'กนง.' คงดอกเบี้ย 2.50% ชี้ดิจิทัลวอลเล็ตดันจีดีพีปี 67 อย่างมากโตแค่ 3.8%

“กนง.” มติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ต่อปี พร้อมหั่นจีดีพีปีนี้เหลือ 2.4% ส่วนปี 2567 มองดิจิทัลวอลเล็ตดันเศรษฐกิจโตแค่ 3.8% แจงมาตรการมาช้ากว่าคาด-รูปแบบและปริมาณเงินเปลี่ยน

30 พ.ย. 2566 – นายปิติ ดิษยทัต เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ต่อปี โดยในการประชุมครั้งนี้ กรรมการ 1 ท่านลาประชุม ซึ่งประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในภาพรวมอยู่ในทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่อง แม้ภาคการส่งออกและการผลิตที่เกี่ยวข้องชะลอลง

ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ประเมินว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับปัจจุบันเหมาะสมกับบริบทที่เศรษฐกิจกำลังทยอยฟื้นตัวกลับสู่ระดับศักยภาพ เอื้อให้เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายอย่างยั่งยืน เสริมสร้างเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว และป้องกันการสะสมความไม่สมดุลทางการเงิน อีกทั้งช่วยรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงินในการรองรับความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้า จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้

นอกจากนี้ ยังได้มีการปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ลงเหลือ 2.4% จากคาดการณ์เดิมที่ 2.8% และปี 2567 กรณีไม่รวมผลของมาตรการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท จะขยายตัวที่ 3.2% และกรณีที่รวมผลของมาตรการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท จะขยายตัวที่ 3.8% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 4.4% โดยภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัว โดยได้รับแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวดีตามการใช้จ่ายในหมวดบริการ รวมทั้งแรงสนับสนุนจากการจ้างงานและรายได้แรงงานที่ปรับดีขึ้น

ขณะที่ภาคการส่งออกสินค้าและภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ส่วนหนึ่งจากเศรษฐกิจจีนและวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์โลกที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ในระยะต่อไปเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวสมดุลมากขึ้น ภายใต้บริบทที่ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่องและภาคการส่งออกสินค้ากลับมาขยายตัว แต่มีความเสี่ยงที่อาจไม่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเท่าที่คาดจากปัจจัยเชิงโครงสร้างที่เปลี่ยนแปลงไป

“ในปี 2567 คาดว่าส่งออกจะกลับมาเป็นแรงส่งควบคู่กับการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนก็ยังฟื้นตัวต่อไป ขณะที่ตัวเลขจีดีพี กรณีที่รวมผลของมาตรการดิจิทัลวอลเล็ต เหลือ 3.8% จากเดิมที่คาดจะโต 4.4% นั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเงื่อนเวลาที่มาช้ากว่าที่ตั้งสมมุติฐาน รวมถึงรูปแบบและปริมาณเม็ดเงินที่เปลี่ยนไป ขณะที่ปี 2568 มองว่าจีดีพีจะขยายตัวได้ราว 3% บวกลบ ซึ่งใกล้เคียงกับศักยภาพ” นายปิติ กล่าว

สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มอยู่ในกรอบเป้าหมาย โดยในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1.3% และ 2.0% ในปี 2567 โดยหากรวมผลของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2567 จะอยู่ที่ 2.2% ลดลงจาก 2.6% จากประมาณการครั้งก่อน ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ยังไม่รวมผลของมาตรการดิจิทัลวอลเล็ต ในปีนี้จะอยู่ที่ 1.3% และ 1.2 ในปี 2567 โดยยังต้องติดตามความเสี่ยงจากต้นทุนราคาอาหารที่อาจปรับสูงขึ้นจากปรากฏการณ์เอลนีโญ รวมถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่อาจส่งผลให้ราคาพลังงานโลกปรับสูงขึ้น

“แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยยังกลับมาไม่ครบ แต่ทิศทางการฟื้นตัวยังชัดเจน โดยแรงผลักดันหลัก ๆ ของการฟื้นตัวคือนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับเข้ามา แต่ต้องยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมานักท่องเที่ยวจีนมาน้อยกว่าที่คาดในระดับหนึ่ง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งในระยะยาวอาจมีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนอาจจะเข้ามาน้อยกว่า แต่ก็เชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาติอื่นเข้ามาทดแทนได้” นายปิติ กล่าว

สำหรับการดำเนินนโยบายการเงินในระยะต่อไปนั้น กนง. มองในหลายภาพแล้วทั้งเชิงบวกและเชิงลบ ซึ่งเห็นว่าระดับอัตราดอกเบี้ยที่ 2.50% น่าจะรองรับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ในระดับหนึ่ง และการชั่งน้ำหนักความเสี่ยงค่อนข้างสมดุล โดย ณ ตอนนี้ถ้าภาพเศรษฐกิจพื้นฐานยังเป็นไปอย่างที่มองไว้ แม้ว่าจะมีการปรับลดจีดีพีและเงินเฟ้อ แต่ในแง่แนวโน้มหลักไม่ได้เปลี่ยนไป แนวนโยบายการเงินที่ขึ้นมาถึงจุดนี้จึงถือว่ารองรับได้ในหลายสถานการณ์ ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจระยะข้าวหน้า ภาพรวมประเทศไทยถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่ง เพราะกระบวนการของการลดเงินเฟ้อเดินมาไกลเมื่อเทียบกับต่างประเทศที่เงินเฟ้อยังค้างอยู่ 4-5% เป็นเหตุผลที่ทำให้แนวนโยบายของ กนง. ไม่จำเป็นต้องกระชากไปแรงมาก และในอนาคตแง่การขยายตัวของเศรษฐกิจปีนี้อาจจะซอฟท์กว่าที่มองไว้ แต่ข้างหน้าการกลับมาของส่งออกจะเป็นสิ่งที่ดี และเงินเฟ้อที่แนวโน้มกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย จึงมองว่า วันนี้จุดยืนนโยบายการเงินเหมาะสมและเป็นอย่างนั้น

“การจะตีความว่าเศรษฐกิจไทยวิกฤติหรือไม่วิกฤติ อยากเรียนว่าปัจจุบันภาพเศรษฐกิจเป็นอย่างนี้จริง ๆ ส่วนคำถามเกี่ยวกับความจำเป็นของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ในการดำเนินนโยบายของ กนง. จะมองภาพระยะปานกลาง ดังนั้นอะไรที่มาในระยะไม่ได้อยู่ยั่งยืน มากระตุ้นพวก พวกนี้ถือว่ายังสามารถรองรับด้วยนโยบายปัจจุบันได้ ซึ่งหากมอง ณ ตอนนี้จากข้อมูลที่มีชัดเจน นโยบายปัจจุบันยังรองรับความเสี่ยงได้ และเป็นความเสี่ยงที่ กนง. ได้นำมาพิจารณาในเฮดไลน์อยู่แล้ว” นายปิติ กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'แม้ว' ปัดมี 'ดีลลับ' อ้างพระบรมราชโองการจะอยู่เฉยไม่ถูกต้อง โอด 'อิ๊งค์' โดนพักงานเรื่องเฮงซวย

'พ่อนายกฯ' ลั่นไม่มีเปลี่ยนตัวนายกฯ ต้องทำงานต่อเนื่อง โอด “อิ๊งค์”โดนพักงานด้วยเรื่องเฮงซวย พร้อมขออาสาเป็นเสมียนประเทศ รับปัญหาการเมืองหนักกว่าเศรษฐกิจ เพราะทำนายไม่ได้ ยันกลับบ้านไม่มี 'ดีลลับ' ส่วนลูกสาวถ้าอาสาทำงานแล้ว เขาไม่ให้ทำก็กลับไปเลี้ยงลูก อ้างพระบรมราชโองการลดโทษให้ ต้องรับใส่เกล้าฯ แล้วจะอยู่เฉยโดยไม่สนใจปัญหาบ้านเมืองถือว่าไม่ถูกต้อง รับ กลัวความเสี่ยงเสถียรภาพทางการเมืองที่สุด อ้างเศรษฐกิจแย่มานานจะแก้ข้ามคืนยาก ต้องอาศัยความร่วมมือ วิธีคิดไม่ตันแน่ โปรยยาหอม วันนี้ต้องเอาความหวังกลับให้คนไทย

นายกฯ ยังไม่เห็นหนังสือ ป.ป.ช. รับไต่สวน โยกงบ 68 มาแจกเงินหมื่น เสี่ยงผิดรธน.

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับไต่สวนกรณีการโยกงบประมาณปี 2568 มาทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต อาจผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 นายกฯทราบเรื่องแล้วหรือยังว่า