
ส.อ.ท.มึนความเชื่อมั่นเอกชนงวด พ.ค. ลด ติดกันเป็นเดือนที่ 2 เหตุปัจจัยสนับสนุนติดขัดทุกด้าน ทั้ง คาด 3 เดือนยังปรับลด จากผู้ประกอบการกังวลขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำของรัฐบาลใหม่ แนะภาครัฐออกมาตรการอุ้ม SME
15 มิ.ย. 2566 – นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนพ.ค. 2566 อยู่ที่ระดับ 92.5 ปรับตัวลดลงจาก 95.0 ในเดือนเม.ย. ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เมื่อพิจารณาองค์ประกอบของค่าดัชนีฯ พบว่าปรับตัวลดลงทุกองค์ประกอบ ทั้งดัชนีฯ คำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และผลประกอบการ ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยลบจากการส่งออกของไทยที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง จากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอน ส่งผลให้อุปสงค์จากประเทศคู่ค้าลดลง ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนยังคงผันผวน
นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังคงเผชิญกับปัญหาต้นทุนการผลิตที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะราคาพลังงาน ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่อยู่ในทิศทางขาขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้น ปัญหาหนี้ครัวเรือนทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการเมืองหลังเลือกตั้งที่ยังไม่แน่นอน และยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยเร็ว และยังคงมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว ทำให้ความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนส่งผลดีต่อภาคการส่งออก
สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 104.3 ปรับตัวลดลง จาก 105.0 ในเดือนเม.ย. เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำของรัฐบาลใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนประกอบการของผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะ SME รวมทั้งทำให้การลงทุนจากต่างประเทศลดลง ขณะที่ความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศและปัญหาภัยแล้งส่งผลต่อวัตถุดิบในอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร นอกจากนี้การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความผันผวนของเศรษฐกิจการเงินโลก ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทย
อย่างไรก็ตามภาคเอกชนได้มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ได้แก่ 1. ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปรับเพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการมีภาระหนี้เพิ่มขึ้นและความสามารถในการชำระหนี้ลดลง อาทิ สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพิ่มเสริมสภาพคล่อง การปรับโครงสร้างหนี้ การปรับเงื่อนไขการค้ำประกันสินเชื่อให้มีความยืดหยุ่นขึ้น 2. สนับสนุนให้ผู้ประกอบการใช้สิทธิประโยชน์สำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ฉบับต่างๆ เพิ่มขึ้น เพื่อสร้างแต้มต่อให้กับสินค้าไทยและช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออก และ3.เร่งให้มีการจัดตั้งคณะรัฐบาลใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'TIPMSE'หนุนเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วเป็นวัตถุดิบสร้างมูลค่า-ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม
‘TIPMSE’ รวมพลังรวมพลังขับเคลื่อน การจัดการบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน ด้วยหลัก EPRเ ปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้เป็นวัตถุดิบ ชู4กลยุทธ์ร่วมผลักดัน พัฒนากลไก EPR ระบบเก็บกลับ สร้างการมีส่วนร่วม และออกแบบเพื่อการรีไซเคิลตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนสร้างมูลค่าเพิ่ม
เชื่อมั่นอุตฯลดลง สอท.ชงตั้งวอร์รูม รับมือปธน.ทรัมป์
ส.อ.ท.ชี้ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ งวด ธ.ค.ลดลงจากการเร่งผลิตก่อนช่วงวันหยุด
'อิ๊งค์' คุย กกร. ชื่นมื่น! ปลื้มอวย 'พ่อนายกฯ' แก้เศรษฐกิจเก่งสุด
นายกฯ คุย ‘กกร.’ รับข้อเสนอแก้เศรษฐกิจ จับมือเอกชนหารายได้ใหม่เข้าประเทศ ด้าน ‘สนั่น’ เชื่อมั่นรัฐบาลอิ๊งค์ พร้อมช่วยดันจีดีพีโต ชมเปาะ 'ทักษิณ' เก่งสุด
เอกชนยังอุ่นใจ ได้รบ.พรรคเดิม สานต่อนโยบาย
ประธาน ส.อ.ท.เทียบ "ชัยเกษม-เเพทองธาร" เด่นคนละแบบ ชี้ "ชัยเกษม" มีความเก๋าทางการเมือง "แพทองธาร" เป็นคนรุ่นใหม่เข้าใจวัยรุ่น
'พีระพันธุ์' ยันเป็นรัฐมนตรีพลังงานแต่ปัญหาหมักหมมมาก่อนนั่งเก้าอี้!
'พีระพันธุ์' ย้อน 'ศุภโชติ' ยัน เป็น 'รมว.พลังงาน' มีหน้าที่กำหนดภาษี แต่คลังเป็นคนเก็บ เหตุกฎหมายกองทุนฯ ตัดอำนาจออก ต้นตอรัฐบาลติดหนี้กว่าห้าหมื่นล้าน ชี้เป็นปัญหาหมักหมมตั้งแต่ก่อนรับตำแหน่ง
ก้าวไกลดุ! ซัดปฏิญญาเขาใหญ่ถาม 'พีระพันธุ์' ทำงานรับใช้ใครแน่
'ศุภโชติ' จี้ 'รมว.พลังงาน' แก้ปัญาราคาน้ำมัน-ค่าไฟแพง แนะใช้ความกล้าคุยพรรคร่วมรัฐบาล ดึงงบกลางช่วยแฉแผนพลังงานชาติฉบับใหม่ส่อซ้ำรอยความผิดพลาด ยกปฏิญญาเขาใหญ่ ถาม'พีระพันธุ์' ทำงานรับใช้ใครแน่


