เทรดวอร์กระทบ ‘จีน’ สะดุดเสียแชมป์แหล่งนำเข้าเบอร์ 1 ของสหรัฐฯ

23 ก.พ. 2567 – นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค.ได้ติดตามประเด็นความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ พบว่า ส่งผลต่อการค้าโลก โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีน ตั้งแต่สงครามการค้า สงครามเทคโนโลยี ไปจนถึงความพยายามในการแบ่งแยกห่วงโซ่อุปทาน และสถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครนที่เป็นตัวเร่งการแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจการค้าให้ชัดเจนขึ้น โดยในปี 2566 ทำให้จีนเสียตำแหน่งแหล่งนำเข้าอันดับ 1 ต่อเนื่อง 14 ปี ในตลาดสหรัฐฯ ให้แก่เม็กซิโก โดยส่วนแบ่งตลาดของจีนในตลาดสหรัฐฯ ลดลงถึง 7.7% ในช่วงการเกิดสงครามการค้า (ปี 2560-66) ในขณะที่ยังครองตำแหน่งแหล่งนำเข้าอันดับ 1 ในตลาดสหภาพยุโรปต่อเนื่อง 17 ปี แต่สัดส่วนของสินค้าจีนในตลาดสหภาพยุโรปลดลง 2% เหลือเพียง 20.4% จากระดับสูงสุดที่ 22.4% ในปี 2563 สำหรับสินค้าสหรัฐฯ ในตลาดจีน สัดส่วนลดลงถึง 1.9% ในช่วงการเกิดสงครามการค้า

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณารายละเอียดเจาะลึกเป็นรายตลาดตั้งแต่เกิดสงครามการค้า พบว่า ในตลาดสหรัฐฯ มูลค่าการนำเข้าจากจีนลดลงเฉลี่ย 2.8% และสัดส่วนสินค้าลดลง 7.7% จากระดับ 21.6% ในปี 2560 มาอยู่ที่ 13.9% (มีมูลค่า 427,229 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในปี 2566 ขณะที่มีการนำเข้าสินค้าจากภายในภูมิภาคอเมริกาเหนือเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยขยายตัวเฉลี่ย 6.6% ต่อปี ในช่วงปี 2560-2566 โดยมูลค่านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาขยายตัวเฉลี่ย 7.2% และ 5.9% ตามลำดับ อีกทั้งสัดส่วนสินค้าจากเม็กซิโกเพิ่มขึ้น 2.1% แตะระดับ 15.4% (มีมูลค่า 475,607 ล้านเหรียญสหรัฐ) และสัดส่วนสินค้าจากแคนาดาเพิ่มขึ้น 0.9% ที่ระดับ 13.7% (มีมูลค่า 421,096 ล้านเหรียญสหรัฐ) และยังมีการนำเข้าสินค้าจากอาเซียนเพิ่มขึ้น ได้แก่ เวียดนาม สิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ขยายตัวเฉลี่ย 16.2% 13.0% 10.4% 4.8% และ 3.6% ตามลำดับ 

สำหรับตลาดจีน แม้การนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ สูงกว่าก่อนเกิดสงครามการค้า แต่อัตราการขยายตัวเฉลี่ยต่ำที่ระดับ 1.8% โดยมูลค่าการนำเข้าเฉลี่ยของจีนในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 6.2% และส่วนแบ่งตลาดของสหรัฐฯ ลดลง 1.9% มาอยู่ที่ระดับ 6.5% (มีมูลค่า 166,085 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในปี 2566 ขณะที่มีการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นจากสวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รัสเซีย แคนาดา และบราซิล โดยขยายตัวเฉลี่ย 33.1% 21.7% 20.9% 14.3% และ 13.2% และยังมีการนำเข้าสินค้าจากอาเซียนเพิ่มขึ้น ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย ไทย และสิงคโปร์ โดยขยายตัวเฉลี่ย 17.4% 14.8% 11.2% 3.4% และ 1.1% ตามลำดับ

ส่วนตลาดสหภาพยุโรป แม้จะไม่เห็นผลกระทบจากสงครามการค้าอย่างชัดเจน แต่พบว่าได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งในยูเครน โดยสัดส่วนการนำเข้าจากรัสเซียลดลง 5.1% จากระดับ 6.9% ในปี 2564 มาอยู่ที่ 1.8% (มีมูลค่า 47,998 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในปี 2566 อีกทั้งสัดส่วนการนำเข้าจากจีนลดลง 1.8% มาอยู่ที่ระดับ 20.4% ในช่วงเวลาเดียวกัน (มีมูลค่า 555,426 ล้านเหรียญสหรัฐ) ขณะที่สัดส่วนการนำเข้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 2.6% มาอยู่ที่ระดับ 13.5% (มีมูลค่า 366,392 ล้านเหรียญสหรัฐ)

ขณะที่ไทย ถือเป็นประเทศหนึ่งที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จากการขยายตัวของการส่งออก ทั้งในตลาดสหรัฐฯ และจีน รวมถึงการขยายตัวของสินค้าเกษตรและอาหารตามมาตรการรักษาความมั่นคงทางอาหารของประเทศคู่ค้า โดยในปี 2566 แม้มูลค่าการนำเข้าในตลาดส่งออกหลักของไทยอย่างสหรัฐฯ จีน สหภาพยุโรป คิดเป็นสัดส่วนราว 37% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยในปี 2566 จะหดตัวที่ 4.9% 5.6% และ 14% ตามลำดับ แต่ภาพรวมหลายสินค้าของไทย สามารถส่งออกไปทดแทนสินค้าของสหรัฐฯ และจีน ที่มีปัญหาระหว่างกันได้เพิ่มขึ้น

“จากนี้ยังคงต้องติดตามความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานโลกและต้นทุนสินค้า โดยเฉพาะความตึงเครียดในทะเลแดงที่ยังไม่มีท่าทีจะจบลง ทำให้ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออก นำเข้า ของไทยอย่างไร รวมถึงดำเนินการเชิงรุกในการรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น โดย สนค. ได้ติดตามสถานการณ์ความไม่สงบอิสราเอล-ปาเลสไตน์ อย่างใกล้ชิดในทุกวัน และยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ ผลกระทบจากภัยแล้งในหลายพื้นที่ทั่วโลก และเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการค้าไทยในระยะข้างหน้า”นายพูนพงษ์ กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'พาณิชย์' ชี้เป้าส่งออกอาหารเสริมเจาะตลาดสหรัฐฯ

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ชี้เป้าส่งออกอาหารเสริมเจาะตลาดผู้บริโภคสหรัฐฯ เน้นกลุ่มคนรักสุขภาพ และคนออกกำลังกาย เน้นสินค้าที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพ ขายส่วนผสมจากสมุนไพรไทย มั่นใจมีโอกาสเติบโต

'ภูมิธรรม' รับลูก 'เศรษฐา' ดึงเจ้าสัวช่วยซื้อผลผลิตทางการเกษตรไปจำหน่าย

“ภูมิธรรม”รับลูก “เศรษฐา” ดึงเจ้าสัว ปตท. ซีพี ไทยเบฟ ห้าง ปั๊มน้ำมัน ช่วยซื้อผลผลิตทางการเกษตรไปจำหน่ายหรือนำไปทำตลาด เพื่อดูแลเกษตรกร 

'บิ๊กต่อ' สั่งนครบาลสอบด่วน! ป้ายซื้อขายพาสปอร์ต ผิดจริงฟันแน่

'ผบ.ตร.' สั่งตรวจสอบที่มาของป้ายโฆษณาภาษาจีน รับทำหนังสือเดินทาง-ขอสัญชาติต่างๆ กำชับ สตม. ตรวจสอบ คัดกรองคนต่างด้าว เจอกระทำผิดฟันตามกฎหมายทุกมิติ

กรมอุตุฯ ประกาศฉบับ 5 อัปเดตเส้นทางพายุโซนร้อน 'พระพิรุณ'

นางสาวกรรวี สิทธิชีวภาค อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุ “พระพิรุณ” ฉบับที่ 5 (145/2567) โดยมีใจความว่า

กรมอุตุฯ ประกาศฉ.4 พายุพระพิรุณขึ้นฝั่งจีนตอนใต้ 21-23 ก.ค. ไม่ส่งผลกระทบไทย

พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ