ส.อ.ท. เผยยอดผลิตรถยนต์เดือนเม.ย. ลดลงเล็กน้อย แต่ยังทะลุ 1.17 แสนคัน

ส.อ.ท. เผยยอดผลิตรถยนต์เดือนเม.ย. ลด 0.13% แต่ยังแตะ 1.17 แสนคัน ตลาดส่งออกฟื้นดันยอดโต 43.53% เฉียด 8 หมื่นคัน พร้อมเผยยอดจดทะเบียนรถไฟฟ้า BEV บูม ขยายตัวทะลุ 320%

25 พ.ค. 2566 – นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนเม.ย. 2566 ว่าจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนเม.ย. 66 มีทั้งสิ้น 117,636 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.13% และลดลงจากเดือนก่อน 34.59% เพราะวันทำงานน้อยกว่า จากการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศที่ลดลง 11.31% แต่ผลิตเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้น 10.04% ขณะที่จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในช่วง 4 เดือน(ม.ค. – เม.ย.) มีจำนวนทั้งสิ้น 625,423 คัน และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.61%

ทั้งนี้แบ่งเป็นการผลิตเพื่อส่งออกผลิตได้ 67,907 คัน เท่ากับ 57.73% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.04% ส่วนในช่วง 4 เดือนผลิตเพื่อส่งออกได้ 356,037 คัน เท่ากับ 56.93% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ระยะเวลาเดียวกัน 11.40% ส่วนด้านผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศผลิตได้ 49,729 คัน เท่ากับ 42.27% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 11.31% และในช่วง 4 เดือน ผลิตได้ 269,386 คัน เท่ากับ 43.07% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.19%

นายสุรพงษ์ กล่าวว่ายอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนเม.ย. มีจำนวนทั้งสิ้น 59,530 คัน ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 25.53% และลดลงจากช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว 6.14% จากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน เนื่องจากหนี้ครัวเรือนอยู่ในอัตราสูงและอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้นเพิ่มขึ้นอีก และในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมารถยนต์มียอดขาย 276,603 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.11%

ขณะที่ด้านการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือน เม.ย. นี้ ส่งออกได้ 79,940 คัน ลดลงจากเดือนที่แล้ว 18.74% แต่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 43.53% เพราะผลิตรถยนต์นั่งและรถกระบะเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้น 21.06% และ 6.06% ตามลำดับ จากฐานต่ำของปีที่แล้วเนื่องจากขาดแคลนชิปจากสงครามยูเครนและการระบาดของโควิด-19 ในประเทศจีน ซึ่งเดือนเม.ย.จึงส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดเอเชีย ออสเตรเลีย ตะวันออกออกกลาง แอฟริกา และยุโรปมูลค่าการส่งออก 50,164.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 49.83% ซึ่งรวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนเม.ย. ที่รวมเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 65,482.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17.40%

นายสุรพงษ์ กล่าวถึงยอดยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนเม.ย. ว่ามีการจดทะเบียนใหม่มีจำนวน 5,181 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว 320.88% ส่วนยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV มีจดทะเบียนใหม่จำนวน 6,198 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนปีที่แล้ว 31.62% และยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 784 คัน ลดลงจากเดือนเมษายนปีที่แล้ว 6.33%