
สศอ.ปลื้ม เอ็มพีไอ มี.ค.65 แตะ 109.32% สูงสุดในรอบ 12 เดือนนับตั้งแต่เม.ย. 64 รับอานิสงส์การส่งออกโตต่อเนื่อง โชว์ล่าสุดมี.ค.โตสุดในรอบ 30 ปี พร้อมจับตา 3 ปัจจัยเสี่ยงใกล้ชิดกระทบเศรษฐกิจเฟสต่อไป
29 เม.ย. 2565 – นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) เดือนมี.ค. 2565 อยู่ที่ 109.32 ซึ่งนับเป็นค่าดัชนีฯที่สูงสุดในรอบ 12 เดือนนับตั้งแต่เดือนเม.ย.64 แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนลดลง 0.12% ขณะที่เอ็มพีไอ ไตรมาสแรกปี 2565 105.16% ขยายตัว 1.41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากภาคการส่งออกของไทยขยายตัวต่อเนื่องโดยเฉพาะเดือนมี.ค.ที่ขยายตัว 19.54% สูงสุดในรอบ 30 ปี ขณะเดียวกันหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงไทยได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19และเปิดประเทศส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นฟื้นตัวมากขึ้นตามลำดับ
“หากพิจารณาจากการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) เดือนมีนาคมที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น 5.66 %และ 11.52% ตามลำดับในการเตรียมการผลิตต่อไป รวมถึงค่าเงินบาทที่อ่อนค่ายังส่งสัญญาณบวกของทิศทางการส่งออกที่เพิ่มขึ้น การเปิดประเทศจะเป็นปัจจัยให้เศรษฐกิจในประเทศจะกลับมาฟื้นตัวมากขึ้น แต่ปัจจัยเงินเฟ้อยังคงต้องจับตาโดยเฉพาะจากระดับราคาพลังงานที่สูงและวัตถุดิบที่เริ่มกระทบต่อต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมไทยเพิ่มขึ้นด้วย”นายสุริยะกล่าว
นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่าสำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ดัชนีผลผลิตส่งผลบวกในเดือนมี.ค. 2565 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อาทิ น้ำตาล ขยายตัวเพิ่มขึ้น 61.25% เนื่องจากผลผลิตอ้อยที่มีปริมาณมากกว่าปีก่อน น้ำมันปิโตรเลียม ขยายตัว 17.51% เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นหลังการผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศ ยานยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.86% จากผลิตภัณฑ์รถบรรทุกปิคอัพ รถยนต์นั่งขนาดกลาง เครื่องยนต์ดีเซล เป็นหลัก
ด้านปุ๋ยเคมี ขยายตัวเพิ่มขึ้น 26.17 %เนื่องจากเกษตรกรได้ขยายพื้นที่เพาะปลูกหลังราคาพืชผลเกษตรสำคัญหลายรายการปรับตัวสูงขึ้น อาทิ ข้าว น้ำมันปาล์ม ฯลฯ เบียร์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 9.33% เป็นผลจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดและอนุญาตให้มีการจำหน่ายในร้านอาหารและสถานบริการมากขึ้น เป็นต้น
ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนมี.ค.65อยู่ที่ระดับ 68.77% สูงสุดรอบ 12 เดือนนับตั้งแต่เม.ย.64 แต่ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับมี.ค.64 ที่อยู่ระดับ 69.68% ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตไตรมาสแรกอยู่ที่ 66.35% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสแรกของปี 2564 ซึ่งมีอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ 66.32% จากปัจจัยบวกของการส่งออกและคาดว่าจะทยอยโตขึ้นตามทิศทางการส่งออก
“ สศอ. ได้ใช้เครื่องมือระบบเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทย (EWS-IE) ในการคำนวณ สะท้อนให้เห็นว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มจะขยายตัวใน 1-2 เดือนข้างหน้า อุปสงค์ในประเทศและการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัว เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าทยอยฟื้นตัวจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด ทำให้มีความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นแต่ประเด็นที่ควรระวัง 3 ด้านได้แก่ 1.การปรับโควิด-19จากโรคระบาดเป็นโรคประจำถิ่น 2.อัตราเงินเฟ้อจากระดับราคาน้ำมันและสงครามรัสเซีย-ยูเครน 3.การล็อกดาวน์เมืองท่าสำคัญของจีน “นายทองชัย กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
พท. เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครล็อต 4 ยัน ธ.ค. ครบ 400 เขต ยังอุบแคนดิเดตนายกฯ
'เพื่อไทย' เปิดตัวผู้เสนอตัวลงสมัคร สส. ล็อตใหม่เพิ่ม 11 คน นนทบุรีครบทุกเขต 'สมนึก' โผล่ให้กำลังใจ 'จุลพันธ์' ลั่นไม่มีพรรคไหนพร้อมเท่า พท. มั่นใจยังขายได้ ชื่อแคนดิเดตยังไม่ให้หลุดออกมา
เพื่อไทยจ่อเปิด 3 แคนดิเดตนายกฯ ‘สุริยะ’ มาแน่ สะพัดอีก 2 จากตระกูลชิน
พรรคเพื่อไทยเผย เตรียมเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 รายชื่อ ล็อกแล้ว 1 คือ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรค ขณะอีก 2 รายอยู่ระหว่างทาบทาม “ณัฐพงศ์ คุณา
พท. เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครเพิ่ม 31 เขต ส่ง 'อดีตเลขาฯปปส.' ชน 'ธรรมนัส'
'เพื่อไทย' เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส. รอบ 3 อีก 31 เขต ส่ง 'อดีตเลขาฯ ป.ป.ส.' ชน ''ธรรมนัส' ส่วนคู่สมรส 'จักรภพ' ลง กทม. 'จุลพันธ์' มั่นใจได้ตั้งรัฐบาล
'หญิงหน่อย' ชี้เปรี้ยง! รีแบรนด์ พท. ต้องเลิกบริหารแบบครอบครัว
'อดีตปธ.ยุทธศาสตร์เพื่อไทย' ชี้ พท. ต้องเลิกบริหารแบบพรรคครอบครัว-บริษัทจำกัด ถึงจะรีแบรนด์ได้ มอง 'จุลพันธ์' มีโอกาสนั่งหัวหน้าคนใหม่ แต่ตัวจริงคือแคนดิเดตนายกฯ
มนต์ขลัง “ชินวัตร” เสื่อม “แพทองธาร” ยอมถอย สู้ศึกเลือกตั้ง
ท่ามกลางความร้อนแรงในทางการเมืองไทย เหล่าพรรคการเมืองต่างต้องเตรียมการเพื่อเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งใหญ่ในอีก 4 เดือนข้างหน้า ทั้งวางกลยุทธ์ วางสรรพกำลังสู้ศึกเลือกตั้ง


