25 มิ.ย. 2567 – นายโสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด พูดถึงประเด็นที่คนกำลังให้ความสนใจ จากกรณีรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย เตรียมแก้กฎหมายการถือครองอสังหาริมทรัพย์ ประเภทอาคารชุดของต่างด้าวจากเดิม 49% เป็น 75% และการเช่าที่ดินขยายเวลาจาก 50 ปี เป็น 99 ปี
ล่าสุด โสภณ จึงทำหนังสือส่งไปถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย โดยมีเนื้อหาว่า
- การให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี นั้น มากเกินความจำเป็น ในกรณีประเทศจีน กัมพูชา เมียนมา และเวียดนาม ก็ให้เช่าต่างชาติเช่าเพียง 50 ปี (ยกเว้นในเขตเศรษฐกิจพิเศษในเวียดนามได้ถึง 70 ปี) ลาวและอินโดนีเซียให้เช่าเพียง 30 ปี ในสิงคโปร์ที่ใช้ระบบอังกฤษให้เช่า 99 และ 999 ปีนั้น ในทางปฏิบัติปัจจุบันให้เช่าไม่เกิน 60 ปี
- แม้ว่ามีบางฝ่ายอ้างว่ามีอาคารชุดบางแห่งในเขตใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ จะมีต่างชาติซื้อห้องชุดถึง 49% แล้ว แต่รัฐบาลไม่ควรออกมาตรการไปเอื้อประโยชน์แก่เฉพาะโครงการเหล่านั้น ยังมีโครงการอื่นใกล้เคียงที่ยังมีห้องชุดว่างให้ต่างชาติซื้ออีกจำนวนมาก
3.ในต่างประเทศ การให้ต่างชาติถือครองห้องชุดก็กำหนดไว้ต่ำ เช่น เวียดนาม 30% อินโดนีเซีย 49% มาเลเซีย 50% เป็นต้น - ผลการสำรวจ ณ สิ้นปี 66 ของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทยพบว่า ต่างชาติซื้อห้องชุดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 5,036 หน่วย (10.2% ของหน่วยที่ขายได้ทั้งหมด) รวมมูลค่า 31,601 ล้านบาท
จากข้อมูลข้างต้น จึงแสดงชัดเจนว่ามาตรการที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเสนอ ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง และอาจก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา เช่น ปัญหาคนต่างชาติสีเทา การฟอกเงิน อาชญากรรม ปัญหาการครอบงำทางเศรษฐกิจ และปัญหาความมั่นคงของชาติ
นายโสภณ จึงมีข้อเสนอไปยังรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านอสังหาริมทรัพย์โดยการเก็บภาษี ซึ่งจะทำให้ประเทศมีรายได้นับแสนล้านบาทต่อปี โดยเก็บภาษีกับคนต่างชาติ เช่นเดียวกันที่คนไทยไปซื้อบ้านในต่างประเทศ เช่น - เก็บภาษีซื้อ 10% โดยในยุโรป ฮ่องกง และสิงคโปร์ เก็บประมาณ 20% 30% และ 60% ตามลำดับ
- ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยคิด 1% ตามราคาตลาด (1-3%ในสหรัฐอเมริกา)
- เก็บภาษีกำไรจากการขายต่อประมาณ 20% ของราคาตลาด (เช่นในสหรัฐอเมริกา)
- เก็บภาษีมรดกประมาณ 10% ของกองมรดก (20-50% ในต่างประเทศ)
ชาวต่างชาติยินดีที่จะจ่ายภาษีเพื่อความมั่นคงในการอยู่อาศัย ไม่ต้องทำตัวเป็น “สีเทา/ดำ” หรืออาจถูกโกง ยิ่งกว่านั้นการเช่าบ้าน/ห้องชุด/ที่ดินแบบ 30 ปี + 30 ปี + 30 ปี ยังเป็นสิ่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และผู้เกี่ยวข้องคือชาวต่างชาติจะมีความผิดทางอาญาด้วย หากรัฐบาลกระทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ชาวต่างชาติย่อมยินดีและสนใจมาอยู่อาศัยในไทยมากขึ้น
นอกจากนี้ รัฐบาลยังควรกำหนดมาตรการเพิ่มเติม เช่น 1. การกำหนดราคาขั้นต่ำที่จะให้ต่างชาติซื้อ เช่น กำหนดไว้ในราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป โดยในมาเลเซียกำหนดไว้ประมาณ 16 ล้านบาท อินโดนีเซียประมาณ 10 ล้านบาท เพื่อจะได้ไม่มาแย่งคนไทยโดยเฉพาะประชาชนผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลางซื้อ - กำหนดให้ชาวต่างชาติที่ซื้อบ้านหรือห้องชุดในไทย จะขายต่อได้ก็ต่อเมื่อผ่านไปเกิน 3 ปีแล้ว เพื่อป้องกันการเก็งกำไร
- การกำหนดให้ชาวต่างชาติสามารถกู้เงินซื้อบ้านจากสถาบันการเงินในไทยได้เพื่อให้ต่างชาติสะดวกในการซื้อมากขึ้น แต่อนุญาตให้กู้ได้ไม่เกิน 50% ของราคาตลาดเพื่อกระตุ้นการเงินในประเทศและป้องกันผลประโยชน์ของสถาบันการเงินและผู้ถือหุ้นที่ปล่อยกู้
สำหรับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายก่อนหน้านี้ เช่น 1. การใช้บริษัทนอมินีซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ 2.การปล่อยเช่าโดยมิชอบ เช่น ให้เช่า 30 ปี + 30 ปี + 30 ปี 3. การที่ห้องชุดบางส่วนซื้อขายเกินกว่า 49% ของจำนวนหน่วยทั้งหมด (ถ้ามี) รัฐบาลอาจนิรโทษกรรมโดยให้เสียภาษีให้ถูกต้องตามข้างต้น นำความโปร่งใสกลับคืนมา ยิ่งกว่านั้นรัฐบาลควรดำเนินการตรวจสอบและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด หาไม่จะมีชาวต่างชาติสีเทาหรือสีดำเข้ามาเป็นจำนวนมาก และจะเป็นปัญหาใหญ่แก่ประเทศชาติในระยะยาว
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ 14 มิ.ย.67 ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย ได้นำเสนอผลการสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ จ.ภูเก็ต ไตรมาส 1/67 โดยดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 37 เฉพาะโครงการรีสอร์ทตากอากาศและวิลล่าตากอากาศ มีรวมกันถึง 282 โครงการ รวม 30,360 หน่วย มีมูลค่าทั้งหมดถึง 325,093 ล้านบาท ถ้าหากสมมติขายได้ 100,000 ล้านบาท จะมีรายได้เข้าประเทศดังนี้
- ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยคิด 1% ตามราคาตลาด เช่น ที่ชาวต่างชาติต้องเสียในประเทศของตนเอง ก็จะได้เงินภาษีถึงปีละ 1,000 ล้านบาทต่อปี
- หากปีหนึ่งๆ มีการขายต่อโดยได้กำไรจากการขายต่อประมาณ 10% ของมูลค่า คือ 10,000 ล้านบาท และต้องเสียภาษีกำไร 20% เช่นในนานาอารยประเทศ ก็จะได้ภาษีอีกประมาณ 2,000 ล้านบาท
- หากมีการโอนมรดก โดยสมมติให้ปีหนึ่งมีการโอนมรดก 5% ของมูลค่า คือ 5,000 ล้านบาท และเก็บภาษีมรดกประมาณ 10% ของกองมรดก ก็จะได้เงินภาษีอีก 500 ล้านบาท
- ยิ่งหากเรามีการเก็บภาษีซื้อจากชาวต่างชาติ เช่น ที่หลายประเทศจัดเก็บ เช่น สมมติที่ 10% ก็เท่ากับเราจะมีภาษีจากชาวต่างชาติที่มาซื้ออสังหาริมทรัพย์อีกปีละ 10,000 ล้านบาท
รวมแล้วในแต่ละปี ประเทศไทยควรจะเก็บภาษีได้ 13,500 ล้านบาท เฉพาะภูเก็ตจังหวัดเดียว หากสมมติว่ารวมทั่วประเทศ โดยภูเก็ตเป็นเพียง 10% ของทั้งหมด เท่ากับว่าไทยจะได้ภาษีจากการถือครองอสังหาริมทรัพย์ของคนต่างชาติประมาณ 135,000 ล้านบาทต่อปี ยิ่งหากมีการนิรโทษกรรมแก่การซื้อขายสีเทาให้โปร่งใส ก็คงจะได้เม็ดเงินมาพัฒนาประเทศอีกเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พาณิชย์ขึ้นทะเบียน 'ทุเรียนบางนรา' สินค้า GI ตัวใหม่
“พาณิชย์” เดินหน้าสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI)“ทุเรียนบางนรา” ของจังหวัดนราธิวาส เนื้อละเอียด รสชาติหวานมันกลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย จนเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
โจรออนไลน์อ้างหน่วยงานรัฐ สูญเงินกว่า 1 ล้านบาท
AOC 1441 เตือนภัย “โจรออนไลน์” อ้างหน่วยงานรัฐ ข่มขู่-ติดตั้งแอปดูดเงิน-หลอกลงทุน สูญเงินกว่า 1 ล้านบาท
เกษตรกรเฮ! ธ.ก.ส. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ สูงสุด 0.25%
ธ.ก.ส. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ สูงสุดร้อยละ 0.25 พร้อมตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ส่งเสริมวินัยการออม
ราคาทองคำทำสถิติใหม่บาทละ 43,750
เมื่อวันจันทร์ที่ 21 ต.ค. ที่ผ่านมา ราคาทองสปอต (Spot gold) พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดรอบใหม่ที่ 2,740.37 ดอลลาร์/ออนซ์ ก่อนจะย่อตัวลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 2,723.25 ดอลลาร์/ออนซ์
Lalamove เผยยอดส่งข้ามจังหวัดเติบโต 40%
บริษัท ลาลามูฟ อีซี่แวน (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Lalamove แอปพลิเคชันขนส่งออนดีมานด์ บริการเรียกรถส่งของด่วนทันทีด้วยตัวเลือกรถมากกว่า 8 ประเภท เดินหน้าส่งมอบบริการ “ส่งด่วนข้ามจังหวัด ส่งกับ Lalamove” ตอบรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของการขนส่งด่วนข้ามจังหวัด ช่วยสนับสนุนธุรกิจ SMEs ให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนโดยไม่ต้องแบกรับต้นทุนสูง อย่างค่าพาหนะและทีมงานขนส่งของตัวเอง พร้อมมุ่งเน้นการสร้างโอกาสในการเติบโตให้แก่คนขับรถอิสระที่เป็นพาร์ทเนอร์
จับตา 22 ต.ค.นี้ชง ครม. เคาะตั้งประธานบอร์ด รฟม.
“คมนาคม” ชง ครม. เคาะตั้ง “มนตรี เดชาสกุลสม” นั่งเก้าอี้ประธานบอร์ด รฟม. พร้อมกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีก 4 ราย เดินหน้าต่ออายุมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาท ขณะที่ “รฟม.” พร้อมชงบอร์ดชุดใหม่อนุมัติขยายสีม่วง 20 บาทต่ออีก 1 ปีทันที