สศค. ออกโรงแจงรัฐบาล 'บิ๊กตู่' ใช้นโยบายกึ่งการคลังเยอะ ไม่กระทบฐานะภาครัฐ

“คลัง” ออกโรงแจงใช้นโยบายกึ่งการคลังไม่กระทบฐานะ ยันจัดสรรงบชดเชยค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง ยืนยันยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ การันตียึดมาตรา 28 ตาม พ.ร.บ.วินัยการคลังเข้ม

29 มิ.ย. 2566 – นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรณีที่มีการเสนอเกี่ยวกับความไม่โปร่งใสและภาระทางการคลังที่เพิ่มขึ้นจากการดำเนินนโยบายกึ่งการคลังในช่วงของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายกึ่งการคลัง ว่า ภาระทางการคลังที่เกิดจากการดำเนินนโยบายกึ่งการคลังเป็นการบันทึกรายการค่าใช้จ่ายที่ใช้ไปในการดำเนินโครงการนโยบายรัฐเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนเกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อย และประชาชนผู้มีรายได้น้อย ในกรณีที่มีความจำเป็นฉุกเฉินเร่งด่วน และหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องไม่ได้ขอตั้งงบประมาณรองรับไว้ล่วงหน้า โดยหลังจากที่ได้มีการดำเนินโครงการแล้ว หน่วยงานของรัฐจะเป็นผู้ยื่นคำขอรับจัดสรรงบประมาณโดยตรงกับสำนักงบประมาณต่อไป

นอกจากนี้ ทุกรัฐบาลที่ผ่านมามีการดำเนินนโยบายกึ่งการคลังมาโดยตลอด ซึ่งในปีงบประมาณ 2565 รัฐบาลมีความจำเป็นเร่งด่วนในการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนเกษตรกรในช่วงที่ราคาสินค้าการเกษตรตกต่ำ รวมถึงการเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการรายย่อยและลดภาระค่าครองชีพให้กับผู้มีรายได้น้อยในช่วงวิกฤตโควิด-19 โดยรัฐบาลได้มีการอนุมัติวงเงินโครงการเพื่อสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกร จำนวน 186,217 ล้านบาท ผู้ประกอบการรายย่อย จำนวน 16,764 ล้านบาท และประชาชนผู้มีรายได้น้อย จำนวน 7,059 ล้านบาท

ทั้งนี้ การดำเนินนโยบายกึ่งการคลังดังกล่าวเข้าข่ายเป็นกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการที่ต้องปฏิบัติตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 (พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯ) อย่างเคร่งครัด โดยจะกระทำได้เฉพาะกรณีที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของหน่วยงานของรัฐนั้น และต้องเป็นไปเพื่อ 1. ฟื้นฟูหรือกระตุ้นเศรษฐกิจ 2.เพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพหรือยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน หรือ 3. ช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยหรือการก่อวินาศกรรม

“นโยบายกึ่งการคลังเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการคลังที่ทุกรัฐบาลมีการดำเนินการมาโดยตลอด เนื่องจากสามารถช่วยให้รัฐบาลบริหารงานเพื่อให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนเกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อย และประชาชนผู้มีรายได้น้อย ในยามจำเป็นฉุกเฉินเร่งด่วนได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการรักษาวินัยการคลังอย่างเคร่งครัด โดยได้จัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้กับหน่วยงานของรัฐอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้การดำเนินนโยบายกึ่งการคลังเป็นภาระต่อหน่วยงานของรัฐมากจนเกินสมควร ส่งผลให้ยอดคงค้างฯ ในปัจจุบันจึงยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้” นายพรชัย กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง