคับใช้แล้ว

ทั้งนี้เนื้อหาของระเบียบดังกล่าวมีทั้งสิ้น 7 ข้อ แต่ที่น่าสนใจอยู่ที่ข้อ 3 ที่ระบุให้ยกเลิกความในบทนิยามคำว่า “พนักงาน” ในข้อ 4 ของระเบียบคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติว่าด้วยการจ่ายบำเหน็จพนักงาน และการสงเคราะห์ภายหลังออกจากงาน พ.ศ.2555 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “พนักงาน” หมายความว่า พนักงานของสำนักงาน”

โดยเนื้อหาของระเบียบเดิมนั้นได้กำหนดนิยามของพนักงานไว้ว่า “พนักงานซึ่งปฏิบัติงานประจำและพนักงานตามสัญญาจ้างของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ”

และที่น่าสนใจที่สุดคือ ข้อ 4 ให้ยกเลิกความในข้อ 7 ของระเบียบคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติว่าด้วยการจ่ายบำเหน็จพนักงานและการสงเคราะห์ภายหลังออกจากงาน พ.ศ.2555 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติว่าด้วยการจ่ายบาเหน็จพนักงานและการสงเคราะห์ภายหลังออกจากงาน
(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2563 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

“ข้อ 7 พนักงานผู้มีสิทธิจะได้รับบำเหน็จปกติต้องออกจากงานด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(1) เกษียณอายุหรืออายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ให้นับตั้งแต่วันถัดจากวันสิ้นปีงบประมาณที่พนักงานอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ รวมทั้งได้รับอนุมัติให้ออกจากงานในโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด
(2) มีคำสั่งให้ออกจากงาน หรือไม่ผ่านการประเมินผลการปฏิบัติงานโดยไม่ได้รับการจ่ายเงินชดเชยจากสำนักงานตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติกำหนด
(3) ถึงแก่ความตาย ซึ่งมิได้เกิดจากการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
(4) สำนักงานเลิกหรือยุบ และไม่สามารถนำเวลาปฏิบัติงานเพื่อนับเป็นเวลาในการคำนวณบำเหน็จในหน่วยงานแห่งใหม่ได้
(5) ลาออกโดยไม่มีความผิด และได้รับอนุญาตจากผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายแล้ว
(6) มีคำสั่งลงโทษให้ปลดออก
(7) ครบกำหนดการปฏิบัติงานตามระยะเวลาที่สำนักงานกำหนด และไม่มีคำสั่งให้ปฏิบัติงานต่อ
ในกรณีตาม (1) (2) (3) (4) และ (7) ต้องมีเวลาปฏิบัติงานมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปี
ในกรณีตาม (5) และ (6) ต้องมีเวลาปฏิบัติงานมาแล้วไม่น้อยกว่าสามปี”

ทั้งนี้ระเบียบเดิมกำหนดหลักในเรื่องนี้ไว้ว่า ข้อ 7 พนักงานผู้มีสิทธิจะได้รับบำเหน็จปกติต้องออกจากงานด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งดังต่อไปนี้
(1) เกษียณอายุ
(2) มีคำสั่งให้ออกจากงานโดยไม่มีความผิด
(3) ถึงแก่ความตาย ซึ่งมิได้เกิดจากการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
(4) สำนักงานเลิกหรือยุบและไม่สามารถนำเวลาปฏิบัติงานเพื่อนับเป็นเวลาในการคำนวณบำเหน็จในหน่วยงานแห่งใหม่ได้
(5) ลาออกโดยไม่มีความผิดและได้รับอนุญาตจากผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายแล้ว
ในกรณีตาม (1) (2) (3) (4) ต้องมีเวลาปฏิบัติงานมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปี
ในกรณีตาม (5) ต้องมีเวลาปฏิบัติงานมาแล้วไม่น้อยกว่าสามปี

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

NT ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร และ กสทช. เปิดบริการ ‘สายด่วน 1818’

บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดให้บริการ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน “1818” เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน

ทรู สนับสนุนกสทช.และตำรวจ ร่วมสกัดขบวนการ SIMBOX ลดช่องโหว่ความเสี่ยงด้านอาชญากรรมไซเบอร์ และเสริมมาตรฐานความปลอดภัยดิจิทัลของประเทศ

ทรู คอร์ปอเรชั่น เดินหน้าร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการป้องกันภัยไซเบอร์และโทรหลอกลวง. ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนและส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในโลกดิจิทัลของประเทศ

ดร.เสรี ห่วงขยายเกษียณถึง 70 ปี หนุ่มสาวเสียโอกาส-บรรยากาศทำงานห่อเหี่ยว

นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร เตือนแนวคิดรัฐบาลขยายอายุเกษียณราชการ อาจกระทบทั้งรุ่นใหม่และองค์กร ระบุผู้สูงวัยมีโรคประจำตัว ทำให้ต้องหยุดงานบ่อย บรรยากาศไม่สดใส แนะพิจารณารายบุคคลตามสมรรถภาพ ไม่ควรต่ออายุยกแผง

‘บวรศักดิ์’ เตรียมเชิญ ก.พ. หารือนายกฯ ปมเกษียณอายุขรก. 65 ปี

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้า กรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี