
กสิกรไทย โดย K WEALTH แนะวิธียื่นภาษีสำหรับนักลงทุนคริปโทฯ หลังสรรพากรประกาศแนวปฏิบัติยกเว้นหักภาษี ณ ที่จ่าย และให้รวมผลกำไร-ขายทุนในปีภาษีเดียวกัน สำหรับใช้คิดเงินได้เพื่อคำนวณภาษี ด้วยการทำบัญชีกำไร/ขาดทุนในการซื้อขาย (เทรด) การ Stake เหรียญ และทำบัญชีต้นทุนในการขุดเหรียญให้ละเอียดชัดเจน เพื่อใช้คิดเงินได้รวมกับรายได้อื่นๆ สำหรับยื่นภาษีประจำปี
3 ก.พ. 2565 – นายวีระพล บดีรัฐ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า และ K WEALTH GURU ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่าภาษีคริปโทฯ ยังคงเป็นประเด็นที่นักลงทุนให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด เพราะมีจำนวนนักลงทุนในตลาดคริปโทเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า ในเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมามีจำนวนบัญชีผู้ลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลสูงถึง 1,979,847 บัญชี เพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปีที่มีจำนวนบัญชีเพียงหลักหมื่น ล่าสุด กรมสรรพากรได้ประกาศแนวปฏิบัติที่ชัดเจนมากขึ้นในหลายประเด็น สามารถสรุปได้ดังนี้
1.ยกเว้นการหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% เนื่องจากปัจจุบันการซื้อขายคริปโทผ่าน Exchange Platform ยังไม่สามารถระบุตัวตนของผู้รับเงิน และไม่ทราบจำนวนเงินได้ที่ต้องหัก จึงเป็นเรื่องยากที่จะตรวจสอบความถูกต้อง และหักภาษีได้ถูกฝาถูกตัว ทำให้ไม่จำเป็นต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้
2.สามารถนำผลขาดทุนมาหักลบกำไรในปีภาษีเดียวกันได้ เพื่อใช้คิดเงินได้ในการคำนวณภาษี จากแต่เดิมที่ให้คิดเฉพาะรายการที่ได้กำไร ซึ่งได้รับเสียงวิจารณ์อย่างมากถึงความไม่เป็นธรรมสำหรับนักลงทุน
3.วิธีการคิดต้นทุน สามารถทำได้ 2 วิธี คือ 1) คิดด้วยวิธี “เข้าก่อน-ออกก่อน” (First in, First out หรือที่เรียกว่า FIFO) และ 2) วิธีต้นทุนถัวเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average Cost) ยกตัวอย่างเช่น วันที่ 1 ก.พ. ซื้อคริปโท A จำนวน 1 เหรียญในราคา 10,000 บาท/เหรียญคริปโท ต่อมาในวันที่ 3 ก.พ. ซื้อเพิ่มอีก 1 เหรียญในราคา 12,000 บาท ถ้าใช้วิธี “เข้าก่อน-ออกก่อน” (FIFO) ในการคิดต้นทุนเมื่อจะขายออก 1 เหรียญ จะใช้ราคาของเหรียญที่ซื้อเข้ามาก่อน นั่นคือ 10,000 บาท แต่ถ้าใช้วิธีต้นทุนถัวเฉลี่ยเคลื่อนที่ ทั้งสองเหรียญจะมีต้นทุนเฉลี่ย 11,000 บาท คือนำราคาซื้อทั้งหมดมารวมกันหารด้วยจำนวนเหรียญ
4.การวัดมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัล ให้วัด ณ เวลาที่ได้มา หรือราคาถัวเฉลี่ย
นอกจาก 4 ประเด็นนี้ กรมสรรพากรได้พูดถึงความเป็นไปได้ในการแก้ไขกฏหมายที่เกี่ยวข้องในอนาคต เช่น การให้เจ้าของ Exchange Platform เป็นผู้ดูแลในการหักและนำส่งภาษี ณ ที่จ่ายกับสรรพากร เนื่องจากอาจเกิดความผิดพลาดได้ในกรณีที่นักลงทุนมีปริมาณการซื้อขายหลายรายการในหนึ่งปี และการเปลี่ยนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีลักษณะเป็นหลักทรัพย์ ซึ่งภาษีธุรกิจเฉพาะเป็นภาษีทางอ้อมที่เรียกเก็บจากผู้ซื้อ ปกติจะใช้กับสินค้าหรือบริการที่หามูลค่าเพิ่มได้ยาก ซึ่งเหมาะกับการคำนวณรายได้และการจัดเก็บภาษีคริปโทมากกว่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย
ทั้งนี้ แนวปฏิบัติเรื่องการยกเว้นภาษีหัก ณ ที่จ่ายและการนำผลกำไรและขาดทุนรวมกันเพื่อคำนวณภาษี จะมีผลเฉพาะการซื้อขายผ่าน Exchange Platform ที่อยู่ภายใต้การดูแลของก.ล.ต. เท่านั้น และนักลงทุนยังคงต้องนำเงินได้จากคริปโทฯ มารวมกับเงินได้อื่นๆ เช่น เงินเดือน เงินจากธุรกิจ นำมาหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่นๆ เพื่อยื่นภาษีประจำปี และจ่ายภาษีในอัตราก้าวหน้า 5-35% โดย K WEALTH แนะนำให้นักลงทุนเตรียมยื่นภาษีด้วยการสรุปทำบัญชีกำไร/ขาดทุนในการซื้อขาย (เทรด) การ Stake เหรียญ และทำบัญชีต้นทุนในการขุดเหรียญให้ละเอียดชัดเจน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อาจารย์กฎหมายภาษี' สรุป 19 ประเด็น คำพิพากษาประวัติศาสตร์ ภาษีหุ้นชินคอร์ป ลากยาก 19 ปี
ผศ. ดร.ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ (อาจารย์มิก) อาจารย์กฎหมายภาษีอากร และ CEO iTAX โพสต์เฟซบุ๊ก Mickey Yutthana Srisavat ระบุว่า
มาแล้วฉบับเต็ม! เปิดคำพิพากษาศาลฎีกาภาษีหุ้นชิน 'ทักษิณ' จ่าย 1.76 หมื่นล้าน
เมื่อวันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2568 ที่ศาลภาษีอากรกลาง ศูนย์ราชการ ถนนเเจ้งวัฒนะ ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีที่นายทักษิณ
'ทักษิณ' อ่วม! ศาลฎีกาพิพากษากลับ ให้เรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป 1.76 หมื่นล้าน
"ทักษิณ" อ่วม! ศาลฎีกาพิพากษากลับยกฟ้อง กรมสรรพากร เรียกเก็บภาษีชินคอร์ป 1.76 หมื่นล้านบาท ชี้ ให้ "โอ๊ค-เอม" ถือหุ้น วัตถุประสงค์ขาดคุณธรรมทางภาษี ส่งผลรัฐเก็บภาษีไม่ได้ เป็นธุรกรรมหาประโยชน์อื่นรวมถึงภาษีเงินได้ มิชอบด้วยกฎหมายร้ายแรง
กสิกรไทยเตรียมซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 47.39 ล้านหุ้น วงเงินไม่เกิน 8,800 ล้านบาท
กสิกรไทยประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงินในวงเงินไม่เกิน 8,800 ล้านบาท และจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 47.39 ล้านหุ้น โดยจะซื้อหุ้นผ่านระบบซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วงระหว่างวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ถึงวันที่ 13 พฤษภาคม 2569
ขยายสิทธิ์หักรายจ่าย 2 เท่าจัดอบรม–สัมมนาในอำเภอเมืองหลัก
รัฐบาลขยายสิทธิ์หักรายจ่าย 2 เท่า สำหรับนิติบุคคลจัดอบรม–สัมมนาในอำเภอเมืองหลักที่ได้สิทธิเทียบเท่าเมืองรอง


