PEAแจงยิบขายไฟ 'เมียนมา' เป็นไปตามมติครม. สัญญาระหว่างรัฐ 

PEAแจงยิบขายไฟ ‘เมียนมา’ เป็นไปตามมติครม. สัญญาระหว่างรัฐ  ยันไม่มีสิทธิ์เข้าตรวจสอบลูกค้าได้ต้องอาศัยผู้มีอำนาจด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ พร้อมระบุรายได้จากการขายไฟเพียง 800 ล้านบาทต่อปี จากรายได้จากการขายไฟทั้งหมด 6แสนล้าน

29 ม.ค. 2568 – นายประดิษฐ์ เฟื่องฟู รองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในฐานะโฆษกการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค  เปิดเผยถึงกรณีการขายไฟฟ้าให้กับเมียนมาว่า  เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี ปี 2539 เห็นชอบหลักการให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ขายไฟฟ้าให้ประเทศเพื่อนบ้านในบริเวณหมู่บ้านที่ใกล้กับเขตชายแดนของประเทศไทย โดยไม่ต้องขออนุมัติในระดับนโยบายอีก ทั้งนี้ให้นำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเพื่อทราบ ยกเว้นมีประเด็นนโยบาย ที่สำคัญให้เสนอพิจารณา

พร้อมทั้ง ชี้แจงว่าปัจจุบันจ่ายกระแสไฟฟ้าให้สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา จำนวน 5 จุด ในพื้นที่ ประกอบด้วย

1. บ้านเจดีย์สามองค์ – เมืองพญาตองซู รัฐมอญ บริษัท Mya Pan Investment and Manufacturing Company Limited ผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

2. บ้านเหมืองแดง – เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) ผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

3. สะพานมิตรภาพไทย – พม่า – เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) จำกัด ผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

4. สะพานมิตรภาพไทย – พม่า แห่งที่ 2 อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง บริษัท Nyi Naung Oo Company Limited และ Enova Grid Enterprise (Myanmar) Company Limited ผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

5. บ้านห้วยม่วง – อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง มีบริษัท Shwe Myint Thaung Yinn Industry & Manufacturing Company Limited (SMTY) ผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

ทั้งนี้ การจ่ายไฟฟ้าในจุดซื้อขายไฟฟ้าไปยังสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา คู่สัญญาทุกจุดซื้อขายไฟฟ้าเป็นผู้ได้รับสิทธิสัมปทานการซื้อขายไฟฟ้าจากรัฐบาลของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยผ่านการรับรองความถูกต้องและความน่าเชื่อถือด้านเอกสารจากกระทรวงการต่างประเทศ และ PEA ประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงของไทยในพื้นที่ก่อนจำหน่ายไฟฟ้าไปยังสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

อย่างไรก็ตาม กรณีการงดจ่ายไฟฟ้าหรือบอกเลิกสัญญา มี 2 กรณี ได้แก่1. คู่สัญญาดำเนินการผิดสัญญา เช่น ไม่ชำระค่าไฟฟ้าตามกำหนด หรือไม่วางหลักประกันสัญญา และ 2. กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ

              ทั้งนี้ PEA จำเป็นต้องมีหนังสือเป็นทางการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานความมั่นคง กระทรวงการต่างประเทศ ก่อนการดำเนินการบังคับใช้ข้อสัญญาดังกล่าว ซึ่งเป็นกระบวนการเดียวกัน กับการเริ่มทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า หากเป็นในเรื่องนโยบาย PEA จำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี

              สำหรับในปี 2566 สถานเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทย ขอให้กระทรวง การต่างประเทศของไทยแจ้ง PEA ดำเนินการระงับการจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่ 2 จุดที่บ้านวังผา อ.แม่ระมาด – บ.ก๊กโก๋ อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง และบ้านแม่กุใหม่ท่าซุง – อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง  ส่วนอีก 1 จุด ปี 2567 ในพื้นที่ อ.เชียงแสน – เมืองพงษ์ จ.ท่าขี้เหล็ก คู่สัญญาผิดนัดชำระค่าไฟฟ้า ทำให้ PEA ยกเลิกจุดซื้อขายไฟฟ้าทั้ง 3 จุดดังกล่าวแล้ว

              “การตรวจสอบว่ามีการกระทำใดที่มีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของ ประเทศไทยนั้น PEA ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบกรณีดังกล่าวในประเทศของคู่สัญญาได้ จึงต้องอาศัยหน่วยงานภาครัฐที่มีอำนาจประสานงานในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว และแจ้ง PEA เพื่อดำเนินการต่อไป” นายประดิษฐ์ กล่าว

              นอกจากนี้ PEA จัดทำหนังสือเป็นทางการผ่านกระทรวงการต่างประเทศไปยังหน่วยงานของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อขอให้กำกับดูแลและควบคุมการจ่ายไฟฟ้าให้เป็นไปตามสิทธิสัมปทาน ณ จุดซื้อขายไฟฟ้า หากหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศไทยตรวจสอบและพิจารณาว่าการจ่ายไฟฟ้าส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศไทย และ แจ้งให้ PEA ดำเนินการงดจำหน่ายไฟฟ้าตามขั้นตอนต่อไป

              ด้าน นายประสิทธิ์ จันทร์ประสิทธิ์ รองผู้ว่าการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กล่าวเสริมว่า การระงับจ่ายไฟให้กับประเทศเมียนมาใน 2 จุด ก่อนหน้านี้ เป็นการขอความร่วมมือมาจากรัฐบาลเมียนมา ไม่ได้เป็นผลมาจากการตรวจสอบของฝั่งไทย ดังนั้นทางการฝ่ายนั้นยังไม่เคยที่จะระงับไฟ ด้วยเหตุผลภัยความมั่นคงของประเทศ ส่วนประเด็นที่หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ผลประโยชน์จากการขายไฟให้กับประเทศเพื่อนบ้านนั้น  ยืนยันว่า การขายไฟให้กับประเทศเมียนมา ไม่ได้มีมูลค่ามากอย่างที่คิด ตัวอย่างเช่นการขายไฟให้ช่วงจังหวัดท่าขี้เหล็กใน 2 จุดเป็นเงินราวๆ 50-60 ล้านบาท ต่อเดือน ถ้าเทียบแล้ว คล้ายๆ กับการขายไฟให้กับฟิวเจอร์พาร์ครังสิตเท่านั้น

              ส่วนการขายไฟฟ้า ให้กับประเทศเมียนมาทั้ง 5 จุดนั้น มีมูลค่าประมาณ 800 ล้านบาทต่อปี ซึ่งถ้าเทียบกับการจ่ายไฟฟ้าในไทยที่มีมูลค่า 6 แสนล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็น0.12 %ต่อปี  อย่างไรกก็ตามการขายไฟฟ้าให้กับประเทศเพื่อนบ้านนั้น ในสัญญาจะมีการต่อสัญญาทุกๆ 5 ปี ซึ่งในระหว่างที่กระทำการต่อสัญญา ก็สามารถที่จะปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงสัญญา ให้เข้ากับสถานการณ์ได้ ซึ่งล่าสุด กฟภ.เตรียมทำสัญญาการซื้อขายฉบับใหม่ โดยในสัญญาจะต้องให้ผู้ซื้อชี้แจงในรายละเอียดว่า จะนำไฟฟ้าที่ซื้อจาก การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ไปจำหน่ายต่อให้ใคร หรือองค์กรใดด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของอัยการ

              นายประสิทธิ์ กล่าวว่าหลังจากนี้ PEA จะเชิญหน่วยงานด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาหารือกันเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพื่อเป็นการเร่งรัดหาข้อสรุปในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ได้อย่างเร็ว รอบคอบ และมีประสิทธิภาพที่สุดเบื้องต้นได้มีการนัดหารือกันในวันที่ 4 หรือ 6 ก.พ.68 ที่จะถึงนี้ แต่ก็ไม่ยืนยันว่า จะได้ข้อสรุปหรือไม่ขึ้นอยู่กับ ข้อมูลและหลักฐานของแต่ละหน่วยงาน

เพิ่มเพื่อน