
‘คลัง’ ชะลอปฏิรูปโครงสร้างภาษี หวั่นกระทบความเชื่อมั่น ชี้มีเรื่องสำคัญด้านเศรษฐกิจที่ต้องเร่งให้ความสำคัญก่อน เบรกยกเครื่องภาษีบุหรี่-สุขภาพ ‘สรรพสามิต’ ยิ้มรีดภาษีน้ำมันดีเซล-เบนซิน เพิ่มลิตรละ 1 บาท อานิสงส์เก็บรายได้พุ่ง 2 หมื่นล้านบาท มั่นใจสิ้นปีงบ 68 จัดเก็บรายได้ฉลุย
28 ก.ค. 2568 – แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับนโยบายการปฏิรูปโครงสร้างภาษีของกระทรวงการคลัง ว่า ขณะนี้นโยบายการปฏิรูปโครงสร้างภาษีของกระทรวงการคลังทั้งหมดอาจจะต้องชะลอออกไปก่อน เนื่องจากฝ่ายนโยบายได้สั่งการให้ทุกฝ่าย และทุกกรมภาษี ยังไม่ต้องดำเนินการเกี่ยวกับมาตรการภาษีใหม่ ๆ ในช่วงนี้ เพราะกังวลว่าอาจจะกระทบกับความเชื่อมั่นของภาคเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง และขณะนี้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจไทยยังมีอีกหลายประเด็นที่ต้องเร่งให้ความสำคัญก่อน
“เรื่องการปฏิรูปโครงสร้างภาษีของกระทรวงการคลังทั้งหมด ตอนนี้ทุกหน่วยงานได้มีการศึกษาอย่างต่อเนื่อง แต่ขณะนี้สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศยังมีอีกหลายปัจจัยที่เร่งด่วนกว่า จึงต้องไปให้ความสำคัญในส่วนนั้นก่อน ขณะที่เรื่องนี้ก็อาจจะชะลอออกไปก่อน แต่เรื่องนี้ยังเป็นนโยบายที่กระทรวงการคลังให้ความสำคัญเช่นเดิม” แหล่งข่าว กล่าว
ทั้งในส่วนของกรมสรรพสามิต เกี่ยวกับการปฏิรูปโครงสร้างภาษีต่าง ๆ ที่ยังไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ เช่น การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบ ที่แม้ว่าก่อนหน้านี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการศึกษาในรายละเอียดมาค่อนข้างมากแล้ว แต่ขณะนี้ก็ยังไม่ได้มีข้อสรุปว่าจะดำเนินการอย่างใดเพิ่มเติม ทำให้ยังต้องใช้โครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบของเดิมต่อไปก่อน รวมไปถึงภาษีสรรพสามิตที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และภาษีสรรพสามิตที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) โดยขณะนี้ทั้งหมดหยุดนิ่ง
ขณะที่ภาพรวมการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตในปีงบประมาณ 2568 ยังเชื่อมั่นว่าจะเป็นไปได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 6.09 แสนล้านบาท เนื่องจากได้อานิสงส์จากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลและเบนซินเพิ่มขึ้น 1 บาทต่อลิตร ซึ่งในส่วนนี้จะช่วยทำให้กรมฯ สามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นราว 2 หมื่นกว่าล้านบาท โดยรายได้ในส่วนนี้เป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ไม่คิดว่าจะเก็บได้
สำหรับกรมสรรพากร ที่ผ่านมาได้มีการศึกษาเกี่ยวกับแนวทางการปรับโครงสร้างภาษีไว้เกือบหมดแล้ว ส่วนจะดำเนินการอย่างไรเป็นเรื่องที่ฝ่ายนโยบายจะพิจารณา ซึ่งกรมสรรพากรก็ได้มีการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แนวโน้มการจัดเก็บรายได้นั้น ยังเชื่อมั่นว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย ที่ 2.3725 ล้านล้านบาท แม้ว่าภาพรวมการจัดเก็บรายได้ในช่วง 8 เดือน ปีงบประมาณ 2568 (ต.ค.67-พ.ค.68) จะทำได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 7.79 พันล้านบาท อยู่ที่ 1.353 ล้านล้านบาท เนื่องจากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลที่มีนิติบุคคลบางส่วนเปลี่ยนไปยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกำไรสุทธิ (ภ.ง.ด.50) ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะมีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดการยื่นแบบในช่วงต้นเดือน มิ.ย. 2568
ด้านกรมศุลกากร ในปีงบประมาณ 2568 มีเป้าหมายการจัดเก็บรายได้อยู่ที่ 1.22 แสนล้านบาท โดยมองว่ายังมีปัจจัยที่ต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับการทำความตกลงทางการค้าเสรี (FTA) ซึ่งอาจจะมีผลต่อรายได้ของกรมศุลกากร จากการลดหรือยกเลิกภาษีศุลกากร แต่ก็เชื่อว่าจะมีผลดีต่อการค้าระหว่างประเทศและการลงทุน ซึ่งอาจจะนำไปสู่การเก็บภาษีอื่น ๆ เพิ่มขึ้นได้

