‘เผ่าภูมิ’ ลุยดัน ‘พ.ร.บ. ศูนย์กลางการเงิน’ เข้าสภาบรรจุวาระ

กฤษฎีกา ตรวจร่าง “พ.ร.บ. ศูนย์กลางการเงิน” เสร็จแล้ว “เผ่าภูมิ” ดันเข้าสภาบรรจุวาระ 1 ทันที ต้นเดือน ก.ค.

 1 มิ.ย. 2568 – ดร. เผ่าภูมิ  โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (Financial Hub) เพื่อดึงดูดผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในไทย พัฒนาบทบาทของประเทศไทยให้เป็นผู้เล่นสำคัญทางเศรษฐกิจในเวทีโลก และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอนาคต โดยกระทรวงการคลังได้ยกร่าง พ.ร.บ. ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. …. และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบหลักการของร่าง พ.ร.บ. และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณานั้น

ปัจจุบันคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ได้ตรวจพิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว ร่าง พ.ร.บ. Financial Hub นี้ จะถูกบรรจุวาระและเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรวาระที่ 1 ทันทีที่เปิดสมัยประชุมสภาต้นเดือนกรกฎาคมนี้ โดยร่าง พ.ร.บ. ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการกฤษฎีกามี 9 หมวด ประกอบด้วย

บททั่วไป ซึ่งเป็นการกำหนดวันที่บังคับใช้ร่าง พ.ร.บ. และนิยามที่เกี่ยวข้อง

หมวด 1 คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน : ซึ่งเป็น

การกำหนดองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการให้กำกับดูแลกิจการภายใต้โครงการ Financial Hub อย่างครบวงจร ตั้งแต่การกำหนดหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจ การให้ใบอนุญาต การตรวจสอบการดำเนินงาน และการเพิกถอนใบอนุญาต

หมวด 2 สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน :

ซึ่งเป็นการตั้งสำนักงานเพื่อให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One-stop Authority: OSA) และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจ ทั้งการพิจารณาใบอนุญาตและสิทธิประโยชน์ต่างๆ

หมวด 3 ผู้อำนวยการ : ซึ่งเป็นการกำหนดคุณสมบัติและวิธีการแต่งตั้งผู้บริหารจัดการสำนักงาน

หมวด 4 การอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเป้าหมาย : ซึ่งเป็นการกำหนดประเภทและขอบเขตของธุรกิจที่จะได้รับอนุญาต และการกำหนดคุณลักษณะของนิติบุคคลที่ประสงค์จะยื่นคำขอประกอบธุรกิจ

หมวด 5 การส่งเสริมสิทธิประโยชน์ : ซึ่งเป็นการกำหนดสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกอบธุรกิจจะได้รับหากมาจัดตั้งธุรกิจภายใต้ Financial Hub

หมวด 6 การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจภายใต้การส่งเสริม : ซึ่งเป็นการกำหนดแนวทางในการกำกับดูแลธุรกิจภายใต้ Financial Hub ซึ่งได้พิจารณาให้ครอบคลุมแนวทางการกำกับดูแลธุรกิจด้านการเงินในปัจจุบัน ทั้งธุรกิจสถาบันการเงิน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจประกันภัย

หมวด 7 พนักงานเจ้าหน้าที่ : ซึ่งเป็นการกำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสามารถตรวจสอบกิจการของผู้ประกอบธุรกิจได้

หมวด 8 และ 9 มาตรการปรับเป็นพินัย และ โทษทางอาญา : ซึ่งเป็นบทกำหนดโทษในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่กำหนด

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (Financial Hub)

เมื่อวันที่ 26 กค. ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสเข้าฟังเสวนาเรื่อง “ร่าง พ.ร.บ. ศูนย์กลางทางการเงิน : ฝันไกล ฝันล่ม หรือฝันร้าย ?” จัดโดยกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ซึ่งหัวข้อเรื่องชวนให้สงสัยว่า ศูนย์กลางทางการเงินในไทยจะเป็นแค่ความฝันหรืออย่างไ? แต่หากเกิดได้จริงก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะจะได้สร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศได้เพิ่มเติมขึ้น แต่ปรากฏว่ามีความเป็นห่วงในหลายเรื่องที่อยู่ในร่าง พ.ร.บ. ที่ยังไม่ชัดเจนหากจะนำไปใช้งานจริง  

การพัฒนาประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงิน :  มุมมองด้านการกำกับดูแล

คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 เห็นชอบหลักการของร่าง พ.ร.บ. ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ.......... ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (Financial Hub) เพื่อเป็นผู้เล่นสำคัญทางเศรษฐกิจในเวทีโลก และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

จิรายุ โวต่างชาติสนใจไทยขนเงินลงทุนปี 68 วางเป้า 8 แสนล้าน

โฆษกรบ. เผย นักลงทุนแห่ลงทุนเพิ่ม เล็งขอตั้งฐานการผลิตขนาดใหญ่ในอุตฯ อิเล็กทรอนิกส์และดิจิทัล คาดสร้างเม็ดเงินมากกว่า 8 แสนล้านบาท

นายกฯ ขอบคุณ Google ประกาศการลงทุนในไทยสูงกว่า 35,000 ล้านบาท

ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัท Alphabet และ Google เข้าเยี่ยมคารวะ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสเยือนประเทศไทย เพื่อหารือความคืบหน้าของโครงการการลงทุนของบริษัทในไทย และความร่วมมือเพื่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ภายใต้แนวคิด Leave No Thai Behind

ผู้ผลิตแบตเตอรี่จีนขานรับเตรียมลงทุนในไทย 30,000 ล้านบาท

บีโอไอ เผยผลการจัดโรดโชว์การลงทุนที่จีน ผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำตอบรับมาตรการส่งเสริมการลงทุนผลิตเซลล์แบตเตอรี่ คาดในปีนี้ อย่างน้อย 2 ราย จะมีความชัดเจนในการตั้งฐานผลิตในไทยเงินลงทุนเฟสแรกกว่า 30,000 ล้านบาท

'บีโอไอ' บุกจีนดึงผู้ผลิตแบตเตอรี่ลงทุนไทย

บีโอไอ จัดคณะโรดโชว์ประเทศจีน ดึงผู้ผลิตแบตเตอรี่ระดับโลกเข้ามาลงทุนตั้งฐานผลิตแบตเตอรี่ต้นน้ำระดับเซลล์ในประเทศไทย เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของซัพพลายเชนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาดของประเทศ ตามนโยบายของบอร์ดอีวี