
“ธ.ก.ส.” โชว์ผลดำเนินงานปีบัญชี 65 อัดสินเชื่อสู่ภาคชนบท 8.7 แสนล้านบาท กวาดกำไรเฉียด 8 พันล้านบาท กางแผนปีบัญชี 66 สินเชื่อโตเพิ่มมากว่า 3.5 หมื่นล้านบาท เงินฝากโต 1.2 หมื่นล้านบาท เดินเครื่องแก้หนี้เสีย ปักหมุดเหลือไม่เกิน 6.7% พร้อมคาดจีดีพีภาคเกษตรปี 66 โต 2.4% โอดเศรษฐกิจโลกชะลอกดดันการส่งออกสินค้าเกษตรแผ่ว
1 เม.ย. 2566 – นายไพศาล หงษ์ทอง ผู้ช่วยผู้จัดการและโฆษกธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยผลการดำเนินงานปีบัญชี 2565 (1 เม.ย.65 ถึง 31 มี.ค.66) ว่า ธ.ก.ส. ได้สนับสนุนสินเชื่อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคชนบทระหว่างปี จำนวน 878,338 ล้านบาท ทำให้มียอดสินเชื่อสะสมคงเหลือ 1,636,778 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากต้นปีบัญชี 30,509 ล้านบาท หรือ 1.90% ยอดเงินฝากสะสม 1,829,549 ล้านบาท มีสินทรัพย์จำนวน 2,262,121 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.15% หนี้สินรวม 2,109,120 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.08% และส่วนของเจ้าของ 153,001 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.15% และมีกำไรสุทธิ 7,989 ล้านบาท ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ที่ 7.68%
นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ได้จัดทำมาตรการในการดูแลด้านหนี้สินและเสริมสภาพคล่องลูกค้าเพื่อดูแลลูกค้าในช่วงโควิด-19ได้แก่ 1. โครงการชำระดีมีคืน โดยคืนดอกเบี้ยให้แก่ลูกค้าจำนวน 3,361,769 ราย 2. โครงการลดดอกเบี้ยแก้หนี้ภาคครัวเรือน 2565 ที่ลดดอกเบี้ยให้แก่ลูกค้าไปแล้ว 467,965 ราย และ3. มาตรการจ่ายดอกตัดต้น แก้หนี้ภาคครัวเรือนให้แก่ลูกค้าไปแล้ว 119,723 ราย 4. มาตรการจ่ายน้อย ผ่อนคลาย ได้ลดดอกเบี้ย แก้หนี้ภาคครัวเรือนให้แก่ลูกค้าไปแล้ว 214,525 ราย 5. มาตรการทางด่วนลดหนี้ แก้หนี้ภาคครัวเรือนให้แก่ลูกค้าไปแล้ว 2,692 ราย และ 6. โครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้แบบยั่งยืน โดยสามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้แล้วกว่า 82,490 สัญญา จำนวนเงิน 17,722 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ธ.ก.ส. ยังทำหน้าที่เป็นกลไกในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ผ่านมาตรการและโครงการสำคัญ ๆ ได้แก่ มาตรการรักษาเสถียรภาพด้านราคาสินค้าเกษตร ผ่านโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 โดยโอนเงินส่วนต่างเพื่อชดเชยเป็นรายได้ให้แก่เกษตรกรในกรณีสินค้าราคาตกต่ำ มีเกษตรกรได้รับประโยชน์จากการรับโอนเข้าบัญชีโดยตรงไปแล้วกว่า 2.6 ล้านราย เป็นจำนวนเงินกว่า 7,863.72 ล้านบาท, โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เพื่อช่วยเหลือด้านต้นทุนการผลิตและการเก็บเกี่ยวในอัตรา ไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ มีเกษตรกรได้รับประโยชน์ 4.6 ล้านราย เป็นจำนวนเงินกว่า 54,020.70 ล้านบาท เป็นต้น
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. ได้คาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2566 จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3.5%โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญจากภาคท่องเที่ยวและภาคบริการที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับการจ้างงานและรายได้ของครัวเรือนปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะสนับสนุนการบริโภคในประเทศให้ขยายตัวได้ดีขึ้น ประกอบกับภาครัฐมีมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนและการใช้จ่ายภาครัฐปี 2566 เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และมาตรการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ที่ให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในประเทศ อีกทั้ง ห่วงโซ่อุปทานการผลิตสามารถกลับมาดำเนินได้ตามปกติ ส่งผลให้ภาคการผลิตขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
สำหรับเศรษฐกิจเกษตร จะขยายตัวที่ 2.4% แม้ว่าจะมีปัจจัยกดดันจากการส่งออกสินค้าเกษตรที่คาดว่าจะปรับตัวลดลงตามเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญที่ขยายตัวลดลง อาทิ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ยุโรป และสถานการณ์ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้ในช่วงครึ่งปีหลังอาจเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญส่งผลกระทบต่อการผลิตข้าวนาปี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง แนวโน้มราคาน้ำมันดิบลดลงกระทบต่อแนวโน้มราคายางพาราและราคาปาล์มน้ำมัน ประกอบกับต้นทุนค่าอาหารสัตว์สูงขึ้น แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกจากการขยายตัวของเศรษฐกิจของจีนที่เพิ่มขึ้น (ผู้นำเข้าสินค้าเกษตรอันดับ 1 ของไทย) และนโยบายรัฐมีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพด้านราคาสินค้าเกษตร ที่จะเป็นแรงสนับสนุนให้รายได้ในภาคเกษตรยังคงเติบโตได้จากปีก่อน
อย่างไรก็ดี ในปีบัญชี 2566 (1 เม.ย.66 – 31 มี.ค.67) ธ.ก.ส. วางเป้าหมายสินเชื่อเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 35,000 ล้านบาท เงินฝากเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 12,000 ล้านบาท และเอ็นอีแอล อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 6.70% พร้อมทั้งมุ่งเน้นการพัฒนาระบบเศรษฐกิจฐานรากภายใต้ BCG Model ได้แก่ การสนับสนุนเกษตรอินทรีย์และเกษตรปลอดภัย การยกระดับการผลิตสู่เกษตรมูลค่าสูง การนำทรัพยากรมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Zero Waste) และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บางจากฯ และออมสุขวิสาหกิจเพื่อสังคม ร่วมเสริมศักยภาพผู้นำ ธ.ก.ส. รับมือยุคโลกเปลี่ยน
โลกของภาคการเกษตรกำลังเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็ว จากแรงกดดันด้านภูมิอากาศ ความสำคัญของการใช้ข้อมูล บทบาทของเทคโนโลยี และมาตรฐานตลาดที่เข้มงวดขึ้น ขณะที่เกษตรกรไทยต้องเผชิญความเสี่ยงด้านภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้น ทั้งจากฤดูกาลที่ผันผวน ภัยแล้ง น้ำท่วม ศัตรูพืช รวมถึงกฎเกณฑ์ด้านคาร์บอนของประเทศคู่ค้าที่เข้มงวดมากขึ้น
ธ.ก.ส. เปิดตัวเงินฝากทองนพคุณรับดอกเบี้ยสูงสุด 2.15%
ธ.ก.ส. เปิดตัว "เงินฝากทองนพคุณ” ฝากขั้นต่ำครั้งละ 10,000 บาท วงเงินฝากรวมสูงสุดไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อราย รับดอกเบี้ยทุกเดือนแบบขั้นบันได สูงสุดถึงร้อยละ 2.15 ต่อปี เฉลี่ยทั้งโครงการร้อยละ 1.40 ต่อปี ระยะเวลาฝาก 10 เดือน เปิดรับฝากที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2568 ถึง 15 พฤศจิกายน 2568
‘เทียนรุน เดลี่’ยักษ์ใหญ่แห่งธุรกิจนมแดนมังกร
ประวัติศาสตร์การ ‘รีดนมโค’ ปรากฏในวัฒนธรรมอียิปต์โบราณมาตั้งแต่ราว 3 พันปีก่อนคริสตกาล เรื่อยมากระทั่งใน ค.ศ.1865 ก็มีผู้คิดค้นการฆ่าเชื้อโรคในน้ำนม (Sterilization)
ธกส. เปิดฟีเจอร์ใหม่เตือนภัยมิจฉาชีพผ่านแอปฯ
“รัฐบาล” เดินหน้ายกระดับความปลอดภัยอีกขั้นให้ประชาชน ผ่าน“บริการแจ้งเตือนภัยมิจฉาชีพ” ฟีเจอร์ใหม่บน LINE Official “BAAC Family”
ธ.ก.ส. จับมือ บช.สอท. เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “บริการเเจ้งเตือนภัยมิจฉาชีพ” ยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์ผ่าน LINE Official BAAC Family
ธ.ก.ส. จับมือ บช.สอท. เดินหน้าเสริมแกร่งความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับประชาชนทั่วประเทศ เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “บริการแจ้งเตือนภัยมิจฉาชีพ” บน LINE Official BAAC Family โดยสามารถเช็ก - แจ้ง – เตือนภัยมิจฉาชีพได้สะดวกทุกที่ ทุกเวลา ผ่าน LINE Official BAAC Family โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ธ.ก.ส. จัดประชุมมอบนโยบาย Bank Agenda ขับเคลื่อนภารกิจปีบัญชี 68 สู่ความสำเร็จ
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นประธานในการเปิดงานประชุมและมอบนโยบายการขับเคลื่อนภารกิจสู่ความสำเร็จ (Bank Agenda) ธ.ก.ส. ประจำปีบัญชี 2568


