กรมเจ้าท่าผุดท่าเรือมารีน่าหนุนท่องเที่ยวภาคใต้

กรมเจ้าท่า” กางแผนพัฒนาท่าเรือ 2 ชายฝั่งทะเลภาคใต้ ยกระดับการเดินทางท่องเที่ยวทางน้ำ สร้างรายได้ให้ชุมชน ผุดท่าเรือมารีน่า ลุยศึกษา ปี 66-67 รองรับเรือสำราญขนาดเล็ก 100 ลำ

29 ก.ค. 2565 – นายสมพงษ์ จิรศิริเลิศ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยว่า จท. มีแผนพัฒนาท่าเรือชายฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย เพื่อสนับสนุนการเดินทางและการท่องเที่ยว ตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม โดยในส่วนของชายฝั่งทะเลอันดามัน จะเริ่มศึกษาพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ให้เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวและการขนส่งทางทะเล (Maritime Hub) และจัดทำโครงการท่าเรือมารีน่าชุมชน 1 จังหวัด 1 ท่า รวม 6 ท่า ใน 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน คือ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ทั้งนี้จะทำการศึกษาระหว่างปี 2566-2567 ก่อนเริ่มดำเนินการในพื้นที่ต่อไป

นายสมพงษ์ กล่าวว่า เบื้องต้นลักษณะของท่าเรือ จะเป็นเรือสำราญขนาดเล็ก รองรับเรือขนาดตั้งแต่ 30-40 ลำ หรือสูงสุดไม่เกิน 100 ลำ ส่วนงบประมาณที่ใช้ลงทุนขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ว่าจะมีเนื้อที่เท่าใด และแบบการก่อสร้างมารีน่าในแต่ละจังหวัดที่ถูกออกแบบขึ้น จะมีขนาดใหญ่มากน้อยเพียงใด ซึ่งเมื่อกำหนดพื้นที่ และออกแบบท่าเรือมารีน่าแล้ว จะมีการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ตามที่มีการออกแบบต่อไป มั่นใจว่าการพัฒนามารีน่าชุมชนนี้ เมื่อแล้วเสร็จจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าสู่พื้นที่มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่นำเรือสำราญขนาดเล็ก หรือเรือใบมาจอด จะช่วยสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้แต่ละชุมชนมากขึ้น

อย่างไรก็ตามในปี 2561-2567 จท. มีแผนพัฒนาท่าเรือชายฝั่งอันดามัน 13 ท่า โดยขณะนี้ดำเนินการแล้วเสร็จ 6 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือปากเมง จ.ตรัง (ท่องเที่ยวหมู่เกาะทะเลตรัง ถ้ำมรกต เกาะมุก เกาะกระดาน) ท่าเรือสุระกุล จ.พังงา (ท่องเที่ยวอ่าวพังงา เกาะปันหยี เขาพิงกัน เกาะเจมส์บอนด์ (เขาตะปู) ท่าเรือเกาะลันตาใหญ่ และท่าเรือศาลาด่านตั้งอยู่ที่เกาะลันตาน้อย ท่องเที่ยวดำน้ำ และเชื่อมโยงไปยังเกาะพีพี เกาะรอก หาดปากเมง ท่าเรือสวนสาธารณะธารา ท่าเรือท่าเล จ.กระบี่

ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนการเดินทางข้ามฟากระหว่างเทศบาลเมืองกระบี่ ที่ท่าเรือสวนสาธารณะธารา ไปยังท่าเรือท่าเล ตั้งอยู่บนเกาะกลาง ต.คลองประสงค์ ที่มีชุมชนอาศัยอยู่ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและวิถีเกษตร นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างดำเนินการอีก 1 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือปากคลองจิหลาด จ.กระบี่ เป็นท่าเรือต้นทาง-ปลายทางไปยังเกาะพีพี ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก จะแล้วเสร็จภายในปี 2565

นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนปี 2567-2569 มีแผนพัฒนาฯ 6 แห่ง โดยมีท่าเรือ 4 แห่งอยู่ในเส้นทางเดินเรือขนส่งผู้โดยสารและรถยนต์ เชื่อมโยงจาก จ.กระบี่-พังงา-ภูเก็ต ร่นระยะเวลาเดินทางจาก จ.กระบี่ ไป จ.ภูเก็ต ลง 1.5 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับทางบก ได้แก่ ต้นทางที่ท่าเรือเฟอรี่ท่าเลน จ.กระบี่ ปลายทางที่ท่าเรือเฟอร์รี่อ่าวปอ จ.ภูเก็ต และท่าเรือที่อยู่ในเส้นทาง ได้แก่ ท่าเรือมาเนาะห์ และท่าเรือช่องหลาด จ.พังงา ส่วนอีก 2 แห่ง อยู่ใน จ.กระบี่ ได้แก่ ท่าเรืออ่าวน้ำเมา และท่าเรือเกาะพีพี

สำหรับชายฝั่งทะเลอ่าวไทย จท. มีแผนพัฒนาท่าเรือชายฝั่งอ่าวไทยในปี 2563-2567 โดยจะแล้วเสร็จในปี 2565 จำนวน 1 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือปะทิว จ.ชุมพร (ท่องเที่ยวดำน้ำดูฉลามวาฬ ที่เกาะร้านเป็ด เกาะร้านไก่) ส่วนปี 2566 จะแล้วเสร็จอีก 1 แห่ง ได้แก่ ท่าเรืออ่าวมะขามป้อม จ.ระยอง (ท่องเที่ยวเกาะมันนอก มันกลาง มันใน และเชื่อมโยงไปยังเกาะเสม็ด อันมีชื่อเสียงได้) นอกจากนี้ในปี 2566-2568 มีแผนพัฒนา 1 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือเกาะกูดซีฟร้อนท์ จ.ตราด สนับสนุนการเดินทางและการท่องเที่ยวเชื่อมจากท่าเรือแหลมศอก ไปยังเกาะกูด.