สมาคมธนาคารไทยถก 'ธปท.' หาทางแก้โมบายแบงก์กิ้งล่ม!

“สมาคมแบงก์” ลุยถก “ธปท.” หาทางแก้ระบบโมบายแบงก์กิ้งล่ม จ่อสั่งแยกธุรกรรมพื้นฐาน-ธุรกรรมพิเศษ ขีดเส้นห้ามล่มรับวันหวยออก แจงพร้อมช่วยอุ้มลูกหนี้เรื้อรัง หวังแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนยั่งยืน รับข้อเสนอลดดอกเบี้ย 8-12% เป็นเครื่องมือหนึ่ง

6 ก.ค. 2566 – นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ปัญหาระบบโอนเงินของโมบายแบงก์กิ้งขัดข้อง หรือโอนเงินล่ม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดจากมีฮาร์ดแวร์ชำรุดในส่วนของธุรกรรมพื้นฐาน จนสลับไปใช้ในส่วนธุรกรรมพิเศษ ซึ่งเป็นช่วงที่มีธุรกรรมมาก ทำให้เกิดปัญหาติดขัด ระบบเกิดสะดุดลง ทำให้สมาคมธนาคารไทย, บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่ระหว่างเร่งหารือเพื่อจัดการปัญหาและวางแนวป้องกัน เช่น จัดการแยกข้อมูลธุรกรรมพื้นฐาน และธุรกรรมกิจกรรมพิเศษ เช่น วันหวยออก เป็นต้น ว่าจะจัดการอย่างไร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ระบบล่มอีก คาดอีก 1-2 เดือนจะได้ข้อสรุป

ทั้งนี้ ยืนยันว่าการรองรับธุรกรรมของระบบโอนเงินในปัจจุบันทำได้มากถึง 10,000 รายการต่อวินาที ซึ่งขณะนี้ยอดธุรกรรมสูงสุดมี 3,000 รายการต่อวินาทีเท่านั้น จึงไม่เป็นประเด็นและปัญหาในส่วนนี้ เพราะระบบสามารถรองรับได้ โดยวิธีหนึ่งที่หารือกัน คือ การแยกธุรกรรมจำเป็นพื้นฐานและธุรกรรมกิจกรรมพิเศษออกจากกัน ตรงนี้ถือเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เป็นการลงทุนใหม่ จึงต้องหารือกันต่อไปเพราะต้องเกิดความสมดุลและเป็นธรรมทุกภาคส่วน

“ที่โอนเงินล่มวันหยุดที่ผ่านมา เกิดจากเหมือนน้ำที่ค้างท่อต้องสับสวิชต์เอาคำสั่งน้ำค้างท่อที่มีปัญหาไปสู่ 2 ท่อที่รองรับได้ แต่ 2 ท่อก็มีปริมาณน้ำอยู่แล้ว และเมื่อมีท่อที่มีปัญหาเข้ามาเพิ่มทำให้จราจรติดขัด ปัญหาคือการผันกระแสน้ำท่อที่มีปัญหาไปสู่ 2 ท่อที่มีน้ำอยู่แล้วจะทำได้อย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา” นายผยง กล่าว

นายผยง กล่าวอีกว่า ในส่วนของหนี้ครัวเรือนนั้น คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) มองว่าการปรับนิยามหนี้ครัวเรือนและแนวทางแก้ไขหนี้ เป็นประโยชน์ต่อการวางแนวทางแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างรอบด้าน และการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนให้ยั่งยืน ต้องฟื้นฟูศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจ ยกระดับทักษะแรงงานและผลิตภาพแรงงาน นำไปสู่รายได้ที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่อยากให้รัฐบาลใหม่ร่วมหาแนวทางกับภาคเอกชน เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ทั้งแรงงาน ผู้ประกอบการ และรัฐบาล

ทั้งนี้ในระหว่างที่เศรษฐกิจฟื้นตัวไม่เต็มที่ ภาคการเงินยังต้องประคับประคองลูกหนี้กลุ่มเปราะบางต่อไป แม้จะมีต้นทุนต่อระบบบ้าง และมาตรการของ ธปท.ที่ออกมายังไม่ครอบคลุมอีก 30% ที่ไม่ได้อยู่ในระบบภายใต้การกำกับของ ธปท.
อย่างไรก็ตาม สมาคมธนาคารไทยจะร่วมกับ ธปท. หารือถึงเครื่องมือและแนวทางที่จะช่วยเหลือ แก้ไขหนี้อย่างไร ทุกอย่างต้องตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืน ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าเร็ว ๆ นี้จะสรุปออกมาเพิ่มเติม โดยสมาคมธนาคารไทยเห็นด้วยกับหลักการของ ธปท. ส่วนในรายละเอียดจะมาดูอีกครั้ง โดยเน้นความร่วมมือทุกภาคส่วน ลูกหนี้ต้องไม่ก่อหนี้เพิ่ม ลูกหนี้สร้างรายได้มากขึ้น และไม่ให้ลูกหนี้ที่ดีจงใจผิดนัดชำระ (Moral Hazard) เพื่อจะได้รับความช่วยเหลือ

“แนวทางลดดอกเบี้ย 8-12% ให้ลูกหนี้เรื้อรัง เป็นเครื่องมือหนึ่ง แต่ต้องทำให้ลูกหนี้มีรายได้เพิ่ม และให้มีรายได้ประคองชีพได้ การที่รายได้เข้ามาแต่ละเดือน นำไปลดเงินต้นอย่างเหมาะสมและจ่ายดอกเบี้ยบ้าง ไม่ให้เกิดหนี้แข็ง หนี้คงค้าง จนไม่สามารถลดภาระหนี้ได้ เรื่องนี้อยู่ระหว่างคุยกัน แต่ไม่ได้บอกว่าเกิน 4 ปีแล้วจะเป็นหนี้เรื้อรังหรือไม่ เพราะจะต้องแก้ก่อนเป็นหนี้เรื้อรัง โดยหวังว่ากลไกนี้จะช่วยแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนได้อย่างยั่งยืน” นายผยง กล่าว

นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า เร็ว ๆ นี้ ธปท.จะมีแนวทางแก้หนี้ครัวเรือนออกมาเพิ่มเติม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับสถาบันการเงินถึงแนวทางเพื่อให้มีความยั่งยืน ไม่ใช่แค่เรื่องดอกเบี้ยที่จะลด 8-12% ตามกระแสข่าวเท่านั้น แต่ต้องมีความรู้ความเข้าใจ และแนวทางอื่น ๆ เพื่อตอบโจทย์การแก้หนี้ทั้งหนี้เสีย หนี้เรื้อรัง แก้หนี้ใหม่ด้วย