บีโอไอ หนุนเศรษฐกิจ BCG วางเป้าส่งเสริมการลงทุน 1.6 แสนล้าน

บีโอไอดันแนวคิดเศรษฐกิจ BCG ตั้งเป้าปีนี้มีคำขอลงทุนแตะ 1.6 แสนล้านบาท หลัง 6 เดือนแรกของปี 65 มีตำขอ 7.9 หมื่นล้านบาท พร้อมนำชมสตาร์ตอัปไบโอเทค ผู้ผลิตพลาสติกชีวภาพชนิด PHA รายแรกของไทย

5 ก.ย. 2565 – นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่เยี่ยมชมโรงงานของบริษัท ฟรุตต้า ไบโอเมด จำกัด ว่าบีโอไอ ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการกลุ่มเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว(BCG) ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ ซึ่งตั้งแต่ปี 2558 – มิ.ย. 2565 คำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรม BCG มีจำนวนรวม 3,320 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 752,691 ล้านบาท ขณะที่ยอดคำขอรับการส่งเสริมลงทุนในกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับ BCG ในช่วง 6 เดือนของปีนี้(ม.ค.-มิ.ย.2565) มีจำนวน 348 โครงการเงินลงทุน 79,869 ล้านบาท คาดปีนี้ทั้งปีจะมีเงินลงทุนรวม 150,000-160,000 ล้านบาท

“ยอดคำขอรับการส่งเสริมลงทุนปี 2566 ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจโลกและนโยบายกระตุ้นการลงทุนใหม่ใหม่ในประเทศว่าจะสามารถสร้างการแข่งขันดึงดูดนักลงทุนได้แค่ไหน ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตแบบก้าวกระโดดบนรากฐานการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไปสู่แนวคิดเศรษฐกิจ BCG มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า คำนึงถึงการนำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด และมุ่งสู่การพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สำหรับภาพรวมยอดคำขอรับการส่งเสริมลงทุนปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 500,000 ล้านบาท”นางสาวดวงใจกล่าว

ทั้งนี้ที่ผ่านมาบีโอไอ มีมาตรการสนับสนุนธุรกิจในกลุ่ม BCG และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง ครอบคลุมหลากหลายประเภทกิจการ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่หรือเล็ก และตระหนักถึงความสำคัญของผู้ประกอบการสตาร์ตอัปที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยให้การสนับสนุนในด้านเงินลงทุนแก่สตาร์ตอัป ตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 และ พ.ร.บ. การเพิ่มขีดความสามารถในกำรแข่งขันของประเทศ สำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ. 2560 ซึ่งบีโอไอเชื่อว่าจะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้แก่เศรษฐกิจและสังคม และช่วยส่งเสริมความเข้มแข็งและยกระดับเศรษฐกิจไทยไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต

นายรักชัย เร่งสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟรุตต้า ไบโอเมด จำกัด กล่าวว่า ประเทศไทยมีศักยภาพทางด้านความหลากหลายของวัตถุดิบ ซึ่งจำเป็นต้องเร่งสร้างเทคโนโลยีเพื่อต่อยอด ไปสู่อุตสาหกรรมชีวภาพขั้นสูง สำหรับฟรุตต้าเริ่มต้นธุรกิจจากการผลิตเครื่องดื่มประเภทน้ำผัก ผลไม้ และมีกากและเศษที่เหลือจากผลไม้ที่ผ่านกระบวนการผลิตในโรงงาน เช่น เปลือกมะละกอ เปลือกกล้วย รวมถึงน้ำมะพร้าวที่ค้างท่อจากการผลิตในปริมาณมาก บริษัทจึงได้คิดค้นการใช้ประโยชน์จากสิ่งเหลือทิ้งข้างต้นและพบว่า สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากการนำมาใช้เลี้ยงแบคทีเรียที่เป็นต้นกำเนิดของพลาสติกชีวภาพได้

ด้วยการใช้กระบวนการทางด้านปฏิกิริยาชีวภาพเข้ามาเปลี่ยนโครงสร้างโมเลกุลของแบคทีเรีย เพื่อให้ได้แบคทีเรียชนิดที่ดีที่สุด เพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเป็นเม็ดพลาสติกชีวภาพชนิด PHA (POLYHYDROXYALKANOATES) และ PHA BIOPLASTIC COMPOUND และนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์จากพลาสติกชีวภาพชนิด PHA เช่น ถุง ขวด หรือบรรจุภัณฑ์พลาสติกอื่น เป็นต้น และจะขยายการลงทุนไปสู่กำลังการผลิตที่ 1,100 ล้านชิ้น นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนต่อยอดงานวิจัยและพัฒนาไปสู่ผลิตภัณฑ์ด้านการแพทย์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ และเกิดประโยชน์แก่วงการแพทย์ต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บีโอไอเคาะ 2 มาตรการลุยนโยบาย Quick Big Win

'บีโอไอ' เคาะ 2 มาตรการ ใช้กลไก 'กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน' พลิกเกมเสริมแกร่งผู้ประกอบการไทย เร่งขับเคลื่อนการลงทุนเพื่ออนาคต ตามนโยบาย 'Quick Big Win' ของรัฐบาล