
‘พิชัย’ รับเตรียมลดภาษีนำเข้าให้สหรัฐฯ เหลือ 0% หลายรายการ แต่ยันไม่ได้ให้ทั้งหมด พร้อมปรับปรุงแนวทางการค้า ปูพรมเข้าสู่ความสมดุล มั่นใจข้อเสนอน่าสนใจ แจงยังไม่ได้ประเมินหลัง ‘ทรัมป์’ โพสต์จ่อเก็บภาษีเพิ่มเติม 10% กลุ่ม BRICS
7 ก.ค. 2568 – นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าภายหลังเดินทางกลับจากการเจรจาการค้าและภาษีนำเข้ากับสหรัฐฯ ว่า ยืนยันว่าไทยไม่ได้มีการยื่นข้อเสนอใหม่แต่อย่างใด เป็นเพียงการปรับปรุงข้อเสนอที่ได้ยื่นไปแล้วเพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะเรื่องภาษี ที่แน่นอนว่าไทยอาจจะต้องมีการให้อัตราภาษีนำเข้ากับสหรัฐฯ 0% เยอะพอสมควร แต่ไม่ได้ให้ทั้งหมด และตรงนี้จะไม่ไปทำให้เป็นข้อได้เปรียบประเทศคู่ค้าอื่น ๆ ที่เรามีอยู่แน่นอน
นอกจากนี้ ยังมีการปรับรุงเรื่องแนวทางการค้าเพื่อให้มีความเหมาะสม และสมดุลระหว่างไทยกับสหรัฐฯ มากยิ่ิงขึ้น โดยแนวทางทรี่สำคัญ คือ ต้องทำให้การค้าขายระหว่าง 2 ฝั่งมีมากขึ้น ซึ่งหากมองในมุมส่วนตัวก็คิดว่าข้อเสนอที่ได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมนั้นค่อนข้างดี และเชื่อว่าหากมองในมุมของสหรัฐฯ ก็จะเห็นว่าดีด้วยเช่นกัน
ส่วนท้ายที่สุดไทยจะได้อัตราภาษีนำเข้าต่ำกว่าเวียดนามหรือไม่นั้น รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง ระบุว่า “อย่าให้ผมต้องตอบเลย!”
“เรื่องการเจรจาแต่ละประเทศไม่ใช่ว่าคุยครั้งเดียวแล้วจะจบได้อยู่แล้ว ทุกอย่างต้องค่อย ๆ ขยับไปเรื่อย ๆ และจำนวนประเทศที่ยังไม่ได้รับคำตอบก็ค่อนข้างเยอะ ตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการทำงาน ช่วงที่เดินทางไปสหรัฐฯ มีโอกาสได้เจอกับภาคเอกชนที่เข้ามาลงทุนในไทย และภาคเกษตรกรรม ทำให้ได้รับรู้ปัญหาเพิ่มเติม และได้มีข้อเสนอต่าง ๆ กลับมาด้วย ตรงนี้ทำให้ผมได้รับทราบในภาพรวม จึงเป็นที่มาของการปรับปรุงเรื่องการค้าให้สมดุล และภาษีให้มีความเหมาะสม เพราะเวลาผมมอง ไม่ได้มองแค่การเข้าสู่จุดสมดุลการค้าเร็วขึ้นอย่างเดียว แต่ผมท่องเสมอว่า ต้องทำให้การค้าขายระหว่าง 2 ฝั่งมีมากขึ้น ดังนั้นตรงนี้ก็ต้องมีการเสนออะไรเพิ่มเข้าไปหน่อย” นายพิชัย กล่าว
สำหรับกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศบน Truth Social ว่า จะมีการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม 10% ต่อประเทศที่สนับสนุนนโยบายต่อต้านอเมริกาของกลุ่ม BRICS” โดยไมไ่ด้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมนั้น นายพิชัย ระบุว่า ต้องพิจารณาในรายละเอียดให้ลึก ๆ ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ หมายถึงอะไร ซึ่งส่วนตัวยังไม่ได้มีการประเมินเรื่องพวกนี้เท่าไหร่นัก
อย่างไรก็ดี มองว่าขณะนี้เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังลำบาก แต่ประเทศไทยหากเดินมาถูกทาง และเมื่อเศรษฐกิจโลกเข้าที่ เศรษฐกิจไทยก็พร้อมที่จะฟื้นตัวได้ทันที และโดยปกติเวลาที่เศรษฐกิจฟื้นตัว การนำเข้าก็จะเยอะขึ้น ดังนั้นตอนนี้ยังไม่อยากให้ไปประเมินอะไรจนเร็วเกินไป เพราะยังต้องมีอะไรเข้ามาอีกเยอะ เช่น เรื่องสมดุลการค้าที่ว่าจะต้องทำให้เร็วขึ้นใน 5-10 ปีนั้น ส่วนตัวมองว่าตรงนี้กลับไม่ได้เป็นประเด็นกับสหรัฐฯ เท่าไหร่ นั้น แต่ประเด็นสำคัญกับสหรัฐฯ เชื่อว่าจะอยู่ที่เรื่องจะค้าขายอย่างไรกับไทยมากกว่า
ส่วนเรื่องข้อกังวลเกี่ยวกับสินค้าเกษตรกรรมนั้น ยืนยันว่าเรื่องนี้ไทยรู้ดีอยู่แล้วว่าตัวไหนรับได้ และรับไม่ได้ ขณะที่จะมีการนำเรื่องการนำเข้าเนื้อสุกรขึ้นมาพิจารณาด้วยหรือไม่นั้น นายพิชัย ระบุว่า อย่าให้มีการลงรายละเอิียดเกี่ยวกับอะไรที่ยังไม่มีความพร้อมดีกว่า ส่วนรายละเอียดทั้งหมดคงยังไม่สามารถชี้แจงได้ แต่ยืนยันได้ว่าได้มีการส่งรายละเอียดการปรับปรุงข้อเสนอและยื่นให้กับทางสหรัฐฯ เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่าไทยมีโอกาสที่จะได้รับจดหมายจากทางสหรัฐฯ ภาษีตอบโต้จากสหรัฐฯ ใน 1-2 วันนี้หรือไม่นั้น รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง กล่า่วว่า อย่าไปตอบเรื่องจดหมายเลย ผมเองก็คงตอบอะไรไม่ได้ ส่วนวันที่ 9 ก.ค. 2568 ไทยจะโดนเรียกเก็บภาษีด้วยหรือไม่นั้น ก็อยากให้ลองมาดูกัน เพราะวันนี้ก็วันที่ 7 ก.ค. แล้ว
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การเจรจาเรื่องภาษีกับสหรัฐฯ นั้น ไม่ใช่แค่เพียงการมุ่งลดอัตราภาษีระหว่างกันเท่านั้น แต่ยังมีวิธีการอื่นที่เพิ่มเข้ามาด้วย เช่น จะมีวิธีอย่างไรที่ทำให้ดุลการค้าระหว่าง 2 ประเทศมีความสมดุลมากยิ่งขึ้น ส่วนจะสมดุลเร็วขึ้นเท่าไหร่นั้นก็ขึ้นอยู่กับวิธีการ แต่เชื่อว่าข้อเสนอของไทยในเรื่องนี้น่าจะเป็นข้อเสนอที่ดีและได้รับความสนใจจากสหรัฐฯ
“ภาษีเป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว แต่อย่างที่บอกว่าภาษีก็ไม่ใช่ตัวยืนยันว่าการขาดดุลการค้าจะดีขึ้น ถ้าตราบใดที่เขายังนำเข้าจากเราเยอะ เขาก็ยังขาดดุลอยู่ดี แต่เรามีวิธีอื่นนอกเหนือจากการลดภาษี นั่นคือการทำให้การค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ สมดุลมากขึ้น เช่น เราอาจจะซื้อสินค้าหรือลงทุนกับสหรัฐฯ มากขึ้น ส่วนเรื่องภาษีถ้าลดไป ลดมา แต่เราไม่ได้ซื้อสินค้าจากเขามากขึ้นเลย ดุลการค้าก็เหมือนเดิม ดังนั้นจึงต้องมีหลายวิธีรวมกัน ทั้งการลดอุปสรคทางการค้าในหลายมิติ ไม่ใช่การลดภาษีเพียงอย่างเดียว แต่เรื่องภาษียังคงเป็นเรื่องสำคัญและเป็นหัวข้อใหญ่ของการเจรจาในครั้งนี้” นายลวรณ กล่าว
อย่างไรก็ดี กรณีที่สหรัฐฯ จะมีการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม 10% ต่อประเทศที่สนับสนุนนโยบายต่อต้านอเมริกาของกลุ่ม BRICS นั้น เบื้องต้นมองว่าอาจจะไม่กระทบกับไทย เพราะไทยไม่ได้เป็นสมาชิก แต่เป็นพาร์ทเนอร์ ซึ่งหากพิจารณาตามขอบเขตที่สหรัฐฯ ประกาศออกมา คือจะดำเนินเก็บภาษีกับสมาชิกผู้ก่อตั้งในลักษณะหนึ่ง และสมาชิกสมทบอีกลักษณะหนึ่ง ส่วนข้อสรุปจะเป็นอย่างไรคงไม่สามารถตอบได้ ต้องติดตามรายละเอียดต่อไป


